อะไรคือนัยสำคัญทางการเมืองจากชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ของพรรครัฐบาลสิงคโปร์ ?

ที่มาของภาพ : Getty Photography

นายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ของสิงคโปร์ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพรรคกิจประชาชน (Of us's Action Social gathering – PAP) เมื่อปีที่แล้ว

  • Creator, เทสซา หว่อง
  • Diagram, บีบีซีนิวส์
  • Reporting from สิงคโปร์

พรรคกิจประชาชน (Of us's Action Social gathering – PAP) ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 เม.ย.) ท่ามกลางความกังวลของผู้ลงคะแนนในประเด็นค่าครองชีพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศ

พรรค PAP ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง คว้าคะแนนเสียงไปได้ถึง 65.6% และครองที่นั่งในรัฐสภาได้ทั้งหมด 97 ที่นั่ง และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของของลอว์เรนซ์ หว่อง นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อปีที่แล้ว

ขณะที่ชาวสิงคโปร์ออกไปลงคะแนนเสียงในวันเสาร์ด้วยความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ค่าจ้างคงที่ รวมถึงโอกาสด้านการงาน

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะถูกมองอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นความพยายามของพรรค PAP ที่ต้องการหาพื้นที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกลัวต่อความผันผวนของโลก

“ชาวสิงคโปร์รู้สึกเปราะบางเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากขนาดเศรษฐกิจของประเทศและความเสี่ยงจากอิทธิพลของนานาชาติ… นอกจากนี้ เรายังเป็นที่รู้จักกันดีว่าไม่ชอบเสี่ยง” เอียน ชง รองศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore – NUS) กล่าว

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด

พรรคแรงงาน (Workers' Social gathering – WP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ไม่สามารถคว้าที่นั่งเพิ่มได้ แต่ยังคงรักษาที่นั่งในรัฐสภาไว้ได้ 10 ที่นั่ง

พรรค PAP ซึ่งนำโดยพรรคกลางขวาปกครองสิงคโปร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1959 ทำให้เป็นพรรคการเมืองที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดพรรคหนึ่งในโลก

ทั้งนี้ พรรค PAP ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะจากคนรุ่นเก่าที่ได้เห็นประเทศเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของพรรค PAP

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเลือกตั้งจะไม่มีการฉ้อโกงและการทุจริต แต่บรรดานักเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า พรรค PAP ยังคงได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมผ่านการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรมและสื่อที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด

ในการสำรวจความคิดเห็นสามครั้งล่าสุดก่อนผลการเลือกตั้งในวันเสาร์ พรรค PAP ได้รับคะแนนเสียงต่ำที่สุดถึงสองครั้ง ขณะที่พรรคแรงงานสามารถรุกคืบเข้าสู่รัฐสภาได้มากขึ้น

ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 2020 พรรค PAP ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงข้างมากที่ลดลง ซึ่งถือเป็นการลงประชามติเกี่ยวกับการจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลในขณะนั้นด้วย

แต่ผลการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ผ่านมาทำให้พรรค PAP สามารถกลับมายังจุดเดิม เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้มอบอาณัติเด็ดขาดให้กับนายหว่อง

ในการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ เขาได้กล่าวขอบคุณผู้มีสิทธิเลือกตั้งและกล่าวว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ “จะทำให้สิงคโปร์อยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นในการเผชิญกับโลกที่ปั่นป่วนวุ่นวายนี้”

“หลายคนกำลังจับตาดูการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่างประเทศ นักลงทุน หรือรัฐบาลต่างประเทศ พวกเขาคงจะต้องจดบันทึกผลการเลือกตั้งในคืนนี้ไว้” เขากล่าว

“นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความไว้วางใจ ความมั่นคง และความเชื่อมั่นในรัฐบาลของคุณ ชาวสิงคโปร์เองก็สามารถดึงความแข็งแกร่งจากสิ่งนี้และมองไปข้างหน้าสู่อนาคตของเราได้เช่นกัน” เขากล่าว

ที่มาของภาพ : Getty Photography

พรรค PAP ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นเก่า

แม้ว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่เปิดกว้างต่อโลกาภิวัฒน์และยังคงคึกคักอยู่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์กลับพุ่งสูงขึ้น

รัฐบาลได้กล่าวโทษปัจจัยภายนอก เช่น สงครามยูเครนและในฉนวนกาซา รวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การขึ้นภาษีสินค้าและบริการที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังดำเนินอยู่ และการที่สหรัฐฯ กำลังเตรียมการขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 10% เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และอาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (ภาวะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส)

ในสภาพการณ์เช่นนี้ พรรค PAP ได้รณรงค์หาเสียงโดยใช้ข้อความที่เน้นเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

หว่องสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ทีมงานของเขาจะ “นำพาสิงคโปร์ฝ่ามรสุมลูกนี้ไปได้” ในขณะที่เตือนว่า หากสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะสูญเสียรัฐมนตรีที่มีความสามารถในช่วงเวลาที่การบริหารประเทศให้ดีมีความจำเป็นมากที่สุด

นี่เป็นข้อความหนึ่งที่สะท้อนถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก ผู้สนับสนุนพรรค PAP คนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการใช้ชื่อว่า “อแมนดา” กล่าวกับบีบีซีว่า ธุรกิจของเธอได้รับผลกระทบจากลูกค้าที่ระงับโครงการบางส่วนเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“ลมปะทะนัยหมายถึงผลกระทบหรืออุปสรรคจากข้างหน้าไม่ดีนัก มีความไม่แน่นอนมากมาย… ฉันต้องการพรรคที่มีประสบการณ์ บริหารรัฐบาล” เธอกล่าว

แม้ว่าจะพบเห็นเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับพรรค PAP หลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีคนหนึ่งในคณะรัฐมนตรี แต่เรื่องนี้แทบจะไม่ได้เป็นเรื่องที่พูดถึงในช่วงการเลือกตั้ง นักวิเคราะห์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของผู้คนอีกต่อไป เนื่องจากผู้คนมีความกังวลเร่งด่วนเกี่ยวกับเศรษฐกิจมากขึ้น

ที่มาของภาพ : Getty Photography

ชาวสิงคโปร์ยังมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่กำลังสูงขึ้น

บางคนมองว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นในตัวหว่อง ซึ่งเป็นผู้นำคณะทำงานด้านโควิดของสิงคโปร์ และกลายมาเป็นบุคคลที่คุ้นเคยเมื่อเขาพูดคุยกับสาธารณชนเป็นประจำระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา

“เขาแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถ โดยคณะทำงานด้านโควิดทำให้เขาน่าเชื่อถือ เขาเป็นผู้นำที่คอยชี้นำ… และเขาคาดการณ์ว่าจะมีความมั่นคงสำหรับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกในอนาคต” รีเบกกา แทน อาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าว

หว่องเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรค PAP ที่ทำให้ส่วนแบ่งคะแนนเสียงของพรรคเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งแรก ขณะที่นายกรัฐมนตรีคนก่อน ๆ พบว่า ผลการสำรวจความนิยมกลับลดลง ซึ่งนักวิเคราะห์เคยเรียกว่า “ผลกระทบของนายกรัฐมนตรีคนใหม่” หรือสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อผู้นำคนใหม่

สำหรับผลการเลือกตั้งที่ดูจะแสดงถึงความแข็งแกร่งของพรรค PAP ส่วนหนึ่งยังเกิดจากฝ่ายค้านที่มีความแตกแยก โดยมีพรรคการเมือง 10 พรรคที่ต่อต้านพวกเขา โดยส่วนใหญ่มีผลงานไม่ดี ยกเว้นเพียงไม่กี่พรรคเท่านั้น

ทีโอ เคย์ คีย์ นักวิจัยจากสถาบันนโยบายศึกษา (Institute of Policy Experiences) กล่าวว่า แม้การเลือกตั้งเมื่อไม่นานนี้จะแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการความหลากหลายทางการเมือง แต่ผลการเลือกตั้งล่าสุด “แสดงให้เห็นว่าประชาชนพอใจกับจำนวน ส.ส. ฝ่ายค้าน” ในตอนนี้

แต่เธอกล่าวเสริมว่า ชาวสิงคโปร์ดูเหมือนจะ “เลือกมากขึ้น” เช่นกันเมื่อถึงเวลาลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายค้าน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลงานของพรรคแรงงาน โดยพรรคแรงงานได้รณรงค์หาเสียงโดยใช้นโยบายลดค่าครองชีพและเสริมสร้างโครงข่ายความปลอดภัยสังคม (สวัสดิการสังคมในระดับที่พอที่จะให้คนจนอยู่ได้)

แม้จะล้มเหลวในการคว้าที่นั่งเพิ่มเติม แต่พรรคก็พบว่าคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งที่พรรคยังคงรักษาไว้เพิ่มขึ้น และยังมีการต่อสู้ที่สูสีกับพรรค PAP ในเขตอื่น ๆ ทำให้พรรคแรงงาน กลายเป็นพรรคฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ

ผลงานยังคงแข็งแกร่งแม้จะเกิดกรณีขัดแย้งล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับอดีต สส. พรรคแรงงานคนหนึ่งและหัวหน้าพรรคแรงงานอย่าง ปรีตัม ซิงห์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานกล่าวเท็จต่อรัฐสภา ผู้สนับสนุนพรรคแรงงานจำนวนมากเชื่อว่าคดีนี้ โดยเฉพาะคดีของซิงห์มีแรงจูงใจทางการเมือง

ซิงห์กล่าวกับผู้สนับสนุนไม่นานหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งของเขา โดยเขายอมรับว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะยากลำบากเสมอ”

แต่เขากล่าวเสริมว่า “ทุกอย่างจะเรียบร้อย เราจะเริ่มทำงานกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ และเราจะเริ่มกันใหม่”

ที่มาของภาพ : Getty Photography

ปริตัม ซิงห์ ผู้นำพรรคแรงงานสิงคโปร์