ขีปนาวุธร่อน “โทมาฮอว์ก” ของสหรัฐฯ อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมของยูเครนในสงครามกับรัสเซีย

ที่มาของภาพ : Impress Wilson/Getty Photos

การเดินทางเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ในวันศุกร์นี้ (17 ต.ค.) ประเด็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล โทมาฮอว์ก (Tomahawk) น่าจะถูกหยิบขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักในการหารือ

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าเขาอาจเห็นชอบตามคำร้องของประธานาธิบดีเซเลนสกีที่ยื่นมานาน เพื่อให้สหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธล้ำสมัยชนิดนี้ให้แก่ยูเครน

ที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนกดดันให้ชาติตะวันตกเพิ่มการสนับสนุนทางทหาร เพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพยูเครนสามารถโต้กลับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประธานาธิบดีเซเลนสกีเองก็หวังว่าจะได้รับข่าวดีในการพบกับทรัมป์ครั้งนี้ ซึ่งจะถือเป็นการไปเยือนกรุงวอชิงตันครั้งที่สามนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

มีรายงานว่ายูเครนเพิ่งนำขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งมีชื่อว่า “ฟลามิงโก” (Flamingo) เข้าประจำการแล้ว ทว่ากองทัพยังเชื่อว่าการได้รับ “โทมาฮอว์ก” จากสหรัฐฯ จะเป็นตัวชี้ขาดที่ช่วยพลิกสถานการณ์สงครามกับรัสเซียได้

คำถามสำคัญคือ เหตุใดขีปนาวุธของสหรัฐฯ จึงมีความสำคัญถึงเพียงนี้ และเพราะเหตุใดรัฐบาลสหรัฐฯ จึงยังไม่มอบให้กับยูเครนจนถึงตอนนี้

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

ทำไมต้องเป็นขีปนาวุธ “โทมาฮอว์ก”

นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022 ยูเครนก็ได้ยื่นคำร้องขอขีปนาวุธพิสัยไกลมาหลายครั้งเพื่อนำมาใช้โจมตีเมืองและเป้าหมายภายในดินแดนของรัสเซียที่ตั้งอยู่ไกลจากแนวหน้าในสงครามอันยืดเยื้อมานาน

รัฐบาลรัสเซียเคยเตือนสหรัฐฯ ไม่ให้ส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวจะยกระดับความรุนแรงของความขัดแย้งและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียตึงเครียดขึ้น

ขีปนาวุธโทมาฮอว์กบางรุ่นที่สหรัฐฯ เคยนำมาใช้งาน มีพิสัยยิvไกลถึง 2,500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพิสัยที่สามารถยิvจากดินแดนของยูเครนไปถึงกรุงมอสโกได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่าขีปนาวุธโทมาฮอว์กจะมีความเร็วระดับต่ำกว่าความเร็วเสียง แต่มันสามารถบินในระดับความสูงเพียงไม่กี่สิบเมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งทำให้ยากต่อการถูกสกัดกั้น นอกจากนี้ พาเวล อัคเซนอฟ ผู้สื่อข่าวสายกลาโหมของบีบีซีรัสเซียยังอธิบายว่า ขีปนาวุธชนิดนี้ยังมีความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายด้วยระบบนำวิถีขั้นสูง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของการส่งมอบขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้ยูเครน คือการหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับยิvขีปนาวุธชนิดนี้ เนื่องจากพวกมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับเรือรบและเรือดำน้ำเป็นหลัก ซึ่งยูเครนยังไม่มีเรือที่รองรับระบบดังกล่าว

แม้ว่ากองทัพสหรัฐฯ จะพัฒนาแท่นยิvภาคพื้นดินรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้ว แต่กองทัพยูเครนจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นก่อน จึงจะสามารถใช้งานจริงได้

ที่มาของภาพ : Alex Wong/Getty Photos

ผู้นำยูเครนกลับมาพบกับประธานาธิบดีทรัมป์อีกครั้งเพื่อขอการสนับสนุนเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ

บทบาทเพิ่มเติมของสหรัฐฯ

การจะใช้งานขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยหน่วยข่าวกรองที่แม่นยำจากสหรัฐฯ โดยประเด็นที่ยูเครนพึ่งพาสหรัฐฯ ในด้านข้อมูลข่าวกรองกลายเป็นที่ประจักษ์ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เมื่อสหรัฐฯ ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองชั่วคราว

สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่าตั้งแต่นั้นมา การแบ่งปันข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครนก็ได้ยกระดับขึ้นอย่างมาก ซึ่งช่วยให้ยูเครนสามารถโจมตีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ลึกเข้าไปในรัสเซียได้สำเร็จ รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่ง

เจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ระบุว่า ข่าวกรองของสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการช่วยยูเครนวางแผนเส้นทางการบิน ระดับความสูง ช่วงเวลา และยุทธวิธีของปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งทำให้โดรนโจมตีของยูเครนสามารถหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า หากยูเครนได้รับขีปนาวุธโทมาฮอว์กจากสหรัฐฯ จริง ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของอเมริกาจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างมากในการเตรียมขีปนาวุธและวางแผนเส้นทางการบิน

แม้ว่าตอนนี้คลังแสงของสหรัฐฯ จะมีขีปนาวุธโทมาฮอว์กอยู่หลายพันลูก แต่สงครามในยูเครนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การทำสงครามกับประเทศที่มีกองทัพขนาดใหญ่ ต้องใช้อาวุธในปริมาณมหาศาล

เนื่องจากสหรัฐฯ เองยังกังวลในประเด็นความขัดแย้งกับจีน จึงเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ส่งขีปนาวุธให้กับยูเครนในจำนวนที่มากพอจะเปลี่ยนทิศทางของสงครามผ่านการทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้สหรัฐฯ จะส่งมอบขีปนาวุธใน “หลักสิบลูก” ให้ยูเครน แต่หากนำขีปนาวุธเหล่านี้มาใช้ร่วมกับยุทโธปกรณ์อื่น ๆ พวกมันก็อาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนทิศทางของสงครามได้เช่นกัน

รัสเซียเองก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกลยุทธ์นี้แล้ว ด้วยการใช้ขีปนาวุธร่อนหลากหลายรุ่นร่วมกับโดรนในการโจมตีเป้าหมายในยูเครนอย่างมีประสิทธิผล

การโจมตีอย่างแม่นยำของยูเครนต่อโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้ ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างเห็นได้ชัด และหากยูเครนได้รับโทมาฮอว์กศักยภาพในการโจมตีเก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้น

บรรยากาศที่เปลี่ยนไป

ที่มาของภาพ : Reuters

ขีปนาวุธโทมาฮอว์กจะเสริมความสามารถของยูเครนในการโจมตีเป้าหมายลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

ท่าทีของทรัมป์ต่อรัสเซียเริ่มแข็งกร้าวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาเริ่มหมดความอดทนต่อการขาดความร่วมมือของประธานธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิvกับยูเครน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ต.ค.) ทรัมป์กล่าวว่า “ผมอาจจะบอกพวกเขา รัสเซีย ว่า ถ้าสงครามยังไม่จบ เราอาจจะ ส่งโทมาฮอว์กให้เคียฟ ก็ได้ หรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้”

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “พวกเขา รัสเซีย อยากให้โทมาฮอว์กพุ่งไปทางพวกเขาไหม ผมว่าไม่หรอก”

คำพูดดังกล่าวของทรัมป์ ทำให้รัสเซียออกมาตอบโต้ทันที โดยนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวว่าการพูดถึงขีปนาวุธโทมาฮอว์กเป็นเรื่องที่ “น่ากังวลอย่างยิ่ง”

“ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดมาก เพราะสถานการณ์กำลังร้อนแรงขึ้นจากทุกฝ่าย” เปสคอฟกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เขายังเคยแสดงท่าทีไม่ใส่ใจนัก โดยระบุว่า ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก “ไม่สามารถเปลี่ยนพลวัตของสงครามได้”

ทว่าตอนที่เขาแสดงความเห็นครั้งล่าสุด ดมิทรี เปสคอฟ ชี้ว่าหากขีปนาวุธเหล่านี้ถูกยิvไปยังรัสเซีย รัฐบาลจะไม่สามารถทราบได้เลยว่ามันบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์มาด้วยหรือไม่

“สหพันธรัฐรัสเซียควรคิดอย่างไร แล้วรัสเซียควรตอบสนองอย่างไร” เขากล่าว

นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ยังออกมาสนับสนุนคำกล่าวของเปสคอฟอย่างเต็มที่ โดยระบุว่า “รัสเซียควรตอบโต้อย่างไร ก็ชัดแล้ว!”

“การส่งมอบขีปนาวุธเหล่านี้อาจลงเอยด้วยผลร้ายกับทุกคน และก่อนอื่นเลย ก็สำหรับตัวทรัมป์เอง”

เมดเวเดฟ ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ได้กลายเป็นบุคคลที่มีท่าทีแข็งกร้าวและชาตินิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มักโพสต์บนโซเชียลมีเดียแสดงท่าทีสุดโต่งมากกว่าจุดยืนอย่างเป็นทางการของรัสเซียเสมอ

เขาเคยปะทะกับทรัมป์มาก่อนหน้านี้ ความคิดเห็นของเมดเวเดฟในเดือน ส.ค. เคยทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาได้สั่งให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์สองลำเคลื่อนเข้ามาใกล้รัสเซียมากขึ้น

ด้านบนคือภาพประกอบขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก พร้อมข้อมูลจำเพาะ ได้แก่ ความเร็วที่ 885 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความยาวที่ 6.2 เมตร มีพิสัยไกลถึง 2,500 กิโลเมตร และชนิดหัวรบ ที่มีทั้งแบบธรรมดาหรือนิวเคลียร์ด้านล่างคือภาพแผนที่ที่แสดงให้เห็นว่าขีปนาวุธชนิดนี้สามารถยิvจากยูเครนไปถึงเป้าหมายใจกลางกรุงมอสโกของรัสเซียได้อย่างง่ายดาย

ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ล่าสุดระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์ ประธานาธิบดีทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับความพยายามของยูเครนในการเสริมสร้างศักยภาพทางทหาร รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบป้องกันทางอากาศและอาวุธพิสัยไกล

ตลอดช่วงที่ผ่านมา เมืองต่าง ๆ ของยูเครน รวมถึงกรุงเคียฟ ถูกโจมตีอย่างหนักจากโดรนและขีปนาวุธของรัสเซียหลายระลอก โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่รัสเซียใช้เป็นเป้าหมายหลัก ตอนที่ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วประเทศ

เมื่อเดือนที่แล้ว คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครน ระบุผ่านสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้มีการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย โดยกล่าวว่า “ในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ไม่มีที่ใดที่ปลอดภัยจากการโจมตีได้จริง ๆ”

รายงานเพิ่มเติมโดย แฮร์รี เซคูลิช, ลอรา กอซซี, ทีมข่าวบีบีซีรัสเซีย และทีมข่าวบีบีซี โกลบอล (BBC International Journalism)