
ศบ.ทก.สรุปสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ชี้ 5 พื้นที่สำคัญ ‘ช่องบก-ภูผีปราสาทโดนตวล-เขาพระวิหาร-ช่องจอม-ปราสาทตาเมือนถม' ตรึงกำลังได้หมด ส่วนตัวเลขผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 37 ราย เสียชีวิต 14 คน อพยพอีก 130,000 คน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนครี เปิดเผยว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย- กัมพูชา (ศบ.ทก.) รับทราบรายงานบันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา21.00น. โดยตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งพบว่ามีการปฏิบัติการในพื้นที่สำคัญจำนวน 7 แห่ง (ลดลงจากวันแรก 3 แห่ง) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ช่องบก ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังต่อเนื่อง โดยมีกระแสข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาส่งกำลังเข้าสนับสนุนพื้นที่ภูมะเขือและช่องอานม้า ฝ่ายไทยยังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามเส้นปฏิบัติการ 1:50,000 ขณะที่กัมพูชาเคลื่อนกำลังไปทางทิศใต้
2.ภูผี–ปราสาทโดนตวล และช่องตาเฒ่า การตรึงกำลังยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าฝ่ายกัมพูชาน่าจะสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะการเสียชีวิตของผู้บัญชาการกองพลที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว
3.พื้นที่หน้าเขาพระวิหาร ยังคงมีการสู้รบ โดยกัมพูชาใช้อาวุธหลักคือพลซุ่มยิvจากบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อมุ่งเป้าทำร้ายกำลังพลไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงควบคุมพื้นที่ภูมะเขือตามแผนที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
4. ช่องจอม ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิvสนับสนุนโจมตีบ้านเรือนประชาชนไทย พร้อมกันนี้มีความพยายามส่งรถถังขึ้นพื้นที่ช่องกร่าง ห่างจากปราสาทตาควายประมาณ 2 กม.
5. ปราสาทตาเมือนธม กัมพูชาปรับขบวนเข้าตีจากทิศตะวันออกตลอดทั้งวัน ฝ่ายไทยจึงถอยร่นและใช้ปืนใหญ่โต้กลับ จนกัมพูชาต้องถอนกำลัง
นายจิรายุกล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์สำคัญ เมื่อเวลา 06.30 น. กัมพูชายิvจรวดจากสนามบินกรุงสำโรง 4 นัด ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนไทยเสียหาย 2 หลัง และสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต 5 ตัว ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1:50,000 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังพยายามรุกในหลายจุด เช่น ช่องตาเฒ่าเขาพระวิหาร ภูมะเขือ ช่องจอม ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน การปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชานั้น ใช้อาวุธอย่างไม่มีรูปแบบ ไม่เป็นไปตามกฎการปะทะ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ส่วนสถานการณ์ยังคงตึงเครียดอย่างสูง และคาดว่ากัมพูชาอาจเตรียมปฏิบัติการครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่การเจรจา
โฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กัมพูชายิvจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่ง รพ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้ารับการรักษาแล้ว
@เสียชีวิต 14 เจ็บ 37 ประชาชน 1.3 แสนอพยพ
สำหรับสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ณ วันที่ 27 ก.ค. 2568)
1. พลเรือน เสียชีวิต: 14 ราย, บาดเจ็บรวม 37 ราย ประกอบด้วยสาหัส: 12 ราย, บาดเจ็บปานกลาง: 12 ราย, บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย รวมทั้งสิ้น: 51 ราย
2. ทหาร เสียชีวิต: 8 นาย, บาดเจ็บ: 103 นาย รวมทั้งสิ้น: 111 นาย
3. การอพยพประชาชน มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 139,646 คน (เพิ่มขึ้น 3,720 คน) ดังนี้ อุบลราชธานี: 16,816 คน, ศรีสะเกษ: 62,691 คน, สุรินทร์: 39,104 คน, บุรีรัมย์: 10,755 คน, สระแก้ว: 4,076 คน, จันทบุรี: 450 คน และตราด: 5,754 คน
ขณะที่ภารกิจช่วยเหลือประชาชนโดย จิตอาสาพระราชทานใน 4 จังหวัดหลัก รวม จิตอาสา 904: 147 นาย, จิตอาสาประชาชน: 2,480 คน และรด.จิตอาสา: 220 นาย โรงครัวพระราชทาน 7 แห่ง และรถครัว 9 คัน ผลิตข้าวกล่องแจกจ่ายรวม 125,100 กล่อง (วันที่ 24–26 ก.ค.)
กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากการที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย และขอประณามการใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย อันเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน
ขอความร่วมมือประชาชนและสื่อมวลชน งดเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตของฝ่ายตรงข้าม และงดเปิดเผยข้อมูลทางทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติร่วมกัน
กองทัพไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเสียสละ เพื่อ ปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย อย่างถึงที่สุด
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )