เหตุใดทรัมป์กับปูตินเจอกันในอะแลสกา โดยไม่มีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ?

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

ทรัมป์และปูตินพบกันหลายครั้ง ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก

Article Knowledge

    • Author, บีบีซีนิวส์
    • Role,

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เขากำลังวางแผนที่จะจัดการประชุมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) อันเป็นความพยายามต่อเนื่องหลายเดือนเพื่อยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน

นี่เป็นขั้นตอนล่าสุดสำหรับภารกิจหยุดสงครามของทรัมป์ โดยเขาประกาศกำหนดการดังกล่าวในวันที่ตนเองเป็นผู้ขีดเส้นเสียชีวิตให้รัสเซียยอมตกลงหยุดยิvในยูเครน ไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรที่กว้างขวางมากขึ้น

การเจรจารอบสามระหว่างรัสเซียและยูเครนในฤดูร้อนนี้ ซึ่งถูกจัดแจงขึ้นตามคำสั่งของทรัมป์ ยังไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้สันติภาพได้ในตอนนี้

ต่อไปนี้คือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการประชุมผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย

ทำไมปูตินกับทรัมป์ต้องพบกัน ?

ก่อนทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. เขาได้ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน โดยบอกหลายครั้งว่าจะยุติสงครามภายใน 24 ชั่วโมงหลังขึ้นเป็นประธานาธิบดี ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้น ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้พยายามผลักดันอย่างหนักเพื่อยุติสงคราม แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Stop of ได้รับความนิยมสูงสุด

ในช่วงต้น การเจรจานำไปสู่ความรู้สึกมองโลกในแง่ดี แต่ดูเหมือนว่ามันจะแย่ลงในเวลาต่อมา

เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ยอมรับกับบีบีซีว่าปูตินทำให้เขาผิดหวัง หลังการไปเยือนหลายครั้งของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ความคับข้องใจที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทรัมป์กำหนดให้ปูตินตกลงหยุดยิvทันทีเมื่อวันศุกร์ที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงมากขึ้นจากสหรัฐฯ

เมื่อถึงวันดังกล่าว ทรัมป์ประกาศว่าเขากับปูตินจะพบกันในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. นี้ โดยกำหนดการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่วิตคอฟฟ์ได้หารือกับปูตินที่กรุงมอสโกเมื่อวันพุธที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่ามี “ประสิทธิผลอย่างมาก”

ที่มาของภาพ : ORI AVIRAM/Center East Pictures/AFP by technique of Getty Pictures

กรุงเคียฟตกเป็นเป้าการโจมตีของขีปนาวุธรัสเซีย เมื่อเกิดสงครามในยูเครนขึ้น

การหารือจะจัดขึ้นที่ใด ?

แม้เกิดข่าวลือว่าการประชุมจะเกิดขึ้นในกรุงโรม, ฮังการี, หรือแม้แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ตัวเลือกสุดท้ายนั้นอยู่ใกล้กับบ้านของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างมาก

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ทรูธ โซเชียล (Reality Social) ที่เขาเป็นเจ้าของว่า “การพบปะที่ทุกคนรอคอย” ระหว่างเขากับปูตินจะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ส.ค. ใน “รัฐอะแลสกาที่ยิ่งใหญ่”

“รายละเอียดอื่น ๆ จะตามมาอีกที” เขากล่าว

ทรัมป์กล่าวว่า สถานที่นัดพบจะเป็น “สถานที่ที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยเหตุผลหลายประการ”

ถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยสถานที่ประชุมในรัฐอะแลสกาที่แน่ชัด

ยูเครนเข้าร่วมการหารือหรือไม่ ?

ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น แม้สื่อต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการหารือกับผู้นำยูเครนเกิดขึ้นตามมาภายหลัง ในลักษณะวงหารือที่มีทรัมป์, ปูติน, และ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี หากการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ประสบความสำเร็จ

จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีใครอีกบ้างที่อาจเข้าร่วมการประชุมระดับสุดยอดผู้นำ นอกจากทรัมป์และปูติน

ทางเซเลสสกีได้เรียกร้องสหรัฐฯ มาหลายเดือนแล้วว่าขอให้ยุโรปมีที่นั่งในการเจรจาเหล่านี้ด้วย โดยหวังว่าพวกเขาจะนำแนวทางอันเข้มงวดมาสู่มอสโก

“สงครามอยู่ในยุโรป และยูเครนเป็นส่วนสำคัญของยุโรป และเราก็กำลังเจรจาเข้าร่วมสหภาพยุโรปอยู่แล้ว” เซเลนสกี กล่าว

“ดังนั้นยุโรปต้องเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง”

ในสัปดาห์นี้ ทั้งทรัมป์และเซเลนสกีต่างติดต่อกัน รวมถึงติดต่อกับคู่พันธมิตรในยุโรปของแต่ละฝ่ายด้วย

หลังจากทูตพิเศษของทรัมป์พบปูตินในรัสเซีย เขาได้พูดคุยกับผู้นำชาติยุโรปและแจ้งให้ทราบถึงแผนการการพบปะกับผู้นำรัสเซีย เพื่อร่วมกันเจรจาในข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้

เซเลนสกีเปิดเผย มี “การสนทนาที่สร้างสรรค์” กับทรัมป์เมื่อวันอังคารที่ 5 ส.ค. โดยเขาได้บอกกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่ารัสเซียกำลังเพิ่มความ “โหดร้ายในการโจมตี” มากขึ้น

ประธานาธิบดียูเครนเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาจะไม่สามารถยอมรับข้อตกลงใด ๆ กับเครมลินได้ หากไม่มีข้อเสนอจากยูเครน

ทั้งนี้ ยังไม่มีการตอบโต้ใด ๆ จากยูเครนต่อการประชุมที่กำลังมาถึง

ที่มาของภาพ : EPA

พันธมิตรในยุโรปของยุเครน ได้แก่ ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส (ซ้าย) และนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของสหราชอาณาจักร (ขวา) เห็นด้วยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ว่ายูเครนต้องมีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ

พันธมิตรของยูเครนกล่าวอะไรบ้าง ?

พันธมิตรในยุโรปยืนยันว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ต้องมีส่วนร่วมจากเคียฟด้วย

คำประกาศดังกล่าวอยู่ในแถลงการณ์ร่วมที่ออกโดยผู้นำของสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมัน, โปแลนด์, ฟินแลนด์, และคณะกรรมาธิการยุโรป

เจ้าหน้าที่จากทำเนียบขาวกล่าวว่า ทรัมป์ยินดีจะจัดการประชุมไตรภาคี ซึ่งมีผู้นำยูเครนร่วมด้วย แต่ในตอนนี้ยังคงเป็นการประชุมระดับสุดยอดระหว่างทรัมป์กับปูติน ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้นำรัสเซียร้องขอมาในตอนแรก

เซเลนสกีกล่าวว่า ข้อตกลงใด ๆ ที่ไม่มีเคียฟ เท่ากับ “การตัดสินใจที่เสียชีวิตไปแล้ว”

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเสนอแนะว่าเขาสามารถเริ่มต้นด้วยการพบกับปูตินเท่านั้น โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าวางแผนที่จะ “เริ่มต้นที่รัสเซีย”

แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็กล่าวเช่นกันว่า เขาเชื่อว่า “เรามีโอกาส” ที่จะจัดการประชุมไตรภาคีกับทั้งปูตินและเซเลนสกี

ยังไม่แน่ชัดว่าปูตินจะตกลงหรือไม่ เพราะเขาปฏิเสธโอกาสในการเจรจาโดยตรงหลายครั้ง และผู้นำทั้งสองก็ไม่ได้พบกันแบบตัวต่อตัว นับตั้งแต่ปูตินเริ่มการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเมื่อกว่าสามปีก่อน

ทั้งสองฝ่ายหวังจะได้อะไรจากการหารือครั้งนี้ ?

ทรัมป์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายของเขา นั่นคือการยุติสงคราม ซึ่งเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาในการหาเสียงของเขา

“ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อหยุดยั้งการสังหาร” เขากล่าวในสัปดาห์นี้

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อ้างเมื่อวันศุกร์ว่า ข้อตกลงระหว่างสองประเทศนั้น “ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว”

แม้ว่าทั้งสองประเทศจะกล่าวว่า ต้องการให้สงครามยุติลงเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าทั้งยูเครนและรัสเซียต้องการสิ่งที่อีกฝ่ายคัดค้านอย่างรุนแรง

ยูเครนยืนกรานว่าจะไม่ยอมรับการควบคุมของรัสเซียในพื้นที่ที่ยึดครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ไครเมีย

ประธานาธิบดียูเครน ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้อย่างสิ้นเชิง

“ไม่มีอะไรต้องพูดถึงที่นี่ เรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญของเรา” เขากล่าว

จนถึงขณะนี้ ปูตินยังคงไม่เปลี่ยนใจจากข้อเรียกร้องสูงสุดของเขาเกี่ยวกับอาณาเขต, ความเป็นกลางของยูเครน, และขนาดของกองทัพยูเครนในอนาคต

สาเหตุที่ปูตินบุกยูเครน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเชื่อว่ายูเครนกำลังกลายเป็นตะวันตก และกล่าวหาว่าองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) พันธมิตรด้านการป้องกันของชาติตะวันตกกำลังใช้ประเทศนี้ เพื่อยึดที่มั่นและนำกำลังทหารเข้าใกล้พรมแดนรัสเซียมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวกำลังพยายามเอาใจทั้งสองฝ่ายด้วยแผนการที่เป็นไปได้

รัฐบาลทรัมป์กำลังพยายามโน้มน้าวผู้นำยุโรปให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิvที่จะส่งมอบดินแดนยูเครนบางส่วนให้กับรัสเซีย ตามรายงานของซีบีเอสนิวส์ซึ่งเป็นพันธมิตรของบีบีซีในสหรัฐฯ

ข้อตกลงนี้จะช่วยให้รัสเซียยังคงควบคุมคาบสมุทรไครเมีย และยึดครองภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งประกอบด้วย โดเนตสค์และลูฮันสค์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวที่ทราบเกี่ยวกับการเจรจา

รัสเซียยึดครองไครเมียอย่างผิดกฎหมายในปี 2014 และกองกำลังของรัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคดอนบาส

ภายใต้ข้อตกลงนี้ รัสเซียจะต้องสละพื้นที่เคอร์ซอนและซาปอริซเซียของยูเครน ซึ่งปัจจุบันรัสเซียยังคงควบคุมทางทหารอยู่

“จะมีการแลกเปลี่ยนดินแดนเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย แต่เราจะพูดคุยเรื่องนี้กันในภายหลังหรือพรุ่งนี้” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์

ที่มาของภาพ : Justin Sullivan/Getty Pictures

สถานที่ที่แน่นอนของการประชุมระหว่างทรัมป์และปูตินในอะแลสกายังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ก่อนหน้านี้ เมืองแองเคอเรจเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานทางการทูตของสหรัฐฯ

ทำไมต้องจัดการประชุมในอะแลสกา ?

มันมีเหตุผลหลายประการที่การประชุมจัดขึ้นที่นี่

อาณาเขตดังกล่าวเป็นของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยลดความกังวลด้านความมั่นคงลงอย่างมาก

นอกจากนี้ยังทำให้ทรัมป์อยู่ในบทบาทเจ้าภาพต้อนรับผู้นำรัสเซียบนผืนแผ่นดินที่สหรัฐฯ เคยซื้อจากรัสเซียเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งที่ผ่านมา

ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า สถานที่จัดประชุมถือว่า “สมเหตุสมผล” และย้ำว่าทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านกัน โดยมีช่องแคบบีริงเป็นพรมแดน

“รัสเซียและสหรัฐฯ เป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีพรมแดนติดกัน” เขากล่าว “ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลดีที่คณะผู้แทนของเราจะบินข้ามช่องแคบบีริง และให้การประชุมสุดยอดที่สำคัญและเป็นที่คาดหวังของผู้นำทั้งสองประเทศจัดขึ้นที่รัฐอะแลสกา”

ครั้งสุดท้ายที่รัฐอะแลสกาเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ทางการทูตของสหรัฐฯ คือในเดือน มี.ค. 2021 เมื่อทีมการทูตและความมั่นคงแห่งชาติชุดใหม่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในขณะนั้น ได้พบกับคู่เจรจาจากจีนที่เมืองแองเคอเรจ

การเจรจาครั้งนั้นจบลงด้วยความตึงเครียด โดยฝ่ายจีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า “ดูถูกและเสแสร้ง”

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การเลือกอะแลสกาในครั้งนี้ยังมีความสำคัญด้วยเหตุผลอื่น ๆ อีกด้วย

สหรัฐฯ ไม่ได้ลงนามและไม่ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งได้ออกหมายจับปูติน เนื่องจากอะแลสกาเป็นดินแดนของสหรัฐฯ จึงไม่มีความเสี่ยงที่เขาจะถูกจับ หากเดินทางไปที่นั่นเพื่อเจรจา

แล้วการพูดคุยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ?

ทรัมป์และปูตินได้พูดคุยทางโทรศัพท์ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนโดยตรงครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022

หลังจากการสนทนานั้นไม่นาน ทรัมป์ประกาศว่าจะเริ่มการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมของยูเครน

ในเวลาต่อมา ผู้นำทั้งสองตกลงที่จะเยือนประเทศของแต่ละฝ่าย

ครั้งสุดท้ายที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบกับปูตินด้วยตนเองคือปี 2021 ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน โดยไบเดนได้พบกับประธานาธิบดีรัสเซียในการประชุมสุดยอดที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์