
เปิด 4 ฉากทัศน์ทางออกจากภาวะ ‘ชัตดาวน์' ของสหรัฐฯ

Article Files
-
- Creator, แอนโทนี ซูร์เคอร์
- Position, ผู้สื่อข่าวภูมิภาคอเมริกาเหนือ
- Reporting from วอชิงตัน
ในช่วงเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา หลังสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายจัดสรรเงินทุนให้รัฐบาลให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ ถือว่าเป็นการเข้าสู่ภาวะ “ชัตดาวน์” (Executive Shutdown) หรือปิดทำการ สำหรับปี 2025 และยังถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบเจ็ดปี ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางต้องลดการดำเนินงานลงเป็นอย่างมาก
เฉกเช่นเดียวกันกับในครั้งที่ผ่านมา ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้มีแนวโน้มจะสิ้นสุดลงในที่สุด มันอาจจะใช้เวลาเป็นวัน หรืออาจยืดเยื้อไปหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจำเป็นต้องยอมถอย เมื่อแรงกดดันจากสาธารณชนเพิ่มขึ้นและความเสียหายทางการเมืองเริ่มปรากฏชัด
มีการเสนอฉากทัศน์ 4 รูปแบบที่อาจเกิดขึ้นเพื่อคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้
1. ฝ่ายพรรคเดโมแครตบางคนยอมแตกแถว
ก่อนหน้านี้บรรดาวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตไม่รับรองร่างกฎหมายงบประมาณที่เสนอโดยพรรครีพับลิกันซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลางสามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้จนถึงเดือน พ.ย. อย่างไรก็ดี การลงมติครั้งนี้อาจส่งผลคืนสนองต่อพรรคเดโมแครต ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นชัด ได้แก่ การที่ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตจำนวน 44 คน รวมถึงแรนด์ พอล สมาชิกพรรครีพับลิกันที่มักมีจุดยืนแตกต่างจากพรรค ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว ทว่า สมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คน และสมาชิกอิสระที่เป็นพันธมิตรกับพรรคเดโมแครตอีก 1 คน กลับลงมติสวนทางพรรคโดยเห็นพ้องกับเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกัน
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed studyingได้รับความนิยมสูงสุด
Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด
บุคคลเหล่านั้นได้แก่ แองกัส คิง สว.อิสระจากรัฐเมน ซึ่งมักมีจุดยืนทางการเมืองที่คาดเดาได้ยาก จอห์น เฟตเทอร์แมน สว. จากรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเลือกดำเนินแนวทางการเมืองของตนเองมาโดยตลอดในช่วงเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา และแคเธอรีน คอร์เตซ มาสโต สว. จากรัฐเนวาดา ซึ่งแม้จะไม่ใช่นักการเมืองสายเสรีนิยมสุดโต่ง แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่มักแหวกแนวจากพรรคเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แคเธอรีนกำลังเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในปีหน้าในรัฐที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2024 และมีแนวโน้มเอนเอียงไปทางพรรครีพับลิกันอย่างช้า ๆ มาเป็นเวลาหลายปี
ในแถลงการณ์ที่แคเธอรีนอธิบายเหตุผลของการลงมติ เธอแสดงความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางในรัฐเนวาดา เธอยังระบุว่า นี่อาจกระทบต่อโอกาสทางการเมืองของเธอในฐานะผู้สมัครที่ต้องเผชิญกับความไม่พอใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง
เธอไม่ใช่สมาชิกพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวจากรัฐสมรภูมิที่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2026 สมาชิกพรรคเดโมแครตรายอื่น ๆ จากรัฐจอร์เจีย เวอร์จิเนีย และโคโลราโด ก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของประชาชนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐมินนิโซตา มิชิแกน และนิวแฮมป์เชียร์ ก็ได้ตัดสินใจเกษียณตัวเองโดยไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งแม้สมาชิกเหล่านั้นจะไม่ลงสมัคร แต่ที่สุดแล้วพรรคเดโมแครตอาจเกิดความกังวลว่า ภาวะชัตดาวน์จะส่งผลต่อการรักษาที่นั่งในรัฐดังกล่าว
จอห์น ธูน ผู้นำกลุ่ม สว. ของพรรครีพับลิกัน เปิดเผยว่า เขาได้รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกเดโมแครตบางคนที่รู้สึกไม่สบายใจกับทิศทางของภาวะชัตดาวน์ เขายังระบุว่า เขาวางแผนจะเสนอร่างงบประมาณหลายฉบับในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อฝ่ายตรงข้าม
แม้สมาชิกพรรคเดโมแครตทั้งหมดจะยังคงจุดยืนเดิมในการลงมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่หากมีสมาชิกเพียงห้าคนโหวตสวนทางพรรค ภาวะชัตดาวน์ก็อาจสิ้นสุดลง ไม่ว่าพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม


ที่มาของภาพ : Reuters
2. พรรคเดโมแครตยอมถอย
แม้พรรคเดโมแครตจะยังคงความเป็นเอกภาพไว้ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากภาวะชัตดาวน์ยังคงดำเนินต่อไปก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดแรงกดดันมากขึ้นจนให้พวกเขาละทิ้งการต่อสู้
พนักงานรัฐบาลกลางซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเดโมแครตจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเลื่อนจ่ายเงินเดือน รัฐบาลภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์อาจใช้โอกาสนี้ในการตัดงบประมาณเพิ่มเติม และเปลี่ยนสถานะการพักงานชั่วคราวให้กลายเป็นการว่างงานถาวร
ประชาชนอเมริกันโดยรวมจะเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากการลดบริการภาครัฐ และความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นตามมา
โดยทั่วไป พรรคที่เป็นฝ่ายจุดชนวนให้เกิดภาวะชัตดาวน์และเป็นผู้เสนอข้อเรียกร้องทางนโยบายมักจะเผชิญกับความไม่พอใจจากประชาชน โดยในครั้งนี้ พรรคดังกล่าวก็คือ พรรคเดโมแครต หากสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนั้น พรรคเดโมแครตอาจตัดสินใจว่าตนได้แสดงจุดยืนอย่างเต็มที่แล้ว และเลือกที่จะลดความสูญเสียทางการเมือง
แม้พรรคเดโมแครตจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการต่อสู้ครั้งนี้ แต่พรรคอาจรู้สึกพอใจที่สามารถดึงความสนใจไปยังประเด็นเงินอุดหนุนประกันสุขภาพที่กำลังจะหมดอายุ พรรคยังสามารถชี้ให้เห็นถึงการตัดงบประมาณด้านสาธารณสุขสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับการอนุมัติจากพรรครีพับลิกัน และจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เมื่อเกมการกล่าวโทษเริ่มต้นขึ้น แนวคิดเช่นนี้อาจช่วยให้พรรคเดโมแครตอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบทางการเมืองมากขึ้น
ฐานเสียงของพรรคที่เรียกร้องให้พรรคเดโมแครตยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลทรัมป์อาจไม่พึงพอใจมากนัก แต่ผู้นำพรรคอาจมองว่า นี่คือทางออกที่สามารถยอมรับได้

ที่มาของภาพ : EPA
3. พรรครีพับลิกันยอมอ่อนข้อ
ในขณะนี้ พรรครีพับลิกันเชื่อว่าตนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งและได้เปรียบ และกำลังพิจารณาวิธีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า พรรครีพับลิกันอาจกำลังประเมินสถานการณ์ผิด และสุดท้ายอาจเป็นฝ่ายที่ต้องถอยออกจากภาวะชัตดาวน์
ในอดีต พรรครีพับลิกันเคยเป็นผู้จุดชนวนให้เกิดภาวะชัตดาวน์หลายครั้ง และประชาชนอาจโยนความรับผิดชอบให้พวกเขาอีกครั้งในครั้งนี้ บางทีอาจเป็นเพราะความเคยชิน หรืออาจเป็นเพราะพรรครีพับลิกันเล่นงานหนักเกินไปในการลดบริการภาครัฐและการลดจำนวนพนักงาน
ในฉากทัศน์เช่นนี้ พรรครีพับลิกันอาจเสนอหลักประกันบางอย่างที่เพียงพอให้แก่พรรคเดโมแครต เพื่อช่วยขยายระยะเวลาของเงินอุดหนุนประกันสุขภาพ
นี่ไม่ใช่ฉากทัศน์ที่คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง เมื่อพิจารณาว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันมีความเห็นแตกต่างกันว่าควรดำเนินการอุดหนุนเรื่องเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งช่วยเหลือทั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีรายได้น้อยของตนเองเช่นเดียวกันกับของพรรคเดโมแครต ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมโอกาสในการเลือกตั้งของพวกเขาในท้ายที่สุด และช่วยลดทอนการโจมตีของพรรคเดโมแครตที่ชัดเจนในการเลือกตั้งกลางเทอมในปีหน้า
แม้พรรครีพับลิกันจะประกาศว่าจะไม่เจรจากับผู้ที่ใช้การเมืองเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่ก็ยังมีพื้นที่สำหรับการประนีประนอมอยู่ภายใต้ถ้อยคำรุนแรงและความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
4. ภาวะชัตดาวน์จะยังคงยืดเยื้อและทั้งสองฝ่ายต่างก็เสียหาย
ในขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนคือวาทกรรมและความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความร้อนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประธานาธิบดีทรัมป์เผยแพร่วิดีโอที่สร้างด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีเนื้อหาหยาบคายและเสียดสีฝ่ายตรงข้าม พรรคเดโมแครตตอบโต้ด้วยการเผยแพร่ภาพถ่ายของทรัมป์ร่วมกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน พร้อมคำมั่นว่าจะยืนหยัดต่อสู้ในระยะยาว
การชัตดาวน์ครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ กินเวลานานถึง 35 วัน ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ และสิ้นสุดลงเมื่อการเดินทางทางอากาศของประเทศใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤต แม้ในครั้งนั้นจะมีบางส่วนของงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ครั้งนี้ ผลกระทบอาจรุนแรงกว่ามาก
หากสถานการณ์นี้ยืดเยื้อออกไปนานพอ คำถามว่า “ฝ่ายใดชนะ” จากการบีบให้ฝ่ายตรงข้ามยอมถอย อาจไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะจะมีการกล่าวโทษกันอย่างล้มหลาม
ในสถานการณ์ที่ “ทั้งสองสภา” เผชิญวิกฤตเช่นนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งจากทั้งสองพรรคจะต้องเผชิญผลที่ตามมาในการเลือกตั้งปีหน้า และประชาชนก็ยิ่งไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีก นั่นจึงเป็นการเปิดทางให้นักการเมืองกลุ่มต่อไปสัญญาว่าจะทำลายล้างสถานะเดิมให้พังทะลายลง
และวงจรนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
ที่มา BBC.co.uk