
เรื่อง: พัชญ์สิตา รุ่งโรจน์ธนกุล
กระบวนการเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตและสูญหายจากกรณีเหตุการณ์ตึกที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างพังถล่มลงมา ยังคงดำเนินอยู่ หลังผ่านไปแล้วเกือบ 3 เดือนของการเกิดเหตุ
สำนักงานประกันสังคม (สำนักงานประกันสังคม) ให้ข้อมูลกับประชาไทวานนี้ (16 มิ.ย.) ว่า ปัจจุบันมียอดผู้เสียชีวิตรวม 93 คน แบ่งเป็นแรงงานไทย 64 คน แรงงานข้ามชาติ 29 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็น พม่า 25 คน, กัมพูชา 3 คน และ ลาว 1 คน
มีกรณีแรงงานข้ามชาติ 17 คน ที่สำนักงานประกันสังคมได้ทำการจ่ายเยียวยาแก่ทายาทตามกฎหมายไปแล้ว โดยมียอดเงินรวมอยู่ที่ 15,334,688 บาท แบ่งเป็นค่าทำศw 850,000 บาท และเงินทดแทน 14,484,688 บาท
ส่วนกลุ่มที่ยังอยู่ในระหว่างการรอจ่าย มีอยู่ 12 คนเป็นชาวพม่าทั้งหมด โดยแบ่งได้เป็น 9 คน ที่ญาติยังไม่มารับศwที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนอีก 3 คน อยู่ระหว่างรอเอกสารจากนายจ้าง
อุสนีย์ ศิลปศร รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สำนักงานประกันสังคม) ให้สัมภาษณ์กับประชาไทเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับกระบวนการในการเยียวยาคนงานตึก สตง.ถล่ม ว่าหลังจากที่เกิดเหตุ ทาง สำนักงานประกันสังคมมีการตั้งศูนย์ประสานงานและช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวกระทรวงแรงงาน (ศปช.รง.) 3 จุด ดังนี้
- ศูนย์ฯ ที่สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
- ศูนย์ฯ ข้างๆ ห้างสรรพสินค้า JJ Mall ใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุอาคารถล่ม
- ศูนย์ฯ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ซึ่งเป็นจุดรับศw
โดยทาง สำนักงานประกันสังคม จะเรียกศูนย์ฯ ตรง JJ Mall ว่า “จุดที่หนึ่ง” และ ศูนย์ฯ ที่สถาบันนิติเวชวิทยาว่า “จุดที่สอง”
การมีศูนย์ประสานงานฯ อยู่สองจุดดังกล่าวก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ญาติของแรงงานในการเข้ามาติดต่อสอบถาม โดยทาง สำนักงานประกันสังคมจะทำการสอบปากคำ ถามรายละเอียดว่าแรงงานเป็นลูกจ้างของบริษัทใด อายุเท่าไร มีทายาทเป็นใครบ้าง เพื่อรับคำร้องรวมถึงชี้แจงสิทธิประโยชน์กับทายาทผู้มีสิทธิ์ หรือหากญาติไม่สามารถมาได้ ก็โทรมาได้ทางสายด่วน 1506 กด 9
“จุดที่หนึ่ง (ข้างๆ JJ Mall) เราอาจจะเจอทายาทของเขา (แรงงาน) คนที่หนึ่ง-สอง แต่ว่าถ้าเกิดว่าไปจุดที่สอง (ที่สถาบันนิติเวชฯ ) ซึ่งบางทีเขา (ญาติๆ ของแรงงาน) ไปรับร่าง ก็อาจจะมีคนมาหลายคน เราอาจจะเจอทายาทคนที่สาม-สี่-ห้า”
หลังจากที่ สำนักงานประกันสังคมได้ข้อมูลครบถ้วนจากสองจุดข้างต้น ทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเสียชีวิต รวมถึงสถานที่ที่ญาติๆ ประสงค์ทำพิธีศw ทาง สำนักงานประกันสังคมให้บริการในขั้นตอนต่อไปด้วยคือ “จุดทำศw” หรือที่เรียกว่า “จุดที่สาม”
กรณีแรงงานไทยที่เสียชีวิต ส่วนมาก 80-90% กลับไปทำพิธีศwที่ภูมิลำเนา แต่ก็จะมีกรณีส่วนน้อยที่สะดวกทำศwที่อื่น เช่น นายจ้างอยู่ จ.หนองบัวลำภู ส่วนทายาทอยู่ จ.เพชรบูรณ์ แต่อาจต้องการไปทำพิธีศwที่ราชบุรี เพราะมีญาติบางคนอยู่ที่นั่น แม้ว่าจะอยู่คนละทิศทาง แต่ สำนักงานประกันสังคมสามารถส่งต่อข้อมูลและรองรับการให้ความช่วยเหลือได้อย่างได้อย่างครบถ้วน
ในขั้นตอนของจุดทำศw ดำเนินการโดย 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงแรงงานที่เรียกว่า “ห้าเสือแรงงาน” ประกอบด้วย สำนักงานแรงงานจังหวัด, สำนักงานจัดหางานจังหวัด, สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด, สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด และประกันสังคม
โดยมีหลายกรณีที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าฯ ได้เดินทางไปมอบสิทธิประโยชน์ พูดคุยทำความเข้าใจ และให้กำลังใจกับญาติผู้เสียชีวิต
อุสนีย์ ศิลปศร รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สำนักงานประกันสังคม)
ภาพจากสำนักงานประกันสังคม
ปัญหาเอกสาร-กำแพงภาษา ทำแรงงานข้ามชาติยากเข้าถึงเยียวยา
เมื่อเทียบกับกรณีของแรงงานไทยที่สามารถค้นผ่านทะเบียนราษฎร์ได้เลย ใช้เพียงเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักก็ยืนยันตัวตนได้แล้ว ขั้นตอนการประสานงานช่วยเหลือในกรณีแรงงานข้ามชาติมีความยากกว่ามาก ทั้งในเรื่องการยืนยันตัวตน เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และอุปสรรคด้านภาษา ในการพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติถึงการจ่ายเงิน-สิทธิประโยชน์ทดแทน
“เราไม่รู้จักเขาเลยว่าเขาเป็นใครภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำนักงานประกันสังคมทำได้เบื้องต้นก็คือการได้พบกับนายจ้าง เพื่อที่จะรู้ว่านายจ้างคนนี้ ลูกจ้างของเขาคือใคร มีเบอร์ติดต่อทายาทไหม ทายาทอยู่ที่เมืองไทยมีไหม หรือมีเพื่อนร่วมงานของเขาที่รู้จักทายาทของเขาที่อยู่ต่างประเทศไหม”
สำนักงานประกันสังคมใช้วิธีติดต่อญาติผู้เสียชีวิตผ่านทางนายจ้าง และเพื่อนร่วมงาน เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการวินิจฉัย โดยทาง สำนักงานประกันสังคมก็เพิ่งได้ทราบจากการการพูดคุยกับล่ามพม่าที่ สตง. จัดหามาให้ช่วยอธิบายเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ทายาท ว่าในทะเบียนบ้านของพม่าจะมีระบุว่าใครสมรสกับใครในนั้นเสร็จสรรพเลย ทำให้ได้ข้อมูลมาประกอบการวินิจฉัยที่สะดวกมากขึ้น
เมื่อวินิจฉัยเสร็จแล้ว สำนักงานประกันสังคมก็จะจ่ายเงินทดแทนเป็นเช็ก และจะส่งไปให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นผู้ดำเนินการต่อ จากนั้นเมื่อ กต. ดำเนินการแล้วเสร็จ จึงจะส่งใบสำคัญรับเงินกลับมาที่ สำนักงานประกันสังคม
ประชาไทติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
รองเลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม ยังกล่าวถึงการเยียวยากรณีแรงงานเหมาช่วงด้วยว่า “มีเหมือนกัน (กรณี) ที่ตัวซับเอง (Sub-contractor) นายจ้างก็เสียชีวิตในนั้นด้วย แต่ว่าโดยข้อกฎหมาย เราก็สามารถหานายจ้างที่เหนือกว่ามารับผิดชอบให้ เป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งนายจ้างที่อยู่เหนือขึ้นไปก็ยินดีรับผิดชอบ เพราะว่าเขาก็รู้ว่านายจ้างคนที่เขาเป็นซับ (Sub-contractor) ก็เป็นลูกจ้าง…เป็นส่วนหนึ่งที่เขาจ้างให้ทำงานของเขาด้วย”
ทั้งนี้ การเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุตึก สตง.ถล่ม สำนักงานประกันสังคมจ่าย 4 กรณี ดังนี้
- กรณีบาดเจ็บ: ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต หรือสูญหาย: ค่าทำศw 50,000 บาท, ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพจากกองทุนประกันสังคม
กรณีผู้สูญหาย กฎหมายกำหนดให้รอครบ 120 วันนับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ถ้ายังไม่พบร่างก็ต้องไปหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าคนๆ นั้นอยู่ในตึกจริงหรือไม่ เป็นลูกจ้างของรายจ้างคนใด ถ้ามีหลักฐานยืนยัน ทาง สำนักงานประกันสังคมก็จะเริ่มกระบวนการจ่ายสิทธิประโยชน์ได้เหมือนกับกรณีเสียชีวิต
- กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับ 70% ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
- กรณีทุพพลภาพได้รับ 70% ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์รายงานว่า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี จัดพิธีมอบเช็กเงินสด 1 ล้านบาทให้ทายาทผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง. ถล่ม 40 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 40 ล้านบาท โดยมี พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมเป็นประธานในพิธี
ในวันดังกล่าว ครอบครัวของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งเปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า แม้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบครบสามเดือน มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาไปบางส่วนแล้ว แต่ตนยังรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นเจ้าบ้านในกรณีตึกถล่ม ควรจะต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมามีเพียงเงินช่วยเหลืองานศwเพียง 10,000 บาท
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )