
พบกับ “หนึ่งเจ้าสาวสองเจ้าบ่าว” การแต่งงานที่กำลังจุดกระแสถกเถียงในโซเชียลมีเดียของอินเดีย

ที่มาของภาพ : Alok Chauhan
Article Records
-
- Creator, เซาราภ เชาฮาน
- Position, บีบีซีแผนกภาษาฮินดี
- Reporting from เมืองเซอร์เมาร์ รัฐหิมาจัลประเทศ
ภาพถ่ายงานแต่งงานของหญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย ได้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ หลังเธอแต่งงานกับชายสองคนในวันเดียวกัน การแต่งงานของทั้งสามคนถือเป็นเรื่องแปลกในอินเดีย ซึ่งมีกฎหมายห้ามการมีสามีหรือภรรยาหลายคน
ซุนิตา ซี. (ตัวย่อนามสกุล) เจ้าสาวในภาพ นั่งอยู่ระหว่างเจ้าบ่าวสองคนคือ คาปิล เอ็น. (ตัวย่อนามสกุล) และประดีป เอ็น. ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ทั้งสามคนยิ้มให้กล้องในภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา และภาพดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้งานบางส่วนแสดงความเห็นดูหมิ่นครอบครัวนี้ และตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการแต่งงานแบบนี้ ภาพถ่ายงานแต่งงานนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถกเถียงในระดับประเทศ
ทั้งสามคนที่แต่งงานกันเป็นสมาชิกของชุมชนฮัตติ ซึ่งเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในบางพื้นที่ของรัฐหิมาจัลประเทศและอุตตราขัณฑ์ทางตอนเหนือของอินเดีย ชุมชนฮัตติตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำคีรีและตอนส์ และมีประชากรราว 300,000 คน
ประชากรของชุมชนนี้กระจายอยู่ในกว่า 400 หมู่บ้านทั่วภูมิภาค ชุมชนฮัตติได้รับชื่อเรียกตามธรรมเนียมดั้งเดิมในการค้าขายผลผลิตทางการเกษตร ผัก และขนสัตว์ในตลาดท้องถิ่นที่เรียกว่า “ฮัต (haats)”
ชาวฮัตติประกอบอาชีพเกษตรกรรมและงานฝีมือ เช่น การทอผ้าขนสัตว์และการทำเครื่องประดับเงินมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด
Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด
รัฐบาลอินเดียรับรองชนเผ่ามากกว่า 700 กลุ่มอย่างเป็นทางการ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8.6% ของประชากรทั้งประเทศ
ในปี 2023 รัฐบาลอินเดียได้ให้สถานะ “ชนเผ่าที่ได้รับการรับรอง” แก่ชาวฮัตติ การรับรองนี้ทำให้ชาวฮัตติมีสิทธิได้รับสวัสดิการทางสังคม รวมถึงโควตาในการจ้างงานและการศึกษา

ที่มาของภาพ : Alok Chauhan
แม้ชาวฮัตติจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มศาสนาฮินดูโดยทั่วไป แต่พิธีแต่งงานของพวกเขากลับมีลักษณะแตกต่างจากพิธีฮินดูแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน
ชาวฮัตติเรียกพิธีแต่งงานของตนเองว่า “โจดิดารา (jodidara)” หรือ “จัจดา (jajda)” ตามภาษาท้องถิ่น ในพิธีนี้ เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะหันหน้าเข้าหากันและให้คำมั่นสัญญาต่อกัน และไม่มีการเดินวนรอบกองไฟศักดิ์สิทธิ์เจ็ดรอบตามธรรมเนียมของชาวฮินดู
อีกหนึ่งความแตกต่างจากพิธีแต่งงานแบบฮินดูทั่วไปคือ เจ้าสาวจะเป็นผู้นำขบวนแห่ไปยังบ้านของเจ้าบ่าว
นอกจากนี้ภาระงานของสมาชิกครอบครัวแต่ละคนก็มักมีผลต่อความสัมพันธ์ของผู้แต่งงานในการแต่งงานลักษณะนี้
เชอร์ จุง เชาฮาน นักข่าวท้องถิ่นจากชุมชนฮัตติ อธิบายว่า “ในอดีต พี่ชายคนหนึ่งอาจต้องออกไปดูแลปศุสัตว์เป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่อีกคนจะอยู่กับเจ้าสาว เมื่อพี่ชายที่ออกไปทำงานกลับมา เขาจะผลัดเปลี่ยนกับอีกคนในการอยู่ร่วมกับเจ้าสาว ส่วนในบริบทปัจจุบัน ครอบครัวสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ผ่านการทำความเข้าใจร่วมกัน”
เขาเสริมว่า “การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น เด็กคนไหนจะใช้นามสกุลของพ่อคนใด ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ครอบครัวตกลงกันเองผ่านการเห็นชอบร่วมกัน”
ธรรมเนียมที่หล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมอันแสนหฤโหด
พิธีกรรมทางศาสนาของชาวฮัตติผสมผสานระหว่างศาสนาฮินดูกับความเชื่อแบบนับถือวิญญาณ เทพเจ้าท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับหมอผีมีบทบาทสำคัญในขนบธรรมเนียมและชีวิตประจำวันของชาวฮัตติ
ชาวฮัตติใช้การเล่าเรื่องด้วยปากเปล่าที่ตลาดชุมชน หรือ “ฮัต” เพื่อสืบสานไว้ซึ่งตำนานต้นกำเนิดของเผ่าตนบนเทือกเขาหิมาลัย เครื่องแต่งกายดั้งเดิม โดยเฉพาะเสื้อผ้าขนสัตว์ทอมือ ช่วยเติมสีสันให้กับอัตลักษณ์ของชุมชน ขณะเดียวกันระบบครอบครัวขยายของชาวฮัตติถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมความสามัคคีและการแบ่งปันทรัพยากรภายในชุมชน
ในอดีต ชุมชนฮัตติสนับสนุนให้พี่น้องในครอบครัวแต่งงานกับผู้หญิงคนเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งแยกที่ดินทำกินซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากการแบ่งมรดกที่ดินให้พี่น้องหลายคนอาจทำให้ทรัพยากรของครอบครัวลดลง
รัฐธรรมนูญของอินเดียอนุญาตให้ชนเผ่าต่าง ๆ เช่น ชาวฮัตติรักษาขนบธรรมเนียมของตนไว้ได้ เว้นแต่รัฐบาลจะมีคำสั่งห้ามโดยเฉพาะ
ยัชวันต์ ซิงห์ ปาร์มาร์ อดีตหัวหน้าคณะรัฐมนตรีคนแรกของรัฐหิมาจัลประเทศและนักวิชาการ ได้เขียนไว้ในหนังสือ Polyandry in the Himalayas หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ธรรมเนียมการแต่งงานหลายสามีในเทือกเขาหิมาลัย” ว่า “ธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นจากสภาพชีวิตจริงอันแสนหฤโหดของชีวิตบนภูเขา ซึ่งจำเป็นต้องรักษาทรัพยากรที่ดินอันจำกัดไว้”

ที่มาของภาพ : Kapil Chauhan
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน แนวโน้มการแต่งงานลักษณะนี้หาได้ยากขึ้นทุกวัน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ระดับการรู้หนังสือที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาเศรษฐกิจ และอิทธิพลของความทันสมัย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธรรมเนียมนี้ค่อย ๆ เลือนหายไป
คาปิล เชาฮาน ประชาชนในพื้นที่กล่าวว่า ในแต่ละหมู่บ้านของภูมิภาคนี้ ยังมีครอบครัวอย่างน้อย 4 ถึง 6 ครอบครัวที่ยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมการแต่งงานแบบหลายสามี
เขากล่าวกับบีบีซีว่า “นี่คืออัตลักษณ์ของเรา และเป็นเรื่องที่เราภาคภูมิใจ หากครอบครัวที่เกี่ยวข้องรู้สึกสบายใจกับมัน คนอื่นก็ไม่ควรมีปัญหา”
ราเมศ ซิงตา นักเคลื่อนไหวทางสังคมในพื้นที่ กล่าวว่า การแต่งงานลักษณะนี้ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการเฉลิมฉลองมากนัก
แต่งงานด้วยความสมัครใจ หรือถูกเอาเปรียบ?
ข่าวการแต่งงานของหญิงสาวกับชายสองคนในชุมชนฮัตติได้จุดกระแสถกเถียงในวงกว้างบนโซเชียลมีเดียของอินเดีย
ผู้ใช้งานบางส่วนมองว่าการแต่งงานลักษณะนี้เป็นเรื่องของความยินยอมและสิทธิส่วนบุคคล ขณะที่อีกฝ่ายกลับเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิสตรี
ผู้สนับสนุนออกมาปกป้องธรรมเนียม “โจดิดารา” โดยชี้ว่าเป็นการรักษาที่ดินและความสามัคคีในครอบครัว พวกเขาเน้นย้ำถึงความยินยอมของผู้เกี่ยวข้องและมองว่าธรรมเนียมนี้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรม
ฝ่ายวิจารณ์ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของธรรมเนียมนี้ในยุคปัจจุบัน สถานะทางกฎหมายภายใต้กฎหมายอินเดีย และบทบาททางเพศในธรรมเนียมนี้ บางคนชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งในการยอมรับการแต่งงานแบบหลายสามี ขณะที่สังคมยังประณามการมีภรรยาหลายคนในบริบทอื่น
ครอบครัวแต่งงานใหม่ออกมาปกป้องการตัดสินใจของตน โดยเน้นย้ำว่าพวกเขามีความสุขและชี้ถึงความเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของชุมชน
ฮาร์ชวรรธัน เชาฮาน นักการเมืองท้องถิ่นและรัฐมนตรีอุตสาหกรรมของรัฐ แสดงความเชื่อมั่นในธรรมเนียมเก่าของชุมชนฮัตติ
เขากล่าวกับบีบีซีว่า “ด้วยการรักษาธรรมเนียมนี้ไว้ ประดีปและกาปิลได้ให้เกียรติมรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่า ธรรมเนียมนี้ช่วยยกระดับสถานะของผู้หญิงในครอบครัวหรือไม่ บางคนมองว่าการแต่งงานแบบหลายสามีอาจทำให้สถานการณ์ในครอบครัวของผู้หญิงแย่ลง
มาเรียม ดาเวล เลขาธิการสมาคมสตรีประชาธิปไตยแห่งอินเดีย (All India Democratic Girls folk's Affiliation) กล่าวว่า “ธรรมเนียมนี้ส่งเสริมการเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง และละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของพวกเธอ”
เธอบอกกับบีบีซีว่า การมีสามีสองคนอาจทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญแรงกดดันในการมีบุตรมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อาชา เทวี หญิงท้องถิ่นที่อยู่ในชีวิตแต่งงานแบบ “โจดิดารา” ยืนยันว่าธรรมเนียมนี้ไม่ได้ลดทอนเสรีภาพของผู้หญิง
เธอกล่าวกับบีบีซีว่า “ตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดทั่วไป ผู้หญิงมีสิทธิ์เต็มที่ในการปฏิเสธหรือออกจากการแต่งงานลักษณะนี้หากต้องการ และไม่มีใครถูกบังคับให้เข้าสู่ ‘โจดิดารา' ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

ที่มาของภาพ : Alok Chauhan
แม้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวทั้งสองจะยึดถือธรรมเนียมการแต่งงานแบบ “โจดิดารา” แต่พวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตตามแบบแผนดั้งเดิมทั้งหมด
ซุนิตา เจ้าสาวของครอบครัวนี้ เป็นช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันฝึกวิชาชีพอุตสาหกรรม ประดีป หนึ่งในเจ้าบ่าว ทำงานเป็นพนักงานของรัฐ ขณะที่กาปิล ทำงานในภาคธุรกิจบริการในต่างประเทศ
ซุนิตากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เธอเข้าสู่การแต่งงานด้วยความเต็มใจ โดยระบุว่า “นี่คือการตัดสินใจของฉัน ฉันได้โอบรับธรรมเนียมเก่าแก่”
ประดีปกล่าวกับสื่ออินเดียว่า “ความสัมพันธ์นี้สะท้อนถึงความศรัทธาในธรรมเนียม และความรับผิดชอบร่วมกันในการดูแลซึ่งกันและกัน”
ทั้งสามคนให้คำมั่นว่าจะรักษาความรักและความมั่นคงของชีวิตคู่ที่ไม่เหมือนใครนี้ไว้
การแต่งงานแบบหลายสามีในวัฒนธรรมอื่น
แม้จะพบได้น้อย แต่การแต่งงานแบบหลายสามียังคงมีอยู่ในบางชุมชนชนเผ่าในอินเดีย เช่น ชาวกินเนารีในเทือกเขาหิมาลัย และชาวโตดาในอินเดียตอนใต้
ธรรมเนียมลักษณะนี้ยังปรากฏในชนเผ่าบางแห่งทั่วโลก โดยมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามบริบททางวัฒนธรรม เช่นชาวโมซัวในจีนมีธรรมเนียม “การแต่งงานแบบเดิน” (ผู้ชายจะไปเยี่ยมหญิงสาวในเวลากลางคืน และกลับไปยังบ้านฝ่ายแม่ในตอนเช้า) ชาวทิเบตบางกลุ่มมีธรรมเนียมการแต่งงานแบบพี่น้อง ซึ่งพี่น้องชายหลายคนแต่งงานกับผู้หญิงคนเดียวกัน ชาวอิริกเวในไนจีเรีย และชนเผ่าในแอมะซอน เช่น โบโรโร ก็มีธรรมเนียมคล้ายกันที่สะท้อนโครงสร้างครอบครัวแบบขยาย
มีรายงานว่าธรรมเนียมการแต่งงานแบบหลายสามีเคยปรากฏในชาวมาซาอีในแอฟริกาตะวันออกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลายธรรมเนียมเหล่านี้ถูกยกเลิกหรือเลือนหายไปตามกาลเวลา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและกฎหมาย
(รายงานเพิ่มเติมโดย ดีพัก ชาร์มา)
บทความนี้เรียบเรียงโดย สวามินาธาน นาตาราจัน และตรวจแก้โดย อเล็กซานดรา ฟูเช่
ที่มา BBC.co.uk