
วุฒิสภา “เดินหน้า” หรือ “ชะลอ” เลือกองค์กรอิสระ ท่ามกลางคดี “ฮั้วเลือก สว.”

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
Article files
- Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- Characteristic, ผู้สื่อข่าว.
การประชุมวุฒิสภา 30 พ.ค. มีวาระสำคัญว่าด้วยการเดินหน้ากระบวนการเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วนในสังคมทั้งในและนอกสภาที่ขอให้ “หยุด” กระบวนการเอาไว้ก่อน หลังจาก สว. กลุ่มใหญ่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดี “ฮั้วเลือก สว.” เมื่อปี 2567
เสียงตะโกน “สว. ต้องหยุดเลือก” จากภาคประชาชนราว 30 คน ดังขึ้นบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ย่านเกียกกาย ช่วงเช้าวันนี้ (29 พ.ค.) ในระหว่างการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ
นักกิจกรรมการเมืองและประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ” ยืนถือป้าย “สีน้ำเงิน” แสดงออกว่า “ไม่เห็นด้วยกับอำนาจผลประโยชน์ทับซ้อน” และเรียกร้องให้ สว. “หยุดให้ความเห็นชอบองค์กรตรวจสอบตัวเอง จนกว่าข้อกล่าวหาจะสิ้นสุด”
สว. ชุดที่ 13 บางส่วนอยู่ระหว่างถูกสอบสวนคดี “ฮั้วเลือก สว.” โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมทีมสืบสวนด้วย
ถึงตอนนี้มี สว. ทยอยถูกออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในคดีที่ถูกเรียกว่า “ฮั้วเลือก สว.” แล้ว 4 ล็อต มีจำนวนอย่างน้อย 98 คน ตามการรายงานของสื่อมวลชนหลายสำนัก อาทิ มติชน ไทยรัฐ เนชั่น โดยล็อตแรกมีจำนวน 55 คน ล็อตสอง เฉพาะ สว. มี 3 คน ล็อตสาม 24 คน และล็อตสี่ 16 คน ทั้งนี้ สว. เริ่มเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สำนักงาน กกต. ตั้งแต่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed studyingได้รับความนิยมสูงสุด
Quit of ได้รับความนิยมสูงสุด
หนังสือแจ้งข้อกล่าวหา สว. ระบุว่า “มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต.” ว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ในฐานความผิดแนะนำตัวฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ของ กกต. (มาตรา 36), ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อให้ลงคะแนน (มาตรา 77) และทุจริตหรือรู้เห็นการทุจริตเลือก สว. (มาตรา 62)
การแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ของภาคประชาชนเกิดขึ้น 1 วันก่อนการประชุมวุฒิสภา
วุฒิฯ นัดถกอะไร 30 พ.ค.

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
ในขณะที่รัฐบาลขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ระหว่าง 28-31 พ.ค. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เป็นวาระหลัก ฟากฝั่งวุฒิสภาก็นัดประชุมคู่ขนานกันไป โดยบรรจุวาระเกี่ยวกับการเลือกองค์กรอิสระเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม 30 พ.ค. เป็น “เรื่องด่วน” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรก การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งใน 3 องค์กร ซึ่งแยกเป็น กมธ. 3 ชุด ประกอบด้วย ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 1 คน (นายณรงค์ กลั่นวารินทร์), ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน (ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ, นายสราวุธ ทรงวิไล) และอัยการสูงสุด (อสส.) 1 คน (นายอิทธิพร แก้วทิพย์)
ส่วนที่สอง การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) 3 คน (นายประกอบ ลีนะเปสนันท์, นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง, นายประจวบ ตันตินนท์) เสนอโดย กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ วุฒิสภา ที่มีนายพิศูจน์ รัตนวงศ์ เป็นประธาน
ส่วนที่สาม พิจารณาญัตติ ขอให้ชะลอการตั้ง กมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ ของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่ามีคำตัดสินในคดีที่ สว. จำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องขณะนี้ เสนอโดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.
ภาคประชาชนเรียกร้องอะไร
เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่า ในระหว่างที่กระบวนการสอบสวนคดีเลือก สว. ยังไม่แล้วเสร็จ สว. กำลังจะใช้อำนาจสำคัญในการให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งล้วนมีบทบาทในการตรวจสอบ สว. โดยตรง
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ : มีอำนาจตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ สว. ว่าเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
- กกต. : มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติ สว. และเป็นองค์กรสำคัญที่รับผิดชอบคดีโกงเลือก สว.
- ศาลรัฐธรรมนูญ : มีอำนาจชี้ขาดว่า สว. จะพ้นตำแหน่งหรือไม่ หากมีความผิดคดีโกงเลือก สว.
- อสส. : มีบทบาทยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากพบว่า สว. ร่ำรวยผิดปกติ

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
การใช้อำนาจเห็นชอบบุคคลในตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ แม้เป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ก็ขาดความชอบธรรม และเห็นได้ชัดถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญจึงมีข้อเสนอถึง สว. 2 ส่วน
ระยะเฉพาะหน้า สว. ต้อง “หยุด” ใช้อำนาจตลอดกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระและข้าราชการระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ หรือการลงมติให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จนกว่าคดีที่ สว. ตกเป็นผู้ถูกร้องจะถึงที่สุด
ส่วนระยะยาว สว. ต้องคืนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ “แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ” โดยร่วมกับ สส. เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขที่มา สว. และที่มาองค์กรตรวจสอบ สว.
เสียงต้านจาก สว. เสียงข้างน้อย
ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความพยายามจาก สว. เสียงข้างน้อยที่ไม่เคยชนะโหวตกลางวุฒิสภาแม้แต่ครั้งเดียว ในการออกมาส่งเสียง-สื่อสารต่อสังคมเพื่อให้เพื่อนร่วมสภา “ชะลอ” การเลือกองค์กรอิสระ โดยนำเสนอในรูปแบบ “คำร้อง” “หนังสือ” และ “ญัตติ” โดยมีทั้งข้อเสนอที่ได้ “ไปต่อ” และต้อง “พอแค่นี้”
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส วุฒิสมาชิกที่เรียกตัวเองว่า “สว. พันธุ์ใหม่” แถลงขอยุติการล่ารายชื่อ สว. เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ สว. 200 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ
“กราบขออภัยที่ไม่สามารถหาคนร่วมลงชื่อได้ครบ 20 คน เนื่องจาก สว. กลุ่มอิสระมีเพียง 40-50 คน จะหารายชื่อ 20 คนถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะคำร้องถอดถอน สว. นั้นก็มีเนื้อหาแข็งกร้าว เป็นยาแรง จนอาจกระทบ สว. ที่ลงชื่อ และหากมีการตอบโต้เอาคืน สว. สีน้ำเงินก็สามารถรวมเสียงได้ง่ายชั่วพริบตา จึงขอประกาศยุติการล่าชื่อตั้งแต่วันนี้” น.ส.นันทนา แถลงข่าวเมื่อ 28 พ.ค.
อย่างไรก็ตามเธอขอส่งเสียงถึง สว. เสียงข้างมากให้ตระหนักถึงเรื่องจริยธรรม แม้ในข้อกฎหมายไม่สามารถบังคับได้ แต่ก็ควรจะมีจริยธรรม ชะลอการลงมติ 30 พ.ค. นี้ เพราะการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่รุนแรง และเป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ กฎหมายใด ๆ ก็ตามไม่ถึง

ที่มาของภาพ : PR SENATE
ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ที่เรียกตัวเองว่า “สว. สีขาว” ยื่นหนังสือถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เมื่อ 29 พ.ค. ขอให้ชะลอการเตรียมการตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น เพื่อปราศจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดข้อครหาได้ว่าองค์กรอิสระที่ผ่านการเห็นชอบจะต้องต่างตอบแทนกันภายหลัง
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ก่อน หมอเปรมศักดิ์ระบุว่า จะยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภาขอให้ยับยั้งการบรรจุระเบียบวาระแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระออกไปก่อน แต่สุดท้ายเขาไม่ได้ยื่นหนังสือถึงประธานในเรื่องนี้ และนายมงคลก็สั่งบรรจุวาระโหวตเลือกกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ 3 องค์กร
จุดพลิกจากห้องประชุมวิปวุฒิฯ ถึงห้องประชุมใหญ่
อย่างไรก็ตามมีญัตติของนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกกลุ่ม “สว. พันธุ์ใหม่” ที่ขอให้ชะลอกระบวนการให้ความเห็นชอบ กกต., ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้รับการบรรจุเป็นวาระเพิ่มเติมในการประชุมวุฒิสภา 30 พ.ค. เป็น “เรื่องด่วนที่ 5” ต่อท้ายวาระการตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ 3 องค์กร และวาระโหวตเห็นชอบ/ไม่เห็นชอบกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
จุดพลิกผันของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 28 พ.ค. ในห้องประชุม กมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ที่มีประธานวุฒิสภาเป็นประธาน และ กมธ. ส่วนใหญ่ก็เป็น สว. กลุ่มใหญ่ที่ถูกเรียกขานว่า “สว. สีน้ำเงิน”
หนึ่งในวิปวุฒิสภาเปิดเผยกับ.ว่า ในช่วงแรก สว. สีน้ำเงินต่างยืนยันว่าวุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการให้ความเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระ และยืนยันเดินหน้ากระบวนการต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมแสดงความไม่พอใจอย่างหนักที่ สว. เสียงข้างน้อยออกไปเคลื่อนไหวกดดันผ่านสื่อและวิจารณ์โดยใช้ถ้อยคำรุนแรง ทำให้นางอังคณา นีละไพจิตร สว. นอกกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นวิปวุฒิฯ ด้วย เสนอให้นำเรื่องนี้ไปถกแถลงกันในห้องประชุมใหญ่เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความเห็นอย่างเต็มที่
“หลังจากนั้น นายวุฒิชาติ (กัลยาณมิตร สว. สีน้ำเงิน และเลขานุการวิปวุฒิฯ) เอ่ยขึ้นมาว่า ‘ผมเห็นด้วยนะ' ทำให้โทนเสียงของที่ประชุมเปลี่ยนไป และมีการบรรจุญัตติของนายเทวฤทธิ์ในที่สุด” แหล่งข่าวจากวิปวุฒิสภากล่าว

ที่มาของภาพ : PR SENATE
การบรรจุระเบียบวาระของประธานวุฒิสภาเป็นไปตามระเบียบ ขั้นตอน และเรียงตามลำดับเรื่องที่ได้รับ หากที่ประชุมวุฒิสภาปรึกษาหารือกันว่าจะเลื่อนญัตติที่เสนอเข้ามาใหม่ขึ้นมาพิจารณาก่อนก็สามารถทำได้ แต่ต้องได้ความเห็นชอบจากที่ประชุม
ล่าสุด.ได้รับคำยืนยันจากแกนนำ สว. สีน้ำเงินว่า พร้อมเลื่อนญัตติของนายเทวฤทธิ์ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรก อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าวุฒิสภาพร้อม “หยุด” กระบวนการแต่งตั้งองค์กรอิสระแต่อย่างใด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม
ญัตติของ “สว. พันธุ์ใหม่” ว่าอย่างไร
ญัตติขอให้ชะลอการตั้งกรรมการองค์กรอิสระ เสนอโดย “สว.พันธุ์ใหม่” 5 คน นำโดยนายเทวฤทธิ์ โดยผู้เสนอญัตติอ้างถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ สว. ใน 3 กรณี
- สว. 92 คน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของ กกต. โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครืองมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว.
- สว. 105 คน ยื่นคำร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ตรวจสอบนายภูมิธรรม, พันตำรวจเอกทวี, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ จากมติ กคพ. ให้รับ “คดีฟอกเงินฮั้วเลือก สว.” เป็นคดีพิเศษ
- สว. จำนวนมาก ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก สว. และอยู่ระหว่างการสืบสวนของสำนักงาน กกต.

ที่มาของภาพ : PR SENATE
คำเสนอญัตติระบุต่อไปว่า เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการดำเนินคดีของศาลรัฐธรรมนูญ กกต. และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ สว. ตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องจำนวนมากในขณะนี้จะดำเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแชง ผู้ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดี จึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดี
“โดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรม ความเป็นกลาง และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและทั้ง 3 องค์กรข้างต้นได้”
จึงเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาชะลอการตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ รวมทั้งการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่ามีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่ สว. จำนวนมากตกเป็นผู้ร้องและผู้ถูกร้อง
ความขัดกันแห่งผลประโยชน์
ในขณะที่ สว. สีน้ำเงินกำลังถูกตั้งคำถามเรื่อง “ความขัดกันแห่งผลประโยชน์” พวกเขาเคยใช้ประเด็นนี้เป็นเหตุผลในการ “วางมือ” จากกระบวนการเลือกกรรมการองค์กรอิสระมาแล้วหนหนึ่ง ปรากฏในรายงานของ กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3 คนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา 30 พ.ค.
.ขอสรุปใจความสำคัญ พร้อมบริบทเอาไว้ ดังนี้
เดิม กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ แคนดิเดต สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร เป็นประธาน มีนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เป็นเลขานุการ ทว่ากรรมาธิการ 13 จากทั้งหมด 15 คนได้ลาออกจากตำแหน่งใน กมธ. ชุดนี้เมื่อ 8 เม.ย. โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อเป็นการป้องกันประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่กับประเด็นการร้องทุกข์กล่าวโทษที่ได้ร้องทุกข์ไว้ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ”
ในเวลานั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ เป็น “หัวหอก” ในการเคลื่อนไหวนอกสภา ด้วยการยื่นคำร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ตรวจสอบ กคพ. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผลจากการลาออกของ กมธ. เกือบยกชุด ทำให้ที่ประชุมวุฒิสภา 9 เม.ย. ต้องมีมติเลือก สว. รายอื่น 13 คนไปรับหน้าที่แทนตำแหน่งที่ว่างลง
จากนั้นในการประชุม กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เมื่อ 28 เม.ย. ได้เลือกประธานคนใหม่ได้นายพิศูจน์ รัตนวงศ์ ส่วนเลขานุการได้นายพิชาญ พรศิริประทาน เข้าไปทำหน้าที่แทน
ที่มา BBC.co.uk