แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/cyo5 | ดู : 10 ครั้ง
รัฐธรรมนูญ-2560-ออกแบบระบบการเมืองให้ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค-พร

รัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบระบบการเมืองให้ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค พรรคตัวแปรหลักอย่าง ‘ภูมิใจไทย’ ออกจากการร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเผชิญ ‘เสียงปริ่มน้ำ’ จนล่าสุดต้องถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน เพราะเจอศึกหลายทาง การถอนร่างดังกล่าวที่บรรจุในวาระไว้แล้วต้องได้รับการโหวตเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของสภา คือ 248 เสียง ผลออกมา 253:67 เกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 5 เสียง ซึ่งมี สส.ภูมิใจไทยโหวตสวนมติพรรคมาด้วย 3 เสียง ขณะที่ ‘ทักษิณ’ กล่าวว่ารัฐบาลยังอยู่ได้ และแก้ปัญหาแบบ ‘บริหารไป เพิ่มเสียงไป’ พร้อมร้องเพลง “หนูเปล่านะ เขามาเอง” จึงเป็นที่จับตามองอย่างมากกว่าเพื่อไทยจะเติมเสียงได้อย่างไร แค่ไหน ‘ธรรมนัส พรหมเผ่า’ และพรรคกล้าธรรมจึงเป็นที่จับอย่างยิ่งในทางการเมืองในฐานะ ‘มือประสาน 10 ทิศ’  ไม่เพียงการโหวตผ่านเรื่องสำคัญๆ ของรัฐบาลเท่านั้นที่เป็นความท้าทาย รัฐบาลเพื่อไทยยังเผชิญสถานการณ์เปราะบางยิvขึ้น เมื่อมีคดี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหลายคดีให้รอลุ้น

ใจหายใจคว่ำกันไปสำหรับพรรครัฐบาล เพราะการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 9 ก.ค.2568 เจอเกมฝ่ายค้านนำโดย พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ชงให้อภิปราย ก่อนถอนร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์) ออกจากระเบียบวาระการประชุม

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายถามหาเหตุผลของการถอนร่างดังกล่าว เพราะรัฐบาลเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหาจริงๆ หรือ เป็นเพราะว่ารัฐบาลกลัวว่าวันนี้เสียงรัฐบาลไม่พอและจะถูกโหวตคว่ำในสภาฯ จึงอยากจะขอฟังเหตุผล ตัวแทนจากทางคณะรัฐมนตรีว่าวันนี้ถอนด้วยเหตุผลอะไร

“ต้องการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะเล็งเห็นถึงเหตุผลนั้นจริงๆ ต้องรับปากกับพวกเราว่ารัฐมนตรีวันนี้ถอนร่างนี้ออกไปแล้ว ไม่เสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก อย่างน้อยๆ จนกว่าจะมีการศึกษากฎหมายฉบับนี้อย่างดีเพียงพอ” หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว

แม้จะเจอการอภิปรายจาก สส.พรรคภูมิใจไทย ภราดร ปริศนานันทกุล แต่จนแล้วจนรอด รัฐบาลก็สามารถ ‘ถอน’ ออกร่างกฎหมายออกมาได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียง 253 ต่อ 67 เสียง ฉิวเฉียดเกินกึ่งหนึ่งจำนวน 248 เสียงมาเพียงนิดเดียว หรือ 5 เสียงเท่านั้น

แม้ว่าร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร จะจบลงไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สะท้อนผ่านการลงมติครั้งนั้นคือ เสียงรัฐบาลที่ยังคง ‘ปริ่มน้ำ’ หลังจากพรรคภูมิใจไทยขอย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายค้าน ทำให้โจทย์ของรัฐบาลตอนนี้อาจจะเป็นการหาเสียงมาเติม เพื่อให้การทำงานผลักดันร่างกฎหมายทำได้สะดวกโยธิน ไม่ต้องให้รัฐมนตรีย้ายกระทรวงมาทำงานที่รัฐสภา มีพื้นที่หายใจหายคอ ประคองนาวารัฐบาลให้ได้จนหมดวาระ โดยมีกระแสข่าวบอกว่า เป้าหมายอยู่ที่ 270 เสียง

ย้อนไปในช่วงการยกมือโหวตถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ก็มี สส.จากพรรคอื่นมาร่วมยกมือให้ และที่น่าจับตามองคือมี สส.พรรคภูมิใจไทย 3 คนสวนมติพรรค โหวตสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งเป็นการแตกแถวครั้งแรกของพรรคอีกด้วย

ทั้งนี้ สส.พรรคภูมิใจไทย ที่มาร่วมโหวตสนับสนุนให้ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ประกอบด้วย

1. ชูกัน กุลวงษา สส.นครพนม

2. ประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์

3. อรอุมา บุญศิริ สส.บึงกาฬ

ขณะที่หลังการโหวต ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าการลงมติเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่ยังไม่ได้คุยกับทั้ง 3 คนเรื่องจุดยืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นเรียกว่า ‘งูเห่า’

ทั้งนี้ นอกจากรายชื่อของ 3 สส.พรรคภูมิใจไทย ก็ยังมี สส.จากพรรคอื่นๆ มาร่วมโหวต ประกอบด้วย

  • กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี ที่ตัวอยู่พรรคประชาชน แต่ใจไปที่พรรคกล้าธรรมแล้ว
  • สส.พรรคไทยสร้างไทย ประกอบด้วย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ และ สุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร
  • ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคไทยก้าวหน้า แต่ว่าเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทยรัฐจับภาพได้ว่า สส.ไชยามพวาน ก็ได้มาปรากฏตัวในงานสัมมนาของพรรคกล้าธรรม ที่ จ.ชลบุรี

คณิตศาสตร์การเมือง เสียงรัฐบาลมีเท่าไร

เข้าสู่คาบเรียนคณิตศาสตร์การเมืองอีกครั้ง แท้จริงรัฐบาลมีเสียงในมือเท่าไร อ้างอิงจากรายงานสำนักข่าวเนชั่น เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2568 ประเมินว่า รัฐบาลมีเสียงในมือทั้งหมด 262 เสียง จาก สส. ในสภาฯ ทั้งหมด 495 คน โดยเสียงกึ่งหนึ่งอยู่ที่ 248 เสียง

พรรครัฐบาล 12 พรรค จำนวน 262 เสียง ประกอบด้วย

  • พรรคเพื่อไทย 142 เสียง
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง (แบ่งเป็นก๊กพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และสุชาติ ชมกลิ่น คนละ 18 เสียง)
  • พรรคกล้าธรรม 27 เสียง (++ ที่ต้องบวกเพราะว่ายังมี สส.ที่ยังต้องอยู่พรรคเดิม แต่ใจย้ายมาที่พรรคกล้าธรรม)
  • พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง
  • พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง
  • พรรคประชาชาติ 9 เสียง
  • พรรคไทยสร้างไทย 5 เสียง
  • พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง
  • พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง
  • พรรคไทยรวมพลัง 2 เสียง
  • พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง
  • พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง

พรรคฝ่ายค้าน 5 พรรค 233 เสียง ประกอบด้วย

  • พรรคประชาชน 143 เสียง
  • พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง
  • พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง
  • พรรคเป็นธรรม 1 เสียง
  • พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง

องค์กรอิสระอาจเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล

เสียง สส.ของฝ่ายพรรครัฐบาลเกินเสียงกึ่งหนึ่งมาเพียง 14 เสียงเท่านั้น ทำให้สถานการณ์ที่เป็นตอนนี้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจมากเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าจะทำงานยังไง และมากกว่านั้นอีกดาบหนึ่งที่รอง้างอยู่คือคดีที่ สส.พรรครัฐบาล ถูกดำเนินคดีอยู่ในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. )

พรรคเพื่อไทย

  • คดีมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญงบภัยแล้ง‑ฝนทิ้งช่วง ปี 2568

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติรับไต่สวนแล้ว กรณีประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถูกกล่าวหาว่า ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีการจัดสรรงบประมาณแก้ไขปัญหาภัยแล้งวงเงินราว 51,584 ล้านบาท ให้ สส.เพื่อไทยดำเนินโครงการในพื้นที่คนละ 50 ล้านบาท เป็นการขัดต่อมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีการระบุถึงชื่อของ สส.เพื่อไทยบางราย เช่น สาโรจน์ หงษ์ชูเวช และพิษณุ หัตถสงเคราะห์ อดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย รวมถึง อนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีการแปรญัตติเพื่อเอื้อให้เอาไปลงพื้นที่ สส.ของพรรค และยังให้หน่วยงานต่างๆ ใส่ข้อมูลเข้าไปในระบบไทยวอเตอร์แพลน และนำข้อมูลไปคณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาต่ออีกทีตามกระบวนการ

หลัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่อง ทางสำนักงบประมาณมีคำสั่งด่วนแจ้งไปถึงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(องค์การบริหารส่วนจังหวัด) ให้ถอนเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2568 ไปเมื่อ 12 มิ.ย.2568

คดีโดนหลายพรรค

  • มาตรา 144 ย้ายงบไปแจกเงินหมื่น

นอกจากคดีที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคโดนเล่นงานกันมากมายแล้ว ยังมีคดีใหญ่อีก 1 คดีที่อาจกระทบต่อทั้ง สส.และ สว. คือคดีที่ตั้งเรื่องมาจากชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับคณะที่มี สมชาย แสวงการ อดีต สว., นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ  ไปยื่นร้องเรื่องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จากส่วนที่จะต้องนำไปใช้หนี้ให้กับ 5 ธนาคารตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐไปใช้กับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล

คำร้องดังกล่าวได้ขอให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนย้อนไปตั้งแต่ ครม.เศรษฐา และแพทองธาร  และยังรวมถึงคณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 สส. และ สว. ที่ลงมติให้ตัดงบ 35,000 ล้านบาทไปเข้าโครงการ

  • คดี 44 สส. + 2 ข้าราชการ แจกกล้วยซื้องูเห่า

คดีที่เริ่มตั้งแต่ปี 2565 แต่ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีนี้ ตามที่ปรากฏในรายงานข่าวมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีมากถึง 131 คน แต่มีการเปิดเผยชื่อบุคคลที่เป็นทั้งอดีต สส. และ สส.ในปัจจุบันรวม 44 คน แต่เมื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วมีเพียง 12 คนที่ยังเหลือเป็น สส.ในขณะนี้ ซึ่งปัจจุบันกระจายอยู่ตามพรรคต่างๆ ตามรายชื่อด้านล่าง

พรรคกล้าธรรม

  1. ภาคภูมิ บูลย์ประมุข เดิมอยู่ พรรคพลังประชารัฐ
  2. จีรเดช ศรีวิราช เดิมอยู่ พรรคเศรษฐกิจไทย
  3. สะถิระ เผือกประพันธุ์ เดิมอยู่ พรรคเศรษฐกิจไทย
  4. เอกราช ช่างเหลา เดิมอยู่ ภูมิใจไทย

พลังประชารัฐ

  1. จักรัตน์ พั้วช่วย
  2. โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

รวมไทยสร้างชาติ

  1. ศาสตรา ศรีปาน เดิมอยู่ พรรคพลังประชารัฐ
  2. วัชระ ยาวอหะซัน

พรรคเพื่อไทย

  1. เชิงชาย ชาลีรินทร์ เดิมอยู่ พรรคพลังประชารัฐ
  2. นิคม บุญวิเศษ เดิมอยู่ พรรคพลังปวงชนไทย

พรรคภูมิใจไทย

  1. สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ เดิมอยู่ พรรคพลังประชารัฐ

พรรคประชาธิปไตยใหม่

  1. สุรทิน พิจารณ์ ยังอยู่กับพรรคประชาธิปไตยใหม่

คดีทั้งหมดยังคงต้องจับตากันต่อ หาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้ว่ามีมูล เรื่องก็จะถูกส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัยต่อไป ซึ่งก็อาจจะนำมาสู่การประหารชีวิตทางการเมือง สส.อีกรายหลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องย้ำว่าทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่มีต้นตอมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เปิดช่องให้อำนาจองค์กรอิสระสามารถประหารชีวิตทางการเมืองของ สส.ได้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  • รวมคดีพรรคการเมือง 
 เสถียรภาพการเมืองไทย ในมือศาล-องค์กรอิสระ

‘ทักษิณ’ เปรยแก้สถานการณ์ ‘บริหารไป เพิ่มเสียงไป’

ภายใต้สภาวะที่ไม่มั่นคงของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร หัวเรือใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ก็ได้พูดในรายการ 55 ปีเครือเนชั่น เมื่อ 9 ก.ค.2568 ในบางช่วงบางตอนว่าจะใช้วิธี “ก็บริหารและก็เพิ่มคนไป” แต่ว่าจะเพิ่มคนด้วยวิธีการไหนนั้น ไม่ได้มีการเอ่ยถึง

“เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง หนูเปล่านะ เขามาเอง และพวกเราเป็นเบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) รักทุกๆ คน” ทักษิณ กล่าวติดตลก

ทักษิณ กล่าวต่อว่า เขาประเมินอยู่แล้วว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยออก รัฐบาลจะเจอสถานการณ์ยุ่งยาก แต่เดิมรัฐบาลไม่ได้อยากให้ภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วม แต่พรรคภูมิใจไทยเขาออกเอง พยายามเสนอกระทรวงใหม่แล้ว เขาก็ไม่เอา สำหรับเหตุผลการแตกหักครั้งนี้ทักษิณระบุว่า รัฐบาลเพื่อไทยต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย แต่ผลักแล้วตันที่กระทรวงมหาดไทย เช่น ยาเสพติด ปัญหาหนี้  บ้านเพื่อคนไทย ล้วนต้องอาศัยกลไกมหาดไทยทั้งสิ้น จึงขอกระทรวงมหาดไทยคืน

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับภูมิใจไทยรอบที่ 3 หรือไม่ อดีตนายกฯ เผยว่า “การเมืองไทยมันไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” เนื่องจากการเมืองออกแบบมาให้เป็นแบบนี้ ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อีกต่อไป เขาเน้นย้ำว่านี่เป็นกติกาการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ทหารทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 เพราะสูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลแบบพรรคเดียวได้ เมื่อไรถ้าคณิตศาสตร์มีความจำเป็น ก็ต้องกลืนเลืoดกันสัก 3-4 ปี๊บ

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับพรรคประชาชนหรือไม่ ทักษิณ วิเคราะห์ว่า ในวันนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่การทำงานกับใคร ต้องดูว่าเราไปด้วยกันได้ อย่างน้อยนโยบายหลักต้องไม่ขัดกัน โดยเฉพาะเรื่องสถาบันกษัตริย์ เพราะเขาได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้น เขาจะไม่ทำงานกับใครที่จะไปทำอะไรที่กระทบกับสถาบันฯ

เมื่อพิธีกรรายการ 55 ปี เนชั่น ถามว่า ตอนนี้พรรคประชาชนไม่ได้มีนโยบายเกี่ยวกับมาตรา 112 แสดงว่าร่วมงานกันได้แล้วใช่หรือไม่ ทักษิณ บอกว่า “ไม่ทราบ ไม่ได้คุยกันเลย”

ต่อประเด็นที่พิธีกรชวนวิเคราะห์ว่าโอกาสที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน จะร่วมมือกันได้มีหรือไม่ อดีตนายกฯ ประเมินว่าสามารถจับกันได้อย่างหลวมๆ เพราะว่าเป็นปลาคนละน้ำ

อดีตนายกฯ ย้ำว่าพรรครัฐบาลยังไม่มีปัญหา สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่ต้องช่วยกันอุ้ม ไม่โดดสภาฯ กัน แล้วที่เหลือคือ “หนูเปล่านะเขามาเอง”

นอกจากนี้ ทักษิณ ประเมินฉากทัศน์ทางการเมืองไทยมีด้วยกัน 3 ออปชัน คือ ถ้ากรณีนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร รอดจากศาลรัฐธรรมนูญ ก็อยู่ยาวแน่นอน พร้อมดันนโยบายทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ถ้าสมมติว่าไม่รอด ก็มีทางเลือก 2 อย่าง ก็จะให้ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นนายกฯ หรือไม่ก็ยุบสภาฯ

มือประสาน 10 ทิศว่ายังไง

เวลาที่บอกว่า “บริหารไป เพิ่มเสียงไป” หลายคนคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของพรรคกล้าธรรม ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และเจ้าของฉายา “มือประสาน 10 ทิศ” ว่าจะหาเสียงมาเติมให้รัฐบาลได้มากน้อยขนาดไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็เอา สส.จากหลายๆ พรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชน พรรคไทยสร้างไทย และอื่นๆ เข้ามาร่วมรัฐบาลมาแล้ว

เมื่อ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ธรรมนัส นำทีมพรรคกล้าธรรม ร่วมสัมมนาใหญ่ของพรรคฯ ที่พัทยา จ.ชลบุรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อปฏิเสธเสียง 3 สส.พรรคภูมิใจไทยมาโหวตให้รัฐบาลในการถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ โดยกล่าวว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.ที่จะโหวต และย้ำว่าปัญหาเสียงปริ่มน้ำตอนนี้เป็นเวลาที่ สส.พรรครัฐบาลต้องสามัคคีกัน

ไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม และอดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์เมื่อ 12 ก.ค. 2568 เผยว่าตอนนี้ยังไง สส.พรรครัฐบาลเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง และการทำงานของรัฐมนตรีต้องเข้ามาที่สภาฯ มากขึ้น อย่างไรก็ดี เจ้าตัวยังไม่ยอมเผยว่าตอนนี้เสียง สส.ของรัฐบาลมีในมือเท่าไร แต่เชื่อว่าจะสามารถฝ่าสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำไปได้ อย่างที่เคยทำในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“เราเคยเสียงปริ่มมากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว ตรงนี้ได้คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ สส.จากพรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ จากพรรคที่ร่วมกับเราทั้งหมด เรารู้สึกอบอุ่นมากกว่าเดิม การพูดคุยชัดเจนกว่าเดิมเยอะ” ไผ่ ลิกค์ กล่าว

เลขาฯ พรรคกล้าธรรม ยังกล่าวด้วยว่า เนื่องด้วยระยะเวลาที่จะมีการเลือกตั้งอีก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี เดี๋ยวจะมี สส.ไหลเข้ามาอีก ไม่ต้องไปหา สส.เพิ่มเลย เพราะว่าช่วงก่อนหาเสียงเลือกตั้ง ทุกคนอยากมีงบประมาณ หรือโครงการต่างๆ ลงไปในพื้นที่ แก้ปัญหาให้ประชาชน

ส่วนข้อครหาว่าพรรคกล้าธรรมจะกลายเป็น ‘รังงูเห่า’ หรือเป็นผู้ข่วยพรรคเพื่อไทยในการเติมเสียงนั้น ไผ่ มองว่า สส.ทุกคนอยากมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม เพราะว่าใครๆ มองเข้ามาก็เห็นบ้านอบอุ่น ทำงานแบบครอบครัว แต่เวลาเราออกไปต่อสู้ให้ประชาชน เราทำเต็มที่ ใครมองเข้ามาก็เห็น และได้อยู่บ้านที่สามารถตอบสนองให้ประชาชน

ฟังท่วงทำนองการให้สัมภาษณ์ของ ‘ไผ่’ ก็ได้แต่ร้องว่า ‘หนูเปล่านะ เขามาเอง’

ต้องจับตาดูกันต่อว่าพรรคเพื่อไทยจะแก้ไขปัญหาเสียงปริ่มน้ำอย่างไร กลับไปจับมือพรรคภูมิใจไทยอีกคำรบหนึ่ง จับมือกับพรรคประชาชนแล้วยอมรับเงื่อนไข 7 ข้อ เพื่อให้สุดท้ายนำไปสู่การยุบสภาฯ หรือหาเสียง สส.มาเพิ่มให้รัฐบาลจากพรรคฝ่ายค้าน เพื่อประคองรัฐนาวาไปจนถึงเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วขนาดไหน

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

"สีกากอล์ฟ" มีบัญชีเงินหมุนเวียน 3 ปี กว่า 385 ล้านบาท ตำรวจคุ 2025-07-15 14:11:00

สำนักงาน อสส.ช่วยเหลือส่งตัว 'โจว จิงหัว' ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์สินรัฐให้จีน

BOSS Bottled Beyond น้ำหอมรุ่นใหม่ล่าสุดจากไลน์ BOSS Bottled

เลขเด็ด ลุ้นโชคงวด16ก.ค.68 |ตรงไม่ต้องตี : ลอตเตอรี่พลัส |ข่าวช่อง8

ไม่กังวล “ท่วม-แล้ง” มีธนาคารน้ำใต้ดินช่วย...สร้างโมเดลบริหารจัดการน้ำของเกษตรกร

น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มเป็นอุบัติภัยที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน

เทรลเลอร์ตกข้างทาง เส้นทางหลวงพังงา ช่วงคลองบางดินสอบ-นาเหนื 2025-07-15 14:57:00

"มันไม่มีใครหวังดี" ฟังเสียงญาติผู้ต้องขังคดี ม.112 ที่โดน คนใกล้ตัว-ชาวเน็ต ฟ้องดำเนินคดี

ตำรวจแถลงจับ 'สีกากอล์ฟ' 3 ข้อหาหนัก พบเงินหมุนเวียน 385 ล. เตรียมขยายผลโยงเว็บพนัน

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/cyo5 | ดู : 10 ครั้ง
  1. ที่จังหวัดเชียงใหม่-มีเกษตรกรคนรุ่นใหม่-ที่กลับบ้านไปสานต่ออ ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีเกษตรกรคนรุ่นใหม่ ที่กลับบ้านไปสานต่ออ
  2. -อเมือง-จ.อุดรธานี-บ้านหลังไหน-คุ้มไหน-หรือพื้นที่ชุมชนไหน ✅ อ.เมือง จ.อุดรธานี บ้านหลังไหน คุ้มไหน หรือพื้นที่ชุมชนไหน
  3. ออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพการฝึกซ้อมทางทหารกับเราและสถานที่อื่นออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพการฝึก ออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพการฝึกซ้อมทางทหารกับเราและสถานที่อื่นออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพการฝึก
  4. 2025-07-14-10:11:00-|-ข่าวสารจากกรุมอุตุนิยมวิทยา 2025-07-14 10:11:00 | ข่าวสารจากกรุมอุตุนิยมวิทยา
  5. เหลือจะเชื่อ เหลือจะเชื่อ
  6. 4-ภาครัฐ-เอกชน-ร่วมลงนามขับเคลื่อนการแยกขยะต้นทาง-ผลักดัน-แยก-แลก-เทิร์น-x-ไม่เทรวม 4 ภาครัฐ-เอกชน ร่วมลงนามขับเคลื่อนการแยกขยะต้นทาง ผลักดัน แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม
  7. ล่มสลายในเฮบส์-chasma-บนดาวอังคาร ล่มสลายในเฮบส์ Chasma บนดาวอังคาร
  8. นายเดชอิศม์-ขาวทอง-รมช.มหาดไทย-คุมที่ดิน-กรมส่งเสริมการปกครอ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย คุมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครอ
  9. จังหวัดแพร่-เมืองเล็กๆ-ในภาคเหนือ-ที่มีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเ จังหวัดแพร่ เมืองเล็กๆ ในภาคเหนือ ที่มีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเ
  10. ฟีลแฟน-โล้นขี้น้อยใจเก่ง-เอาอะไรมาอ่อนต่อโลก-(feed-gener ฟีลแฟน โล้นขี้น้อยใจเก่ง 😌 เอาอะไรมาอ่อนต่อโลก🤔 gener
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend