
นิติวิทยาศาสตร์ระบุตัวเด็กสาวที่ถูกลืมได้อย่างไร หลังเธอกลายเป็นศwปริศนาในม้วนพรมนาน 8 ปี

Article Data
-
- Author, ชาร์ลี บัคแลนด์
- Characteristic, บีบีซี เวลส์
คาเรน ไพรซ์ มีอายุได้เพียง 15 ปี หลังจากเธอหายตัวไปในปี 1981 และหากคนงานก่อสร้างสองคน ไม่ได้ค้นพบร่างไร้วิญญาณของคาเรนโดยบังเอิญ อาจไม่มีใครได้พบศwของเธอไปตลอดกาล นั่นเป็นเพราะเธอไม่มีญาติพี่น้อง หรือแม้แต่ใครสักคนที่กำลังพยายามตามหาเธออยู่
สื่อมวลชนอังกฤษให้ฉายาเธอว่า “สาวน้อยไร้ตัวตน” เพราะคาเรนหายสาบสูญไปนานถึง 8 ปี ก่อนที่ร่างโครงกระดูกซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยพรมปูพื้น จะถูกขุดขึ้นมาในวันที่ 7 ธ.ค. 1989 โดยคนงานก่อสร้างสองคนที่พบมันเข้าโดยบังเอิญ บริเวณย่านชุมชนใจกลางเมืองคาร์ดิฟฟ์
ร่างของเธอถูกฝังอยู่ในหลุมตื้น ๆ ด้านนอกอาคารที่พักอาศัยซึ่งเป็นแฟลตชั้นใต้ดิน ในย่านฟิตซ์แฮมอน เอ็มแบงก์เมนต์ (Fitzhamon Embankment) ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ร่างนั้นเน่าเปื่อยและสลายตัวไปแล้วอย่างมาก จนไม่อาจระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเสียชีวิตได้เลย
ปัจจุบันเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาแล้วนานกว่า 40 ปี ทั้งยังมีการปล่อยตัวคนร้ายที่สังหารคาเรนจากเรือนจำแล้ว แต่เพิ่งมีสารคดีเรื่องใหม่ทางโทรทัศน์ ที่ออกมาบอกเล่าเรื่องราวการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ว่าสามารถปะติดปะต่อเบาะแสต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จนไขคดีฆาตกรรมเด็กสาว “ที่ไม่มีใครรู้จัก” ได้อย่างไร สารคดีนี้ยังเผยถึงวิธีการใหม่ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยให้ตำรวจติดตามจับกุมชายสองคนมาดำเนินคดีได้ด้วย
ทอม เบดฟอร์ด ผู้สื่อข่าวอาชญากรรมที่เคยได้ทำข่าวนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน บอกว่า “มันช่างเหลือเชื่อเมื่อมาลองคิดดูว่า เด็กสาวอายุแค่ 15 ปี สามารถจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่มีใครผิดสังเกตหรือให้ความสนใจห่วงใยเธอเลย สี่สิบปีมานี้ผมทำข่าวมาแล้วหลายเรื่อง แต่จะไม่มีวันลืมเรื่องนี้”
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด
End of ได้รับความนิยมสูงสุด
เบดฟอร์ดยังให้สัมภาษณ์ในสารคดีเรื่องใหม่ “ความลับที่ถูกฝัง: ศwในม้วนพรม” (Buried Secrets and ways: The Physique in the Carpet) ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ของสหราชอาณาจักรว่า “ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการปล่อยให้เธอหนีออกจากบ้านพักเด็กและเยาวชนของรัฐ โดยไม่มีการประกาศตามหา หรือการสอบสวนทวนความใด ๆ ในเรื่องดังกล่าว มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน ไม่มีการขึ้นทะเบียนชื่อของเธอในรายชื่อผู้สูญหาย ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายตัวไป ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเธอเป็นใคร”

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
คำเตือน: เรื่องราวต่อไปนี้มีรายละเอียดที่อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่สบายใจ
พ่อแม่ของคาเรนหย่าร้างกัน ทำให้เธอต้องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางชีวิตครอบครัวที่วุ่นวายปั่นป่วน ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้งเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูปกครองบุตร ทำให้เธอต้องเข้าไปอยู่ในความดูแลของทางการตั้งแต่อายุเพียง 10 ปี
เธอเคยแอบหนีออกจากบ้านพักเด็กและเยาวชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเธออยู่มาตั้งแต่ตอนอายุได้ 11 ปี และต่อมาก็หนีออกจากศูนย์ประเมินเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม Maes-three hundred and sixty five days-Eglwys ที่หมู่บ้าน Church Village ในเขต Rhondda Cynon Taf ของแคว้นเวลส์ โดยไม่หวนกลับมาอีกเลย
ส่วนร่องรอยหลักฐานที่พอจะบ่งบอกได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคาเรนหลังจากนั้น ไปจนถึงช่วงก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ก็หาพบได้ยากมาก

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
ในช่วงฤดูหนาวของปี 1989 คนงานก่อสร้างซึ่งกำลังปรับปรุงพื้นที่ ตรงบริเวณที่จะกลายเป็นสนามกีฬาประจำเมืองในปัจจุบัน ได้ขุดดินลึกลงไปประมาณ 3 ฟุต ก่อนจะพบเข้ากับพรมม้วนหนึ่ง
คลิปวิดีโอที่บันทึกรายงานข่าวในตอนนั้น มีถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของนายพอล โบเดแนม หนึ่งในคนงานก่อสร้าง ที่เล่าว่าตอนแรกพวกเขาต่างหยอกล้อกันเล่น ๆ ว่า “อาจจะมีศwอยู่ในนั้นก็ได้”
แต่เมื่อได้เห็นสิ่งสยองขวัญที่อยู่ด้านใน พวกเขารีบแจ้งให้ตำรวจมาทันที ศwของคาเรนที่อยู่ในม้วนพรมนั้น ถูกมัดด้วยท่อร้อยสายไฟที่ข้อมือ ส่วนที่ศีรษะยังคงมีถุงพลาสติกคลุมอยู่
เนื่องจากแทบไม่มีใครรู้ว่า เธอไปไหนและทำอะไรมาบ้างก่อนเสียชีวิต ส่วนกล้องวงจรปิดก็ยังไม่เป็นที่นิยมในยุคนั้น การสืบสวนสอบสวนของตำรวจในคดีนี้ จึงต้องอาศัยนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
ซากหนอนที่พบในพรมคือเบาะแสสำคัญ ซึ่งจะบอกได้ว่าเธอเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ และร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหนแล้ว เพราะแมลงวันจะไม่วางไข่ในซากศwที่ถูกฝังตั้งแต่แรก ดังนั้นการที่ศwมีหนอนไชจึงยืนยันได้ว่า คาเรนน่าจะถูกฆาตกรรมในช่วงระหว่างเดือนก.ค. ปี 1981 จนถึงเดือนมี.ค. ปี 1982 ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกนำไปฝังในหลุมตื้น ๆ
ข้อมูลนี้ทำให้ตำรวจสืบสวนสามารถระบุรายชื่อของผู้ต้องสงสัย ซึ่งน่าจะเป็นคนที่พักอยู่ในแฟลตชั้นใต้ดินแห่งดังกล่าว ในช่วงเวลาที่คาดว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เดวิด วิตเทเกอร์ ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ ยังได้ตรวจสอบโครโมโซมจากฟันของผู้เสียชีวิต รวมทั้งพิจารณาระดับพัฒนาการของโครงสร้างฟัน จนทราบได้ถึงเพศและอายุของศw ทั้งยังพบโพรงสีชมพูในรอยแตกของฟัน ซึ่งเกิดจากเส้นเลืoดฝอยที่ส่งเลืoดไปเลี้ยงฟันฉีกขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่า มรณกรรมของคาเรนน่าจะมีสาเหตุมาจากการใช้ความรุนแรง

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
จุดเปลี่ยนของวงการนิติวิทยาศาสตร์
อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวน เจฟฟ์ นอร์แมน แห่งกองบังคับการตำรวจภูธรแคว้นเวลส์ใต้ บอกว่าเหตุฆาตกรรมอย่างกรณีของคาเรน ถือว่าผิดปกติอย่างยิ่งสำหรับเมืองคาร์ดิฟฟ์ในยุคสมัยนั้น เพราะก่อนหน้าคดีดังกล่าว ตัวเขาเองเคยเจอมาแต่คดีอาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น “ไม่ค่อยมีเหตุฆาตกรรมในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ตัวผมเองก็ไม่เคยเห็นซากโครงกระดูกมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างช็อกเลยทีเดียว”
ในเมื่อไม่มีข้อมูลคนหายที่ตรงกับซากศwปริศนา เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงต้องปะติดปะต่อเบาะแสต่าง ๆ เข้าด้วยกันเอาเอง โดยอาศัยเทคนิคใหม่ ๆ ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ยังไม่ผ่านการทดสอบเป็นส่วนใหญ่
ริชาร์ด นีฟ ศิลปินคนสำคัญผู้เชี่ยวชาญการประกอบสร้างใบหน้าใหม่ เพื่อระบุตัวตนให้กับศwที่ไม่เหลือเค้าของโฉมหน้าเดิมแล้ว ได้ใช้กะโหลกศีรษะของคาเรน มาเป็นเค้าโครงในการสร้างแบบจำลองใบหน้าของเธอในตอนที่ยังมีชีวิต ซึ่งปรากฏว่าทำออกมาได้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงมากทีเดียว
ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในความก้าวหน้าของวงการนิติวิทยาศาสตร์ เพราะเทคนิคใหม่รุ่นบุกเบิกที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงการเดาสุ่มในตอนแรก กลับกลายเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างล้นหลาม

ประกาศหาเบาะแสที่ออกในรายการ “เฝ้าระวังอาชญากรรม” หรือ Crimewatch ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 1990 ได้แสดงภาพใบหน้าที่ประกอบสร้างขึ้นใหม่ของคาเรน ทำให้เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์สองคนจากเมืองพอนตีพริดด์ (Pontypridd) ซึ่งอยู่ห่างจากคาร์ดิฟฟ์ไปทางตอนเหนือราว 16 กิโลเมตร จดจำเธอได้ทันทีและแจ้งถึงชื่อรวมทั้งตัวตนของคาเรนกับตำรวจ
อย่างไรก็ตาม การระบุตัวตนของคาเรนให้ได้อย่างแน่ชัด ยังต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งบุกเบิกในยุคนั้นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการสกัดสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) จากกระดูกมนุษย์ เทคนิคนี้ทำให้สามารถบ่งชี้ได้ว่า ศwนิรนามนั้นเป็นบุตรของใคร ซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันตัวตนที่แน่ชัดของเธอเป็นครั้งแรก

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
รายการ Crimewatch ไม่เพียงแต่ช่วยระบุชื่อของศwนิรนามได้เท่านั้น ยังทำให้ผู้ที่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุฆาตกรรมของคาเรน ยอมออกมารับสารภาพและให้เบาะแสเพิ่มเติมอีกด้วย
อิดริส อาลี เป็นคนหนึ่งที่ได้รับชมรายการดังกล่าว เพื่อนคนหนึ่งของเขาได้พยายามชักจูงโน้มน้าว ให้อาลียินยอมออกมาให้การกับตำรวจ เรื่องที่เขาเคยมีส่วนพัวพันกับการเป็นนายหน้าค้ากาม โดยใช้แรงงานเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่หนีออกมาจากบ้านพักเด็กและเยาวชน ซึ่งเขาร่วมกับนายอลัน ชาร์ลตัน ชาวมณฑลซัมเมอร์เซต กระทำการดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อน
ชาร์ลตันคือคนที่อาศัยอยู่ในแฟลตชั้นใต้ดินเลขที่ 29 ของย่านฟิตซ์แฮมอน เอ็มแบงก์เมนต์ ใจกลางเมืองคาร์ดิฟฟ์ โดยเขาพักอยู่ที่นั่นระหว่างเดือนมิ.ย. ปี 1981 จนกระทั่งถึงเดือน ก.พ. ปี 1982 เอกสารที่ใช้ในการพิจารณาคดีของศาลระบุว่า ศwของคาเรน “ถูกพบอยู่ห่างจากประตูหลังของบ้านเขาเพียงไม่กี่ฟุต”
อาลีให้การกับตำรวจว่า เขาเห็นชาร์ลตันสั่งให้คาเรนกับเด็กสาวอายุ 13 ปีอีกคนหนึ่ง ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อถ่ายภาพเปลือย แต่เมื่อเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าปฏิเสธ ชาร์ลตันก็ตรงเข้าทำร้ายเธอทันที ทำให้คาเรนพยายามเข้ามาช่วยปกป้องรุ่นน้อง จนชาร์ลตันโมโหและหันไปใช้ความรุนแรงกับคาเรนแทน
อัยการระบุว่าชาร์ลตันนั้นเป็น “พวกโรคจิต” เขาตบและต่อยคาเรนอย่างรุนแรง จนอาลีต้องเข้ามาห้ามและพลอยถูกหมัดของชาร์ลตันไปด้วย อาลียังให้การต่อศาลอุทธรณ์ว่า ภายใต้ภาวะที่ถูกข่มขู่ด้วยการใช้ความรุนแรง เขาได้พยายามจับมือของคาเรนไว้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่ชาร์ลตันยังคงตบและต่อยเธอไม่หยุด
อาลียังบอกว่า เมื่อชาร์ลตันหยุดทำร้ายคาเรนในที่สุด “มีเลืoดไหลจากปากของเธอ และเธอยังแน่นิ่งไม่ตอบสนองใด ๆ”

ที่มาของภาพ : South Wales Police
ในตอนที่เกิดเหตุฆาตกรรมดังกล่าว อาลียังเป็นผู้เยาว์ที่มีอายุเพียง 16 ปี เขาเล่าว่าชาร์ลตันได้เอาพรมออกมาห่อร่างของคาเรน ซึ่งเขายอมรับว่าได้ช่วยชาร์ลตันปกปิดอำพรางศwด้วยวิธีดังกล่าวด้วย
ในตอนแรกร่างของคาเรนถูกเก็บไว้ในตู้เป็นเวลา 4 วัน ก่อนที่พวกเขาจะย้อนกลับมาฝังร่างของเธออีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลาที่ศwถูกทิ้งไว้ในตู้นี้ นานเพียงพอที่แมลงวันจะมาวางไข่ จนเกิดหนอนขึ้นในภายหลังได้
อาลีบอกว่าชาร์ลตันสั่งให้เขากลับมาที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อช่วยฝังศwคาเรนในหลุมที่ขุดขึ้นลวก ๆ ในสวนด้านหลังของแฟลต ซึ่งตรงกับด้านนอกของหน้าต่างห้องครัวพอดี และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มีผู้ได้พบเห็นคาเรน ไพรซ์ ก่อนเธอจะหายสาบสูญไปเป็นเวลา 8 ปี หลังจากนั้น
ต่อมาในปี 1991 ศาลตัดสินให้ชาร์ลตันและอาลีต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยพวกเขาต้องถูกจำคุกอย่างน้อย 15 ปี ก่อนจะมีสิทธิยื่นขอพักโทษ อย่างไรก็ตาม ศาลได้เพิกถอนความผิดฐานฆาตกรรมของอาลีในปี 1994 หลังเขาหันมายอมรับสารภาพในข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความเสียชีวิต ซึ่งเป็นความผิดฐานที่เบากว่าฆาตกรรมโดยเจตนา อาลียอมรับว่าเขาทำเช่นนั้น เพื่อให้พ้นโทษและออกจากเรือนจำไวขึ้น
ส่วนชาร์ลตันซึ่งยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์มาโดยตลอดนั้น ได้รับอนุญาตให้พักโทษและถูกปล่อยตัวในปี 2017 หลังถูกจองจำมาเป็นเวลานาน 26 ปี

ที่มาของภาพ : South Wales Police
หลังศาลมีคำพิพากษาลงโทษคนร้ายทั้งสองในปี 1991 นายเลนาร์ด ไมเคิล ไพรซ์ พ่อของคาเรน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายงานข่าวเมื่อปี 1991 โดยเขาคิดว่าคาเรนได้แต่งงานมีครอบครัวของตนเองไปแล้ว จึงไม่ได้เป็นห่วงกังวลถึงความเป็นไปของลูกสาวอีกเลย จนกระทั่งมีการพบศwและรื้อฟื้นคดีขึ้นมาดังกล่าว
พ่อของคาเรนบอกว่า “มันน่าเศร้าสำหรับครอบครัวของเรา แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พักผ่อนอย่างสงบแล้ว ส่วนคนร้ายก็ได้รับโทษตามสมควร”
รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น South Wales Echo เมื่อปี 1990 ระบุว่านายไพรซ์เห็นลูกสาวครั้งสุดท้าย ในการหารือไกล่เกลี่ยเรื่องสวัสดิภาพของคาเรนที่ศาล เมื่อเดือนก.พ. ปี 1981
ส่วนแอนิตา เอ็ดเวิร์ด แม่ของคาเรน ได้ให้สัมภาษณ์กับไมค์ อาร์โนลด์ นักข่าวอาชญากรรมว่า เธอหวังว่าสักวันหนึ่งคาเรนจะกลับบ้าน โดยพาสามีและลูก ๆ ของเธอมาด้วย
แม่ของคาเรนยังบอกว่า ตนได้พยายามรั้งตัวลูกสาวเอาไว้อย่างสุดความสามารถแล้ว ในตอนที่เธอจะขึ้นรถโดยสารเพื่อหนีออกจากบ้านในปี 1981 หลังจากที่ทั้งสองทะเลาะกันเพราะคาเรนขโมยเครื่องบันทึกเสียง แต่เธอก็รั้งตัวลูกสาวเอาไว้ไม่ได้ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พบหน้าลูกอีกเลย
แม่ของคาเรนบอกว่าเธอคิดถึงลูกเสมอ และอ้างว่าเคยเขียนจดหมายสอบถามกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ในปี 1984 เพื่อติดตามข่าวคราวของคาเรน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น South Wales Echo รายงานในเวลาต่อมาว่า แม่ของคาเรนเสียชีวิตลงเมื่อมีอายุได้ 54 ปี ด้วยภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษอย่างเฉียบพลัน ในวันที่ 26 ธ.ค. 1992 หลังดื่มหนักจนล้มฟุบในวันคริสต์มาส
สิ่งที่ยังค้างคาอยู่คือคำถามที่ว่า เหตุใดไม่มีใครสนใจจะตามหาตัวเด็กสาวผู้นี้ ซึ่งได้หายตัวไปทั้งที่ยังอยู่ในความดูแลของทางการท้องถิ่น
หากคาเรนยังมีชีวิตอยู่ เธอจะมีอายุครบ 60 ปี เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา แม้เหตุฆาตกรรมของเธอจะโหดร้ายและสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์บอกว่า ผู้คนยังคงจดจำเรื่องราวของเธอได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมันมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาวงการนิติวิทยาศาสตร์
ทอม เบดฟอร์ด อดีตผู้สื่อข่าวอาชญากรรมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมทำข่าวมาแล้วหลายพันเรื่อง นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่เศร้าที่สุด เท่าที่ผมเคยรายงานมา การที่เด็กสาวอายุน้อยต้องมาเสียชีวิตแบบนั้น ชีวิตต้องดับสูญไปทั้งที่อายุได้แค่ 15 ปี มันช่างเศร้าเกินไปจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้”
ที่มา BBC.co.uk