แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/0rh2 | ดู : 10 ครั้ง
มาตรา-144-ในรัฐธรรมนูญ-2560-เข้มกว่าที่เคยปรากฏในรัฐธรรมนูญฉ

มาตรา 144 ในรัฐธรรมนูญ 2560 เข้มกว่าที่เคยปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใด ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ ‘พิเชษฐ์​ เชื้อเมืองพาน’ พ้นตำแหน่งถูกตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง 10 ปี เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์​ในโซเชียล-สื่อ ถึงความเหมาะสมในการใช้เครื่องมือนี้ ประชาไทพูดคุยกับ ‘ศุภณัฐ บุญสด' นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งให้ความเห็นว่า มาตรานี้อยู่บนพื้นฐานความคิด ‘เกลียดนักการเมือง' และบทลงโทษล้นเกินของมันจะทำให้การส่งผ่านนโยบายของนักการเมืองเป็นไปได้ยาก หากมีความผิดพลาดควรใช้การอภิปรายในสภา ให้ประชาชนได้รับรู้และตัดสินในการเลือกตั้ง พร้อมระบุ ไม่เห็นด้วยให้มีมาตรานี้ในรัฐธรรมนูญ

ไม่ใคร่จะแน่ใจว่าเราคุ้นหูบ้างหรือไม่กับมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ถ้าบอกว่ากฎหมายนี้เป็นบทบัญญัติที่ทำให้ ‘พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน’ หลุดจากตำแหน่ง สส.และรองประธานสภาคนที่ 1 เมื่อเร็วๆ นี้ หลายคนอาจจะนึกออกมากขึ้น

เมื่อ 1 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งเพิกถอนตำแหน่ง สส. และตัดสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ‘พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน’ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย จากกรณีที่เขาถูกร้องว่าใช้อำนาจ ‘อนุมัติ’ 3 โครงการของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ โครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชน โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และโครงการส่งเสริมบทบาทของสตรี ในเขตพื้นที่เลือกตั้งของตัวเอง โดยศาลวินิจฉัยว่ามีเจตนานำงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อการหาเสียง หรือสร้างความนิยมให้กับตัวเอง อีกทั้ง ยังได้ตั้งงบประมาณต่อเนื่องจากปี 2568 มาถึงปี 2569 แสดงให้เห็นเจตนาในการหาผลประโยชน์ หาเสียง หรือสร้างความนิยมให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง ถือว่าผิดมาตรา 144 วรรค 2

สาระสำคัญของมาตรา 144 คือกฎหมายที่ป้องกันไม่ให้ สส. สว. หรือ กมธ.เสนอแปรญัตติ หรือกระทำใดๆ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมเอางบประมาณของแผ่นดินไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองหรือสร้างความนิยมให้ตัวเอง

สำหรับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 144 บัญญัติว่า ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการมิได้ แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้

(2) ดอกเบี้ยเงินกู้

(3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย

ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้

หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง ดูเหมือนจะมีประเด็นที่ต้องพิจารณากันต่อ เพราะว่า สส.ที่เดินหน้าร้องศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ คือ ภัณฑิล น่วมเจิม และ สส.พรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านการใช้องค์กรอิสระประหารชีวิตนักการเมือง

‘ไอซ์’ รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีนี้ว่า พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการใช้กลไกองค์กรอิสระเป็น ‘เครื่องมือทางการเมือง’ และไม่เห็นด้วยกับการทำนิติสงคราม เพื่อทำลายคู่แข่งโดยไม่เลือกวิธีการหรือหลักการ แต่ครั้งนี้เป็นการใช้กลไกเพื่อตรวจสอบเพื่อจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชัน

“ครั้งนี้เป็นการใช้ ‘กลไกการตรวจสอบ’ ขององค์การอิสระเพื่อจัดการกับ ‘การทุจริตและคอรัปชัน' ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรา หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะยอมไม่ลดลาวาศอกแม้แต่นิดเดียว เรายืนยันในหลักการ” รักชนก กล่าว

ส่วนเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา และอดีตสื่อมวลชนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในหลายประเด็น ทั้งในส่วนบทบัญญัติของกฎหมายว่าควรเป็นความผิดหรือไม่ ความเหมาะสมของสัดส่วนบทลงโทษ และประการสุดท้ายคือเรื่องนี้ควรใช้องค์กรอิสระมาตัดสินนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนหรือไม่

“กับอีกทางออกเช่นเอาโครงการหรือร่างคำแปรญัตตินั้นมาโหวตคว่ำในสภาฯ ตอนพิจารณาร่างงบฯ เพื่อยับยั้งโครงการนั้น ในฐานะที่จริงอยู่เป็นโครงการที่คนเชียงรายได้ประโยชน์ แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับคนทั้งประเทศผ่านมติสภาฯ และหากเรามองว่าผิดจริงขนาดต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ก็ควรเป็นการลงมติผ่านคณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ มากกว่าไหม

“สรุปผมไม่เห็นด้วยกับการยื่นดาบให้ศาลรัฐธรรมนูญมาฟันเรื่องนี้ แม้จะมีรัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่ควรใช้กลไกสภาฯ หรือไม่ก็ความรับผิดชอบของตัวนักการเมืองเองมากว่า เราควรบายพาสอำนาจที่ไม่ชอบธรรมหากเลือกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการส่งเสริมความชอบธรรมให้อำนาจนั้น” โพสต์ของเทวฤทธิ์ ระบุ

ดังนั้นแล้ว กรณีของพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นมาอย่างหลากหลาย มาตรา 144 ควรมองว่าเป็นปัญหาหรือไม่ หากเป็นปัญหา สัดส่วนของบทลงโทษควรเป็นอย่างไร และควรใช้กลไกรูปแบบไหน เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย

ประชาไทร่วมสนทนา ฟังความเห็นไปกับ ‘ศุภณัฐ บุญสด' นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า มาร่วมมองผลกระทบกรณีของพิเชษฐ์ สะท้อนปัญหารัฐธรรมนูญปราบโกง ที่ทำให้นักการเมืองทำงานส่งมอบนโยบายประชาชนได้ยากยิ่ง พร้อมข้อเสนอของเขาที่มองว่า ‘สุดโต่ง’ โดยระบุว่าไม่ควรมีข้อกฎหมายนี้บัญญัติในรัฐธรรมนูญเลย แต่ควรใช้กลไกของสภาฯ ตรวจสอบ และให้ประชาชนลงโทษผ่านการเลือกตั้ง

ศุภณัฐ บุญสด

รากฐานความคิดของ มาตรา 144

เบื้องต้นศุภณัฐอธิบายว่า จุดเริ่มต้นของกฎหมาย มาตรา 144 นี้เริ่มต้นบัญญัติครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ 2540 ตอนนั้นถูกระบุในมาตรา 180 อยู่บนสมมติฐานที่ว่า ‘นักการเมืองเป็นสิ่งสกปรกในระบบการเมือง' ดังนั้น จำเป็นต้องมีกลไกบางอย่างมาควบคุมไม่ให้นักการเมืองใช้อำนาจเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของตัวเอง และต้องทำนโยบายระดับชาติเพื่อตอบสนองผลประโยชน์สาธารณะเท่านั้น เลยต้องมีกฎหมายที่ควบคุมการใช้งบประมาณของนักการเมืองขึ้นมา

“ก็เลยมีการสร้างกลไกในรัฐธรรมนูญ 40 มาตรา 180 ในกรณีที่ สส. สว. ไปแปรญัตติ หรือทำงบประมาณที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้งบประมาณเหล่านั้นด้วย ตัวสภาฯ สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเพิกถอนญัตตินั้นได้ … คือให้ศาลคอยทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้ สส.เอางบฯ ไปใช้เพื่อหาเสียง” ศุภณัฐ กล่าว

จนกระทั่งในรัฐธรรมนูญ 2560 บทบัญญัติดังกล่าวถูกย้ายมาอยู่ในมาตรา 144 โดยยังอยู่บนฐานคิดเดิมคือ ‘การรังเกียจนักการเมือง’ แต่ว่าโทษแรงขึ้นมากกว่าปี 2540 คือจากเดิมที่เพิกถอนญัตติ แต่ตอนนี้มาเพิ่มโทษเพื่อเล่นงานคนที่มีส่วนแปรญัตติ ถ้าตรวจสอบพบว่า สส.หรือ สว.มีส่วนในการแปรญัตติเอางบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะต้องพ้นออกจากตำแหน่ง และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ซึ่งถือเป็นการประหารชีวิตนักการเมือง และเป็นโทษที่รุนแรงมากๆ

“ผมคิดว่าคนที่ร่างรัฐธรรมนูญ 60 รู้สึกว่าการใช้ยาในรัฐธรรมนูญปี'40 ยังไม่แรงพอ และรู้สึกว่าต้องเอาให้ถึงพริกถึงขิง ดังนั้น มันจึงมีการเพิ่มเรื่องโทษกรณีที่ตัว สส. หรือ สว.ฝ่าฝืน ให้แรงขึ้น ให้มีการพ้นออกจากตำแหน่ง และตัดสิทธิทางการเมืองได้… คาดหวังว่าถ้าเอาบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ในทางการเมือง ออกจากระบบไปได้ การทำงบฯ มันก็ไม่เกิดขึ้นอีก มันเลยเป็นวิธีคิดที่รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าปี'40” ศุภณัฐ กล่าว

รัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ประชาชนอาจซวย : ปัญหาที่หลายคนอาจมองผ่าน

ศุภณัฐ มองว่า ผลกระทบของมาตรา 144 ตอนนี้คือ ทำให้นักการเมืองออกนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนยาก ยกตัวอย่าง หากว่าเราออกนโยบายจำนำข้าว แล้วคนในพื้นที่ตัวเองได้ประโยชน์ไปด้วย แบบนี้ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อสร้างความนิยมของตัว สส.เองหรือไม่

“เราปฏิเสธในความเป็นจริงไม่ได้ว่านักการเมืองมาจากการเลือกของประชาชน และการใช้งบประมาณเพื่อตอบสนองฐานเสียงของตัวเองหลีกเลี่ยงได้ยากในความเป็นจริง มันฝืนกับธรรมชาติทางการเมืองของอาชีพเขา พอเราไปเคร่งในส่วนนี้จนมันเป็นการทำลายอาชีพนักการเมือง มันก็เกินสมควร” ศุภณัฐ กล่าว

นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า มองว่าสุดท้ายรัฐธรรมนูญ หรือมาตราต่างๆ เหล่านี้จะทำให้การปกครองไม่ได้มาจากตัวแทนที่มาจากประชาชน และไปอยู่ในมือขององค์กรอิสระที่มีความห่างไกลจากประชาชนแทน การทำนโยบายระดับชาติกลายเป็นมีองค์กรที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนเข้ามากำหนด และไม่รู้ว่าความทุกข์ยากของประชาชนคืออะไร แต่มาคอยตัดสินการทำงานฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายบริหาร มันเลยทำให้ผลร้ายในที่สุดจะตกอยู่กับประชาชน เพราะว่าเราไม่มีรัฐบาลที่ทำงานส่งมอบให้กับประชาชนได้

“ปัจจุบันเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งปี 2566 มา 2 ปีแล้ว และเรามีรัฐบาลที่ไม่กล้าขยับทำอะไร เพราะกลัวผลร้ายในกฎหมายไปทั้งหมด จนเรามีรัฐบาลที่ไม่สามารถส่งมอบนโยบายที่ตัวเองสัญญาไว้กับประชาชนได้เลย เพราะว่ามันติดขัดข้อกฎหมาย กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด และมีช่องทางทางกฎหมายเล่นงานรัฐบาลให้หลุดออกจากตำแหน่งได้ง่ายมาก นั่นคือผลร้ายของมาตรา 144 ที่จะสร้างให้กับการเมืองไทย” ศุภณัฐ กล่าว

เพิ่มอำนาจประชาชน ลงโทษนักการเมืองผ่านการเลือกตั้ง

นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการตรวจสอบนักการเมืองอย่างเข้มข้น เพราะว่าการพิจารณางบประมาณเป็นเรื่องทางการเมือง พอเอากฎหมายเข้าไปกินพรมแดนทางการเมืองย่อมไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร ขณะเดียวกันเขาสนับสนุนแนวทางที่หากรัฐบาลผลักดันงบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ ควรเพิ่มอำนาจประชาชนเข้าไปตรวจสอบ เช่น ให้ฝ่ายค้านสามารถเอาเรื่องการใช้งบฯ มาอภิปรายในสภา ทำให้ประชาชนเข้าถึงงบประมาณ และวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบฯ และสุดท้ายนำมาสู่การลงโทษผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชน อาจไม่ได้เป็นรัฐบาลในสมัยหน้า

“ผมว่าตอนที่ สส.พริษฐ์ (วัชรสินธุ) เคลื่อนเรื่องงบประมาณในการซ่อมรัฐสภาให้สื่อมวลชนมาตรวจสอบ ผมคิดว่าอยากเห็นการตรวจสอบในทางการเมืองแบบนั้นมากกว่าการใช้กฎหมายมาจัดการเรื่องนี้

“การตรวจสอบที่เหมาะสมมันควรมุ่งเน้นไปที่การกระทำผู้ใช้อำนาจ มากกว่าให้เขาออกจากตำแหน่ง คือถ้าการใช้อำนาจฝ่ายการเมืองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตัวองค์กรอิสระหรือศาลสามารถที่จะเพิกถอนสิ่งเหล่านั้นได้ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดที่จะทำให้เขาหลุดออกจากตำแหน่ง หรือทำให้เสถียรภาพทางการเมืองเสีย” นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้าให้ความเห็น

เมื่อถามว่าโจทย์การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรทำอย่างไรกับมาตรานี้ ศุภณัฐกล่าวว่า “ความเห็นผมสุดโต่ง คือไม่ควรมี (ในรัฐธรรมนูญ) เลย การตรวจสอบใดๆ เรื่องการใช้งบฯ ควรเป็นการตรวจสอบทางการเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่ทางกฎหมาย”

อย่างไรก็ดี ศุภณัฐ มองด้วยว่า หลายคนตอนนี้อาจจะยังเห็นด้วยที่จะให้มีมาตรา 144 แต่ให้บทลงโทษอยู่ในระดับเดียวกับรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 180 คือให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจไต่สวนและเพิกถอนเฉพาะโครงการที่มีปัญหา ซึ่งจะเป็นทางสายกลางที่นักกฎหมายมหาชนรุ่นใหม่ๆ ก็ยังเห็นด้วยตอนนี้

‘พิเชษฐ์ รายแรก แต่อาจไม่ใช่รายสุดท้าย' เหลือคดีมาตรา 144 อีกกี่คดี

นอกจากคดีของพิเชษฐ์แล้ว ปัจจุบันยังมีการยื่นคำร้องมาตรา 144 เช่นเดียวกันอีก 2 กรณี ประกอบด้วย

1. งบภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 เบื้องต้น ยังไม่ปรากฏชื่อผู้ร้องในกรณีนี้ ส่วนผู้ถูกร้องคือ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

2. การโยกงบฯ ที่ต้องจ่ายให้ธนาคารรัฐไปทำโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต โดยผู้ร้องกรณีนี้คือ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับคณะที่มีเจษฏ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะยกร่างรัฐธรรมนูญปี'60 นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และสมชาย แสวงการ อดีต สว. ยุครัฐบาลประยุทธ์ ส่วนผู้ถูกร้องเป็น สส.จากหลายพรรคการเมือง ที่มีส่วนในการอนุมัติ

  • คดีมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญงบภัยแล้ง‑ฝนทิ้งช่วง ปี 2568

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติรับไต่สวนแล้ว กรณีประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ถูกกล่าวหาว่า ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีการจัดสรรงบประมาณแก้ไขปัญหาภัยแล้งวงเงินราว 51,584 ล้านบาท ให้ สส.พรรคเพื่อไทย คนละ 50 ล้านบาทไปใช้ลงพื้นที่ ถือเป็นการขัดต่อมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีการระบุถึงชื่อของ สส.พรรคเพื่อไทยบางราย เช่น สาโรจน์ หงษ์ชูเวช และพิษณุ หัตถสงเคราะห์ อดีต สส.ของพรรคเพื่อไทย รวมถึงอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง แฟ้มภาพเมื่อ 19 เม.ย. 2568

ในกรณีนี้ ประเสริฐ ชี้แจงว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะทำตามกระบวนการครบถ้วน และไม่ได้มี สส.พรรคเพื่อไทย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรญัตติ หรือเสนอโครงการ โดยโครงการดังกล่าวเสนอโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และกระทรวงมหาดไทย ผ่าน ‘ไทยวอร์เตอร์แพลน' (ระบบบริหารจัดการแผนงานโครงการและฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เมื่อรวมกันแล้ว ถึงเสนอต่อคณะกรรมการจังหวัด ซึ่งไม่ได้มีสัดส่วน สส.เป็นคณะกรรมการ จากนั้นโครงการจะส่งมายังคณะกรรมการลุ่มน้ำ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่เขาเป็นประธาน ก่อนที่เขาจะลงนามเสนอ ครม.ต่อ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณจัดการภัยแล้งส่วนใหญ่ลงไปในเขตที่ สส.พรรคเพื่อไทยสังกัด ประเสริฐ ชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่จริง เพราะถ้าเอางบฯ มากางดู จะพบว่างบประมาณจะลงไปหลายพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งหลายพื้นที่อยู่ในเขตภาคเหนือ และอีสานที่ สส.พรรคเพื่อไทยสังกัดอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนโครงการฯ จะต้องชะงักลง เพราะไม่นานหลังจากมีรายงานว่าทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รับเรื่อง ทางสำนักงบประมาณได้มีคำสั่งด่วนแจ้งไปถึงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) ให้ถอนเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2568 ตั้งแต่เมื่อ 12 มิ.ย. 2568

ทั้งนี้ ประเสริฐ ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยชื่อว่าใครเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

  • มาตรา 144 ย้ายงบไปแจกเงินหมื่น

คดีใหญ่อีก 1 คดีที่อาจกระทบต่อทั้ง สส. และ สว. คือคดีที่ตั้งเรื่องมาจาก ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับคณะที่มีสมชาย แสวงการ อดีต สว., นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ  ไปยื่นร้องเรื่องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จากส่วนที่จะต้องนำไปใช้หนี้ให้กับ 5 ธนาคารตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ไปใช้กับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล

คำร้องดังกล่าวได้ขอให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนย้อนไปตั้งแต่ ครม.เศรษฐา และแพทองธาร  และยังรวมถึงคณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 สส.และ สว.ที่ลงมติให้ตัดงบ 35,000 ล้านบาทไปเข้าโครงการด้วย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  • รวมคดีพรรคการเมือง 
 เสถียรภาพการเมืองไทย ในมือศาล-องค์กรอิสระ

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

หมักด้วยวิธีธรรมชาติ อูมามิทุกหยด . ตำรวจสอบสวนกลาง โด

กองทัพภาคที่2 แจ้งเตือนระวังตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพ

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่สถานีบางกระส 2025-08-15 02:34:00

เหตุใดทรัมป์กับปูตินเจอกันในอะแลสกา โดยไม่มีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ?

Teamg โชว์กำไร 6 เดือนแรกปี 68 ทะยาน 95 ล้านบาท โต 37%

พื้นที่หน้าอินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องเทียบกับการแกล้งทำเป็นหนึ่ง✅ การสืบสวนกลาง

วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 08.42 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพระ 2025-08-15 02:39:00

ปภ.ประสาน 24 จังหวัด ภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ เฝ้าระวังน้ำท่

โปรดเกล้าฯ  'อิทธิพร แก้วทิพย์' อัยการสูงสุดคนใหม่ มีผล 1 ต.ค.68 

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/0rh2 | ดู : 10 ครั้ง
  1. pr-content-sukh-festa:-sukhothai-happiness-competition-ขับเ Sukh Festa: Sukhothai Happiness Competition ขับเ
  2. 0717-น-มอเตอร์เวย์-(ทล7)-มุ่งหน้ากรุงเทพ-กม.1+200-มีงานซ่-|-2025-08-14-00:33:00 07.17 น. มอเตอร์เวย์ (ทล.7) มุ่งหน้ากรุงเทพ กม.1+200 มีงานซ่ 2025-08-14 00:33:00
  3. กสิกรไทย-เข้าทำธุรกรรมสัญญาล่วงหน้าอ้างอิงคาร์บอนเครดิต-มาตรฐานสากล-ครั้งแรกไทย กสิกรไทย เข้าทำธุรกรรมสัญญาล่วงหน้าอ้างอิงคาร์บอนเครดิต มาตรฐานสากล ครั้งแรกไทย
  4. วางซั้งกอฟื้นฟูและอนุรักษ์สัตว์น้ำชายฝั่ง-จ.ตรัง-ข่าวที่คุณ วางซั้งกอฟื้นฟูและอนุรักษ์สัตว์น้ำชายฝั่ง จ.ตรัง ข่าวที่คุณ
  5. รถยนต์บรรทุกสินค้าประเภทต่างๆ-จาก-กรุงเทพมหานครฯ-และ-จังหวัด รถยนต์บรรทุกสินค้าประเภทต่างๆ จาก กรุงเทพมหานครฯ และ จังหวัด
  6. -ต่อโปรแล้ว 🔥 ต่อโปรแล้ว
  7. หาดใหญ่-อุบัติเหตุ-ล่าสุดเจอญาติแล้วนะคะ-นักเรียน-ว.-เทคน-|-2025-08-13-12:32:00 หาดใหญ่ อุบัติเหตุ ล่าสุดเจอญาติแล้วนะคะ 🙏นักเรียน ว. เทคน 2025-08-13 12:32:00
  8. dsi-คุมตัวนายหน้าจัดหาหญิงรับจ้างอุ้มบุญฯฝากขัง-ก่อนศาลฯอนุญาตให้ประกันฯ ดีเอสไอ คุมตัวนายหน้าจัดหาหญิงรับจ้างอุ้มบุญฯฝากขัง ก่อนศาลฯอนุญาตให้ประกันฯ
  9. 3-แมวดาวพลัดหลง-ถูกส่งคืนสู่ธรรมชาติ-หลังเจ้าหน้าที่ดูแลนานก 3 แมวดาวพลัดหลง ถูกส่งคืนสู่ธรรมชาติ หลังเจ้าหน้าที่ดูแลนานก
  10. แม่ทัพภาคที่-2-เล่านาที-ปิดปราสาทฯ-ก่อนเขมรยิvเปิดก่อน-|-14-ส.ค แม่ทัพภาคที่ 2 เล่านาที ปิดปราสาทฯ ก่อนเขมรยิvเปิดก่อน 14 ส.ค
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend