
‘สมศักดิ์’ เตรียมบินญี่ปุ่น 23 เม.ย. ตรวจงาน ‘ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน เอ็กซ์โป 2025’ หลังเกิดเสียงวิจารณ์ บอกพร้อมปรับปรุง-ตัดเงินจ้าง หากไม่เป็นไปตามสัญญา เชื่อไม่มีการเอื้อประโยชน์ รอบแรกตกสเปคทุกราย จึงต้องเลือกวิธีเฉพาะเจาะจง
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การจัด “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน เอ็กซ์โป 2025” ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ว่า ยืนยันว่าขั้นตอนต่างๆ ที่ดำเนินการมาจนได้ผู้ชนะการคัดเลือกเป็นไปอย่างถูกต้อง
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่างานที่ออกมาไม่เหมาะสมกับงบประมาณ 900 ล้านบาทนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ต้องไปดู โดยในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) จะเดินทางประเทศญี่ปุ่น หากพบว่าตรงไหนไม่เหมาะสมจะต้องมีการปรับแก้ เพราะในสัญญามีการเบิกเงินไปแล้ว 8 งวด ยังเหลืออีก 2 งวด หรือเบิกไปแล้ว 60% และส่วนที่ยังไม่ได้เบิกอีก 40% หากทำไม่ครบ หรือทำไม่ดี เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างจะต้องไปดูว่าจะต้องปรับลดอะไรบ้าง เช่น เงินค่าจ้าง และตนจะเชิญผู้รู้ไปดูด้วยว่าไม่เหมาะสมอย่างไร และต้องทำอีกแค่ไหนอย่างไร หากจะต้องลดเงินก็ต้องว่ากัน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เส่วนจะเป็นความขัดแย้งของเอกชนกันเองที่ไม่ได้งานหรือไม่ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ในส่วนของผู้ชนะการประกวดราคาต้องทำให้ดี และทำให้เต็มที่ หากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องยอมรับได้ ส่วนเรื่องการประมูล 3 ครั้ง เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลญี่ปุ่นที่เร่งรัดว่าต้องได้ผู้รับเหมาในวันที่ 31 ต.ค.66 เหลือเวลาไม่ถึง 40 วัน หลังจากยกเลิกการประกวดราคาครั้งที่ 2 ประกอบกับค่าก่อสร้างแพงขึ้น เพราะต้องใช้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นทำต่อ ซึ่งเป็นความยุ่งยากที่ตามมา อย่างไรก็ตาม งานต้องออกมาดี ถ้าไม่ดีตนก็มีแนวทางที่จะต้องทำให้ดี หรืออาจจะต้องปรับลดเงิน
สำหรับเงินอีก 40% ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายออกไปอาจจะไม่ต้องจ่ายเลยใช่หรือไม่ หากงานออกมาไม่ดี นายสมศักดิ์กล่าวว่า เงินจ่ายเป็นงวดๆ เพราะยังมีค่ารื้อถอนอะไรต่างๆ อีก เราจึงต้องดูว่าอะไรทำได้แค่ไหน แต่ในสัญญาระบุว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของการนำเสนอต่างๆ ตลอดเวลา
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีหากงานไม่เรียบร้อย จะต้องมีค่าปรับเอกชนว่า ก็ต้องดู เราไม่ปล่อยไปแน่นอน
ในวันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กรณีการจัดนิทรรศการไทยพาวิลเลี่ยนไทยในงาน World Expo Osaka 2025 ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า การออกสเปคในรอบแรกที่ดูละเอียดแล้ว ผลปรากฏว่าบริษัทที่เข้ามาประมูลตกสเปคทั้งหมด เนื่องจากมีการเขียนระบุว่าจะต้องมีการรับรองงานเอ็กซ์โปจากองค์กรที่จัดเอ็กซ์โปของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งไม่มีบริษัทไหนที่องค์กรนั้นออกรับรองผลงานให้ ทั้งที่ 2 บริษัทที่เข้ามาเสนองานนี้เคยทำเรื่องเอ็กซ์โปทั้งคู่
“เราดูแล้ว ถ้าเขาเอื้อจะไม่มีใครตกสเปคในรอบแรก แต่ผลที่ออกมาคือตกหมดเลย แสดงว่าในชุดแรกๆคงไม่ได้มีการไปเอื้อหรือไปพูดคุยอะไรกับใคร ถ้าดูตามเหตุตามผล ถ้าเอื้ออาจจะเหลือรายเดียว แต่นี่ไม่เหลือสักราย”นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนครั้งที่ 2 ก็ปรับให้เป็นผลงานที่ทำเอ็กโปนอกประเทศ โดยผู้รับรองผลงานเป็นองค์กรในประเทศไทย จึงมีเข้าได้ 2 กลุ่ม เมื่อพิจารณาแล้วกรรมการได้ตัดสินให้กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบเป็นผู้ชนะ และมีการร้องเรียนกันเกิดขึ้น กรมสบส.จึงส่งเรื่องนี้ไปให้กรมบัญชีกลางพิจารณา ผลออกมาว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของการกลั่นแกล้ง จึงให้กิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบเป็นผู้ชนะได้งานนี้ไป
“ผู้ชนะไม่มาทำสัญญา เพราะอ้างเหตุว่าพ้นระยะเวลาการยืนราคาแล้ว ก็เป็นสิทธิของผู้ประกอบการที่สามารถแย้งได้ว่าไม่ต้องมาเซ็นต์สัญญา ก็ไม่ถูกบังคับให้ตกคุณสมบัติ จากนั้นทางการเมืองก็เปลี่ยนจากรมว.สธ.ท่านหนึ่งเป็นอีกท่านหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ผมดูแล้วไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไร ผมพูดจากตามเนื้อผ้าแล้ว” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จึงต้องมีการเป็นครั้งที่ 3 ตนได้ดูระยะเวลาและเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนวิธีมาเป็นเฉพาะเจาะจง เนื่องจากราว 20 ก.ย.2566 มีการประชุมที่ญี่ปุ่นมีรายงานประชุมว่าหากประเทศไทยไม่สามารถหาผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาสร้างพาวิลเลียนตรงนี้ได้จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2566 ระยะเวลา 40 วัน คนที่ดำเนินการจึงต้องใช้วิธีประหยัดเวลา ทำให้ประเทศไทยไม่ตกผู้ประกอบการจากไทป์เอ มาเป็นไทป์เอ็กซ์ จึงมีการจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง
“ส่วนครั้งที่ 3 ที่มีเงินเพิ่มประมาณ 7 ล้านบาท ก็ไปตรวจดูเหตุผล ก็เป็นเพราะเขาต้องใช้ผู้ประกอบการญี่ปุ่น สร้างที่ญี่ปุ่นเป็นแนวทาง ข้อกฎหนดหรือกฎหมายของญี่ปุ่น ต้องใช้ผู้ประกอบการก่อสร้างญี่ปุ่น สเปคญี่ปุ่น อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นของญี่ป่น จึงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของญี่ปุ่น ต้องได้ผู้ปะกอบการญี่ปุ่นมาทำต่อจากสัญญาของคนไทย ภายในวันที่ 31 ต.ค.2566 เวลาค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย ตัวเงินก็เพิ่มขึ้นมาราว 6-7 ล้านบาท“ นายสมศักดิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข้อมูลระบุว่าก่อนกำหนด TOR นั้น สบส.ได้เชิญบริษัทที่ได้งานมานำเสนอรายละเอียดต่างๆและนำข้อมูลนั้นกำหนดในTOR นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพียงแต่ว่ากรม สบส.จะต้องเดินไปให้ตามเวลา
ถ้าหากไม่ได้ผู้ประกอบการไปทำงานให้กับประเทศไทย ก็เหมือนกับว่าไม่มีความสามารถในการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันตามเวลาได้ ซึ่งไม่ได้เสียหายเพียงแค่กระทรวงสาธารณสุข แต่เสียหายภาพรวมของประเทศว่าไม่สามารถผู้รับเหมาได้ ไทยมีเศรษฐกิจที่ไม่ดีหรือไม่ คิดว่าคงมีการคำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีนอกจากสัญญามูลค่ากว่า 800 ล้านบาทแล้วมีการทำสัญญาย่อยเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา วงเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท ว่า ตนไม่ทราบ เป็นขั้นตอนของทางราชการ ตนดูภาพรวมว่าเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่
“เรื่องการจัดจ้างสร้างไทยแลนด์พาวิลเลียน ผมไม่ได้สงสัยอะไร แต่ในเรื่องของโชว์ที่จัดแสดงที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผมได้บอกว่าไม่ปรับแก้ให้ดีเพราะในสัญญาระบุให้มีการปรับแก้ได้ตลอดระยะเวลาทุกเดือนใน 6 เดือน แต่ของที่สูญเสียไปเท่าไหร่ คณะกรรมการตรวจจ้าง ต้องพิจารณาว่าเสียหายเท่าไหร่ จะต้องปรับเงินหรือไม่ ก็ต้องไปคิดกัน”นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จะเดินทางไปไทยแลนด์ พาวิลเลียน ในวันที่ 23 เม.ย.2568 และจะเป็นประธานเปิดในวันที่ 24 เม.ย.2568 โดยตนได้เชิญคุณวินิจ เลิศรัตนชัยที่คิดว่าเป็นผู้รู้และเชี่ยวชาญเรื่องครีเอทีพดี ให้ช่วยดูเรื่องความเหมาะสม และรายละเอียดในแต่ละเดือนว่ากิจการร่วมค้า RMA110 ต้องทำอะไรไป สมเหตุกับเงินทองเหมือน ถ้าไม่สมเหตุสมผล เงินที่เขายังไม่ได้เบิกอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ก็ควรทำอะไรกันบ้าง เช่น ลดเงิน ซึ่งเป็นความชอบธรรม
“ถ้าไม่สมเหตุสมผล เงินที่ยังไม่ได้เบิกราว 40 % ก็ควรจะต้องทำอะไรกันบ้าง อย่างการลดเงินถ้าเกิดทำงานไม่พอ ก็เป็นความชอบธรรมที่จะดำเนินการได้ หากงานเขาทำไม่เต็มตามที่ระบุไว้ในสัญญา”นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงส่วนที่จะต้องปรับปรุงเร่งด่วน ว่า ยังไม่ได้ดู เพราะเพิ่งเริ่มจัดแสดงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2568 แต่สิ่งที่ดีใจในส่วนที่นำนวดไทยเฉพาะทางเข้าไปก้ได้รับความนิยม เป็นเรื่องของกึ่งวัฒนธรรมได้รับความสนใจ อย่างน้อยคนญี่ปุ่นที่เข้ามาให้ความสนใจจำนวนมาก ก็จะเป็นแนวทางในการเสริมให้ธุรกิจสปา นวดไทยดีขึ้น และตั้งใจจะทำเรื่องทักษะให้หมอนวดมาขึ้นและหลาหลายขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าของมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ 1.9 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการได้ลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มมาอีกประเทศ
“ผมมีหน้าที่ทำเรื่องต่างๆให้ชัดเจน เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินของประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มต้นโครงการในปี 2562 ไม่ใช่ช่วงที่ผมเป็นรมว.สธ. แต่ในวันนี้อยู่ที่สธ. ผมก็ดูไม่ให้เสียหาย”นายสมศักดิ์กล่าว
ในประเด็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเล่นการเมืองหรือความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย(พท.) กับพรรคภูมิใจไทย(ภท.) หรือพรรคร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่เอางานราชการไปเป็นเรื่องการเมืองดเดขาด ในชีวิตตนปฏิบัติมาตั้งแต่เริ่มเล่นการเมือง ซึ่งตนจะเอาคุณภาพของงานของราชการเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อยากให้มีความเสียหายทั้งสิ้น และใครจะมาเอาเปรียบราชการ ตนไม่ยอม
“มันเป็นเรื่องระหว่างประเทศไทยและเท่าที่ผมดูกรมสบส.ได้มีการปรึกษาองค์กรกลางอย่างกรมบัญชีกลางมาตลอด ทั้งการเปิดรับผู้เสนองานครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็ได้ปรึกษาหมด อย่าไปสงสัยมาก เพราะมีหน่วยงที่ 3 ได้วินิจฉัยไว้แล้ว ต้องให้ความเป็นธรรม”นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนมีเงินทอนในโครงการหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาถามตนได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินอีกราว 40 % ก็จะดูว่างานทำออกมาดีหรือไม่ดี ใครไปจ่ายใครไม่สามารถจับมือใครดมได้ อย่าไปคิดมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )