
เลขาฯEEC เผยโปรเจ็กต์ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา วงเงินหมื่นล้านบาท จ่อปิดดีลเซ็นสัญญา ‘การบินไทย’ ม.ค. 69 ส่วนรันเวย์ 2 จ่อเริ่มต้นสร้าง 28 พ.ย. นี้
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO – Upkeep, Restore, and Overhaul) พื้นที่ 210 ไร่ มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 50 ปี ปัจจุบันมีการหารือกับบมจ.การบินไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาเช่าที่ดินประมาณเดือน ม.ค. 2569 นี้ ส่วนในรายละเอียด การบินไทยจะไปเชิญชวนใครมาร่วมลงทุนด้วย ก็เป็นเรื่องของการบินไทยว่าจะไปเชิญใคร
เลขาธิการ EEC กล่าวต่อว่า ประเด็นเงื่อนไขของสัญญาต่างๆ ได้มีการคุยกันแล้ว แต่ทางการบินไทยจะต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาก่อน เพราะเมื่อโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 (รันเวย์ที่ 2) ของสนามบินอู่ตะเภากำลังจะเริ่มก่อสร้าง และมี MRO รวมถึงอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่ทาง บจ. อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) กำลังจะเริ่มต้น ก็ต้องเตรียมการให้ดี ส่วนสัญญาเช่าจะเริ่มนับได้เมื่อไหร่ จะเริ่มนับตามที่ได้มีการตกลงไว้
ส่วนคู่สัญญา MRO จะเป็นบมจ.การบินไทยหรือไม่ นายจุฬากล่าวว่า การบินไทยแจ้งว่าจะเป็นคนยื่น ล่าสุดก็แจ้งว่า จะให้บริษัทลูกเป็นผู้เช่า ส่วนบริษัทลูกจะมีการร่วมทุนกับ บมจ.การบินกรุงเทพ (Bangkok Airways Public Firm Restricted) หรือไม่ เป็นเรื่องของการบินไทย แต่มีการบอกแล้วว่า จะให้บริษัทลูกเป็นผู้เช่า
ขณะที่ประเด็นการแบ่งปันผลประโยชน์ เลขาธิการ EEC กล่าวว่า ผลตอบแทนมี 2 ส่วนคือ ค่าเช่าพื้นที่ และการแบ่งปันผลประโยชน์ จากส่วนแบ่งรายได้แบบขั้นบันได โดยช่วงปีที่ 1-4 เป็นการเริ่มต้นโครงการ จะเก็บค่าเช่าพื้นที่อย่างเดียว และเริ่มคิดส่วนแบ่งรายได้ในปีที่ 5 โดยกำหนดอัตราดังนี้ ปีที่ 5-10 คิดส่วนแบ่งรายได้ 3% ,ปีที่ 11-15 คิดส่วนแบ่งรายได้ 5% และปีที่ 15 เป็นต้นไป คิดส่วนแบ่งรายได้ 7%
นายจุฬากล่าวต่อว่า เมื่อมีการลงนามแล้วในเดือน ม.ค. 2569 หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการที่ทางเอกชนจะเริ่มดำเนินการ ทั้งการออกแบบและก่อสร้าง ส่วนจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2569 หรือไม่ ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ตามขั้นตอนจะต้องมีการขออนุญาตก่อสร้างก่อนและต้องมีแบบก่อสร้างด้วย แต่ก็ต้องถามความพร้อมทางการบินไทยด้วย
“โครงการ MRO นี้ จะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และรองรับการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ในระดับการซ่อมใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีที่ ประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นเมื่อ MRO เกิดขึ้น จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งการผลิตชิ้นส่วน ของเครื่องบินและซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกคิดเป็นมูลค่ามหาศาล และหลังจากนี้ EEC จะมีการเปิดพัฒนาพื้นที่อีกประมาณ 50 ไร่ ใกล้กับ MRO เพื่อรองรับเครื่องบินส่วนตัว (Deepest Jet) อีกด้วย” นายจุฬากล่าว
รายงานข่าว แจ้งว่า ล่าสุด การบินไทยดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ Thai MRO Crew Firm Restricted และ Thai MRO Products and companies Firm Restricted เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยทั้งสองบริษัทมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 1 ล้านบาท (ประมาณ 30,997 ดอลลาร์สหรัฐ) และทุนชำระแล้วเริ่มต้นที่ 250,000 บาท (ประมาณ 7,749 ดอลลาร์สหรัฐ) และถือหุ้นโดยการบินไทย 100% บริษัทใหม่ทั้งสองถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO)
แบบจำลองศูนย์ซ่อมอากาศยาน สนามบินอู่ตะเภา
ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกในส่วนของโครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) นายจุฬาระบุว่า จะมีการเริ่มต้นการก่อสร้างในวันที่ 28 พ.ย.2568 นี้ โดยในส่วนรันเวย์ช่วงที่มีอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ลอดอยู่ด้านใต้นั้นจะมีกรอบระยะเวลาที่สามารถรอได้ประมาณ 18 เดือน ไม่มีผลกระทบต่อการเริ่มต้นก่อสร้างรันเวย์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 (รันเวย์ที่ 2) ของสนามบินอู่ตะเภาได้เริ่มก่อสร้าง หลังจากนี้ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ภายใต้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ที่มีบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เป็นผู้รับสัมปทาน จะได้เริ่มต้นก่อสร้างตามไปรวมถึงโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภานั้นกองทัพเรือ (ทร.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2568 วงเงินสัญญาประมาณ 13,143 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,095 วัน
ผังรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา












