
‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ ไม่รับคำร้อง ‘ปิ่นสาย สุรัสวดี’ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร-วิทัย รัตนากร ‘ผู้ว่าแบงก์ชาติ’ ละเมิดสิทธิ-เสรีภาพ ชี้ ศาลอื่นมีคำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ เอกสารข่าวเลขที่ 43/2568 เกี่ยวกับผลการประชุมปรึกษาคดีสำคัญและเป็นที่สนใจ จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องพิจารณาที่ ต. Ninety nine/2568 เรื่องพิจารณาที่ ต. 101/2568 และ เรื่องพิจารณาที่ ต. 104/2568 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
@ ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้ว
เรื่องพิจารณาที่ ต. Ninety nine/2568 กรณีน.ส.รัชกร วิไลสกุลยง (ผู้ร้อง) กล่าวอ้างว่า นายปิ่นสาย สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมสรรพากร (ผู้ถูกร้อง) กำหนด หลักเกณฑ์การวินิจฉัยค่าตอบแทนแพทย์ ให้รายได้จากการทำสัญญาหรือข้อตกลงแบ่งส่วนรายได้ของแพทย์กับผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (6) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้น.ส.รัชกรซึ่งเป็นผู้เข้ารับบริการด้านสาธารณสุขต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นและเป็นการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ที่ซ้ำซ้อน ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ของน.ส.รัชกร ขัดหรือแย้งต่อรัฐธธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 51 มาตรา Fifty three มาตรา 55 และมาตรา 62
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบของน.ส.รัชกรยื่นฟ้องนายปิ่นสายต่อศาลปกครอง และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วไม่ว่าจะได้พิจารณาเนื้อหาคดีหรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
เรื่องพิจารณาที่ ต. 101/2568 กรณีคำร้องการกระทำของนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ผู้ถกร้อง) ที่ไม่ออกประกาศกำหนดวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยหรือค่าบริการรายปีให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติส่งผลให้น.ส.รัชกรและประชาชนไม่ได้รับทราบและไม่อาจเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของนายวิทัยได้ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจสถาบันการเงินในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อและค่าบริการได้ตามอำเภอใจ เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของน.ส.รัชกรและประชาชน อีกทั้งมิได้เป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการทำนิติกรรมหรือสัญญา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 มาตรา 41 มาตรา 51 และมาตรา 61
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สดแล้ว ไม่ว่าจะได้พิจารณาเนื้อหาคดีหรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
@ เป็นการบริหารงานบุคคลของ ก.ต.
เรื่องพิจารณาที่ ต. 104/2568 กรณีนายศุภวิชญ์ จันทร์เสถียร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) (ผู้ถูกร้อง) มีมติไม่รับสมัครนายศุภวิชญ์สอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ประจำปี พ.ศ. 2567 (สนามใหญ่) ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ด้วยเหตุที่นายศุภวิชญ์มีความบกพร่องทางร่างกาย เนื่องจากเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องมีบุคคลอื่นเขียนสมุดคำตอบให้ในวันสอบ เป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแห่งความพิการ ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคสี่ และมาตรา 40 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 27 (เอ) และ (จี) รวมทั้งฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2555 ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่
ผลการพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า การกระทำของก.ต. เป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของ ก.ต. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (6) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย












