
.สำรวจเกาะพะงัน ในวันที่ชาวอิสราเอลทำให้บางพื้นที่ “กลายเป็นเทลอาวีฟย่อม ๆ”
ที่มาของภาพ : BBC Thai
Article Data
- 
- Author, วศินี พบูประภาพ
 - Goal, ผู้สื่อข่าว.
 
 
“No Israel (ไม่รับอิสราเอล)” คือข้อความที่ร้าน Pun Pun Thai meals ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดริ้น ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอิสราเอล ติดไว้หน้าร้าน
ข้อความดังกล่าวส่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในหน้าสื่อไทยและสื่อภาษาฮีบรู (ภาษาหลักที่ชาวอิสราเอลใช้สื่อสาร) แม้การขึ้นป้ายดังกล่าวจะส่งผลให้ร้านของคนไทยร้านนี้ ถูกกระหน่ำให้รีวิวหนึ่งดาวผ่านแพลตฟอร์มกูเกิลรีวิว แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าพิจารณาถี่ถ้วนดีแล้ว
“การกระทำในครั้งนี้ของพวกเราไม่ได้มีเจตนาที่เกี่ยวข้องกับสงคราม เชื้อชาติ ศาสนาแต่อย่างใด แต่เพราะทางร้านได้ถูกกระทำมานาน” ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อบัญชีว่า Pai Maytinee ผู้แสดงตนว่าเป็นหนึ่งในเจ้าของร้าน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และเผยเหตุผลของความไม่พอใจจากการที่ชาวต่างชาติไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการเข้ามาอยู่อาศัยของบุคคลเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน
อันที่จริงก่อนหน้านั้นไม่นานนัก กระแสความไม่พอใจของคนท้องถิ่นที่พุ่งเป้าไปยังผู้มีเชื้อชาติอิสราเอลในเกาะพะงัน ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “เกาะพะงัน – Koh Phangan” แพลตฟอร์มการสื่อสารของคนท้องถิ่น
4 ต.ค. โพสต์ของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Kaii Kpg โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มนี้ว่า ชาวอิสราเอลเข้ามา “ยึดครอง” เกาะพะงัน โดยเรียกร้องให้คนท้องถิ่น “ลุกขึ้นมาปกป้องเกาะแห่งนี้จากการถูกกลืนแผ่นดิน” โดยโพสต์ดังกล่าวได้จุดกระแสการถกเถียงในกลุ่มที่มีสมาชิกกว่า forty eight,000 คน แม้ต้นโพสต์จะถูกลบไป แต่ข้อความดังกล่าวถูกผลิตซ้ำผ่านหน้าแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กผ่านสื่อท้องถิ่นและมีผู้ส่งต่อกว่า 7 พันครั้ง
.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อกล่าวหานี้ ตลอดจนสำรวจความคิดเห็นของคนในพื้นที่ต่อการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของชาวอิสราเอล
ที่มาของภาพ : BBC Thai
คลื่นนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เกาะพะงัน
ระหว่างที่.เดินทางออกจากเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยเรือรอบเที่ยงของวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา เราได้เห็นเอกสารลงทะเบียนรายชื่อผู้โดยสารบนเรือจากเกาะพะงันไปยังเกาะอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงในวันดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นเบาะแสหนึ่งที่ชี้ว่ามีคนอิสราเอลมาเดินทางมาเยือนเกาะกลางอ่าวไทยแห่งนี้มากน้อยเพียงใด
จากการลงพื้นที่ของ. ณ ท่าเรือท้องศาลาบนเกาะพะงัน พบว่าผู้โดยสารของเรือเที่ยวเช้าจากเกาะพะงันไปเกาะสมุย ของวันที่ 16 ต.ค. เป็นนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลกว่า 70%
อันที่จริงเอกสารลงทะเบียนดังกล่าวเป็นเพียงประจักษ์พยานที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่หากใครเดินทางไปยังเกาะพะงันย่อมเห็นสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกถึงคลื่นนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาจากชาติตะวันออกกลางชาตินี้
ที่มาของภาพ : BBC Thai
“โซนอิสราเอล” คือชื่อลำลองที่ผู้ประกอบการไทยในพื้นที่หลายคนใช้เรียกบ้านศรีธนู ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะพะงัน
.สำรวจบรรยากาศยามเย็นบริเวณชายหาด “เซน บีช (Zen Seashore)” ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แม้ดูเผิน ๆ จะเหมือนนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกทั่วไป แต่สิ่งที่เราสังเกตเห็นก็คือ ภาษาฮีบรูเป็นภาษาส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ในการสื่อสารระหว่างนักท่องเที่ยวที่จับจองเต็มพื้นที่นั้น
ว่าแต่เหตุใดเกาะพะงันจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของพวกเขา ?
“สะดวกสบายและคุ้นเคย”
ชาวอิสราเอลอย่างน้อยสองคนซึ่งย้ายมาในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19 ยืนยันกับ.ว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางมาด้วยการบอกต่อแบบปากต่อปาก
“เกาะพะงันได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความงดงามทางธรรมชาติและความแตกต่างจากภูมิประเทศในอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง” ยาอีร์ ชาวอิสราเอลผู้อาศัยอยู่ในประเทศไทยกว่า 15 ปีและพำนักอยู่ในเกาะพะงันมาหลายปีอธิบายให้.ฟัง
“อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลือกเดินทางมายังเกาะแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป นั่นคือการที่เกาะพะงันกลายเป็นสถานที่ที่มีชาวอิสราเอลรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขารู้สึกสะดวกสบายและคุ้นเคย”
ความเห็นของเขาสอดคล้องกับตัวเลขสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊กภาษาฮีบรูที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “In Thailand – Phuket, Koh Samui, Koh Phangan” ซึ่งมีสมาชิกมากกว่าแสนราย ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลยสำหรับภาษาที่มีผู้พูดราว 9-10 ล้านคน
ภายในกลุ่มสังคมออนไลน์กลุ่มนี้ มีการแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวอิสราเอล
จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งอ้างอิงข้อมูลของสนามบินนานาชาติเบ็น-กูรีย็อน ประเทศอิสราเอล พบว่าแม้ประเทศไทยไม่ใช่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยว 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวอิสราเอล แต่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่อัตราการเติบโตเร่งตัวขึ้นในปี 2567 โดยนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เดินทางมาประเทศไทยคิดเป็น 4% ของนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด
มีศูนย์กลางทางศาสนา
ยาอีร์อธิบายว่านักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เรียกกันว่า “นักท่องเที่ยวต้นแบบ” (model tourists)
“พวกเขามักไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีนัก การได้เดินทางมายังสถานที่ที่มีผู้คนพูดภาษาฮีบรูได้จึงง่ายกว่ามาก”
ในความเห็นของ เดวิด (นามสมมติ) ชาวอิสราเอลอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ไทยตั้งแต่ช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เปิดเผยกับ.ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกาะพะงันเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล คือการมีสาขาของ “เบตชาบัด” (Beit Chabad) หรือสถานที่ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกว่า “โบสถ์ยิว” เปิดให้บริการบนเกาะ
ยาอีร์กล่าวตรงกันในข้อนี้และขยายความว่า มีความเชื่อกันว่าจำนวนของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่หนึ่ง ๆ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการมีอยู่ของเบตชาบัด
“นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะรับประทานอาหารเฉพาะที่ศูนย์แห่งนี้ และเดินทางมาร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงสุดสัปดาห์” ชาวอิสราเอลซึ่งอยู่เกาะพะงันมา 6 ปีกล่าวกับ.
ประเทศไทยมี “เบตชาบัด” หรือ “ศูนย์ชาบัด (Chabad Condo)” อย่างน้อย 6 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ชาบัดที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ, สุขุมวิท กรุงเทพฯ, อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน, จ.จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนศูนย์ชาบัดที่ อ.เกาะสมุย และ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ที่เกาะพะงันมีศูนย์ชาบัดใหญ่ที่หมู่บ้านศรีธนู แวดล้อมตัวศาสนสถานมีร้านอาหารอิสราเอล เมื่อข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามจะพบกับร้านรวงมากมาย รวมถึงสตูดิโอพิลาทีสที่ขึ้นป้ายเป็นภาษาฮีบรู ไม่ไกลกันนักพบศูนย์ท่องเที่ยวที่มีอักษรภาษาฮีบรูขนาดใหญ่เขียนว่า “המרכז למטייל תאילנד (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประเทศไทย)”
ที่มาของภาพ : BBC Thai
ที่มาของภาพ : BBC Thai
.ติดต่อกับศูนย์ชาบัด สาขาเกาะพะงัน ทางโทรศัพท์หลายครั้ง ครึ่งหนึ่งมีผู้รับโทรศัพท์และแจ้งให้เราส่งข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มวอตส์แอป (WhatsApp) แทน แต่ข้อความที่.ส่งไปไม่เคยได้รับการตอบรับ เมื่อเราเดินทางไปที่สาขาดังกล่าว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชี้แจงว่าไม่มีใครอยู่ และไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้
อาหารโคเชอร์
ตามคัมภีร์โทราห์ของศาสนายูดาย อาหารที่ชาวอิสราเอลพึงรับประทานต้องเป็นไปตามหลัก “กัชรุต (Kashrut)” ซึ่งกำหนดประเภทของอาหารที่สามารถบริโภคได้ รวมถึงวิธีการเตรียมอาหารอย่างเคร่งครัด ซึ่งบนเกาะพะงัน นอกจากหมู่บ้านศรีธนูแล้ว อีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งมีร้านอาหารที่ระบุโดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นร้านอาหารโคเชอร์ให้บริการ คือ พื้นที่หาดริ้น ต.บ้านใต้
ยาอีร์ชี้ว่าสำหรับผู้เคร่งครัดทางศาสนาอาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงอาหารท้องถิ่นและเลือกรับประทานเพียงร้านอาหารอิสราเอลหรือร้านอาหารที่เชื่อมั่นว่าจะเป็นอาหารโคเชอร์โดยเคร่งครัด
เสียงความกังวลจากคนท้องถิ่น
ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิต ตลอดจนเหตุการณ์กระทบกระทั่งหลายกรณี ต่างถูกสะท้อนออกมาจากเสียงของคนไทยที่อาศัยบนเกาะอยู่ดั้งเดิม
ประดินันท์ สุขสบาย เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะพะงัน กล่าวกับ.ว่ากลุ่มลูกค้าจากอิสราเอลร้องขอหลายอย่างที่ทำให้เขาไม่เข้าใจ
“สั่งข้าวผัดไก่ ต้องไปเอาไก่ให้ดูแล้วคุณต้องล้างต่อหน้า” เขายกตัวอย่าง พร้อมบอกว่านี่เป็นข้อเรียกร้องที่เขารู้สึกว่า “มากเกินไป”
ทั้งนี้ .สังเกตว่าเจ้าของร้านอาหารผู้นี้ไม่น่าจะทราบถึงวัฒนธรรมอาหารจำเพาะของศาสนายูดายที่ต้องล้างเลืoดออกจากเนื้อสัตว์ก่อน
นอกจากนี้ ยังมีข้อพิพาทอื่นอีกระหว่างร้านอาหารของเขาและลูกค้าชาวอิสราเอลเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาในเรื่องวัตถุดิบในอาหาร ทำให้ครั้งนั้นเขาตัดสินใจแจ้งตำรวจเพื่อเรียกร้องให้ลูกค้าจ่ายค่าอาหารโดยมีภาพวงจรปิดเป็นหลักฐาน
ที่มาของภาพ : BBC thai
เมื่อความไม่พอใจต่อนักท่องเที่ยวอิสราเอลในเกาะพะงันระอุขึ้น ผู้ใช้งานในกลุ่มเฟซบุ๊กท้องถิ่นของเกาะพะงัน ต่างออกมาบอกเล่าเรื่องราวหลายกรณีที่กล่าวหาพุ่งตรงไปที่นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล
สมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊กท้องถิ่นที่ชื่อว่า กลุ่ม “เกาะพะงัน – Koh Phangan” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะ โดยระบุถึงการจับกุมนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่นำธนบัตรปลอมมาแลกเงิน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน สมาชิกอีกคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกันได้แจ้งเหตุรถยนต์ชนแล้วหนี โดยระบุว่าผู้ขับขี่น่าจะเป็นชาวอิสราเอลเช่นกัน
ร้าน Pun Pun Thai Food ที่เป็นผู้ประกอบการแห่งแรกที่แขวนป้ายไม่รับนักท่องเที่ยวอิสราเอลในเกาะพะงันยืนยันว่าการเจาะจงเช่นนั้นไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ
“เจตนาที่แท้จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาหรือสงครามของคุณ แต่โดนกระทำมาซ้ำ ๆ แล้วก็มันไม่ได้วันเดียว เราก็ทนมาเยอะมาก” โพสต์ของร้านระบุ
เหตุการณ์ความไม่พอใจต่อนักท่องเที่ยวสัญชาติเดียวเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อต้นปี 2568 เคยมีกระแสความกังวลของคนในพื้นที่ต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในลักษณะเดียวกัน ครั้งนั้นสื่ออิสราเอลเตือนว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอาจบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศได้
สำหรับเหตุการณ์ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวร่วมกับ ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ระบุว่าความไม่พอใจต่อนักท่องเที่ยวมาจากความแตกต่างด้านวัฒนธรรม
บางส่วนของชาวอิสราเอลที่เข้ามาอาจเป็นทหารผ่านศึก
จากคำบอกเล่าของคนบนเกาะพะงันที่เปิดเผยกับ.อย่างน้อยสามคน ดูเหมือนผู้ประกอบการชาวไทยในพื้นที่เชื่อกันว่านักท่องเที่ยวอิสราเอลบนเกาะจำนวนมากเป็นทหารปลดประจำการจากการสู้รบในฉนวนกาซา
“เถียงกัน แล้วเขาก็เลยบอกว่าเขาเครียด ชีวิตเขามาจากสงคราม แต่การที่เราขายผัดไทยจานหนึ่งต้องโทรตามตำรวจอย่างนี้มันก็ไม่ใช่ไง” ประดินันท์กล่าวยกตัวอย่าง เมื่อเราถามว่าเหตุใดกระแสความไม่พอใจจึงเกิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากอิสราเอล
แม้จะไม่สามารถตรวจสอบว่าในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสราเอลส่วนใหญ่ประกอบอาชีพใดได้โดยตรง แต่รายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตรานักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 30% นับตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นของสงครามในกาซา โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรนักท่องเที่ยวหนุ่มสาว (younger travellers)
ในเดือน พ.ค. 2025 เดอะ ไทมส์ ออฟ อิสราเอล (The Instances of Israel) รายงานว่ามีองค์กรภาคประชาสังคมองค์กรหนึ่งที่ชื่อ “Let's Make Something” ก่อตั้งโดยกลุ่มเพื่อนของ เดวิด นิวแมน (David Newman) ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีในเทศกาลดนตรีซูเปอร์โนวาเมื่อ 7 ต.ค. 2023 ได้ร่วมกันตั้งศูนย์เยียวยาชื่อ “David's Circle” โดยมีศูนย์กลางที่เกาะพะงัน
พวกเขาตั้งเป้าให้ศูนย์แห่งนี้เป็นพื้นที่สำหรับการฟื้นฟูจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและทหารปลดประจำการ (Reservice Soldier) ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจระหว่างสงคราม ขณะเดียวกันก็ลงทุนในเทคโนโลยีป้องกันประเทศและผลิตเนื้อหาสื่อที่สนับสนุนอิสราเอล
.ตรวจสอบพบเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2568 ว่าบัญชีอินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า “davidscirclekohphangan” ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะไปแล้ว อย่างไรก็ดี วิดีโอที่เผยแพร่ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กขององค์กร Let's Make Something ได้เผยแพร่ภาพของสถานที่หนึ่งซึ่งระบุว่าเป็นสถานที่ในเกาะพะงัน
ผู้บรรยายกล่าวในวีดีโอว่า “หนึ่งปีที่แล้วคนกว่าพันคนมารวมกันเพื่อสร้างศูนย์นี้ให้เกิดขึ้นจริง และเพราะคุณ ผู้สนับสนุน ชาวอิสราเอลหนุ่มสาวกว่า 700 คนได้เข้าถึงการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการในการเยียวยาตนเอง “
.สืบค้นพบว่าสถานที่ดังกล่าวตรงกับสถานที่ที่ชื่อว่า เดอะ วิสดอม อายส์ (The Data Eyes) ซึ่งให้บริการเช่าสถานที่จัดกิจกรรมบริเวณใกล้กับบ้านศรีธนูบนเกาะพะงัน
ผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าวระบุว่า David's Circle เป็นกลุ่มบุคคลที่มาเช่าสถานที่จัดกิจกรรมสัปดาห์ละสองครั้ง ทุก ๆ ช่วงบ่ายและเย็นวันจันทร์และวันพุธ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งปี โดยครั้งล่าสุดที่มีการจัดกิจกรรมที่สถานที่ดังกล่าวคือปลายเดือน ก.ย. 2568
“เราเป็นเพียงผู้ทำธุรกิจ ไม่ได้รู้เรื่องของพวกเขามากนัก” ผู้ดูแลสถานที่บอกกับ. โดยชี้ว่ากลุ่มนี้มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำกิจกรรมและอาจยังคงจัดกิจกรรมในสถานที่อื่น
ร่องรอยจากความขัดแย้งและการสู้รบจากบ้านเกิดยังติดตัวนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่มาอยู่บนเกาะพะงันด้วย ทั่วทั้งหมู่บ้านศรีธนู มีสติ๊กเกอร์ภาษาฮีบรูจำนวนมากถูกติดไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ บ้างมีรูปสัญลักษณ์หน่วยรบ บ้างมีรูปชายหนุ่มในชุดทหาร เมื่อสแกนคิวอาร์โค้ด (qr code) ที่ระบุในสติ๊กเกอร์เหล่านี้ จะนำไปสู่บัญชีอินสตาแกรมที่ร่วมรำลึกถึงทหารผู้ล่วงลับ
ที่มาของภาพ : BBC Thai
การติดสติ๊กเกอร์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนเกาะพะงันเท่านั้น หากแต่พบเห็นได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
“ในแง่มุมทางจิตวิทยา แม้ผมจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ขอตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมนี้อาจเป็นกลไกทางจิตใจรูปแบบหนึ่งในการรับมือกับสถานการณ์ เหมือนเป็นความพยายามที่จะรู้สึกว่าตนเอง ‘ได้ทำอะไรบางอย่าง' แทนที่จะนั่งพักผ่อนอยู่ริมชายหาด ขณะที่เพื่อนของตนบางคนอาจกำลังตกเป็นเชลยอยู่ในสนามรบในขณะนั้น” ยาอีร์กล่าว
สำหรับในประเทศไทย เคยมีนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่ถูกระบุว่าเป็นอดีตทหารถูกจับกุมและปรากฏเป็นข่าวในไทยอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ กรณีอดีตหน่วยรบพิเศษอิสราเอลถูกจับกุมข้อหาประกอบธุรกิจมัคคุเทศก์โดยไม่มีใบอนุญาต เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และล่าสุดเป็นกรณีอดีตทหารชาวอิสราเอล 4 รายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาเสพยาเสพติดและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง เมื่อต้นเดือน ต.ค.
คำตักเตือนในกลุ่มชาวอิสราเอล
สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเคยออกแนวปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เดินทางมายังประเทศไทยเมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมา
คำแนะนำของสถานทูตอิสราเอล มีตั้งแต่อย่าส่งเสียงดังและหลีกเลี่ยงการตะโกนหรือพูดคุยเสียงดังบนถนน โรงแรม และพื้นที่สาธารณะ, ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎการจอดรถอย่างเคร่งครัด, อย่าทำงานในประเทศไทยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตที่เหมาะสม, ควรแต่งกายให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเดินไปตามถนนหรือสถานที่สาธารณะโดยไม่สวมเสื้อ และปฏิบัติต่อคนในท้องถิ่นด้วยความเคารพ พูดจาสุภาพและมีน้ำใจ ตลอดจนการต่อรองราคาในตลาดควรมาพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นต้น
สำหรับความไม่พอใจของคนท้องถิ่นที่เกาะพะงันในระลอกนี้ ชาวอิสราเอลบางส่วนโพสต์สะท้อนข้อกังวลต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวร่วมชาติด้วยเช่นกัน
ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า เอดี โคเฮน โพสต์ข้อความเป็นภาษาฮีบรู ซึ่งถูกแชร์ไปกว่าสองร้อยครั้งระบุว่า “พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล แม้จะเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่รู้ตัว ก็ถูกมองว่าเป็นการแสดงออกที่แข็งกร้าวและไม่ให้เกียรติผู้อื่น ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม และในฐานะที่เราเป็นแขกของประเทศ หากไม่เข้าใจบริบทนี้ เราอาจสูญเสียพื้นที่ของเราในสังคมแห่งนี้ได้”
ชาวอิสราเอลผู้นี้ยังให้ข้อแนะนำหลายข้อ โดยระบุว่าพฤติกรมดังกล่าวทำให้ “ชุมชนชาวอิสราเอลที่พำนักอยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนานได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบ”
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบางส่วนแสดงความเห็นในโพสต์เดียวกันว่าปัญหาความไม่พอใจอาจมีรากลึกมากกว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว แต่เกิดมาจากการที่ชาวอิสราเอลย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วย
“ชาวอิสราเอลอยู่รวมกันเป็นย่านใหญ่สร้างผลกระทบไว้มาก และการที่บางคนเปิดธุรกิจ ไม่ได้แค่มาเที่ยว ก็ยิ่งทำให้คนในพื้นที่รู้สึกว่าเรากำลังเข้ามาแทนที่มากขึ้น” ผู้แสดงความคิดเห็นรายหนึ่งระบุ
ความคิดเห็นข้างต้นสอดคล้องกับข้อกังวลของประดินันท์ ผู้ประกอบการร้านอาหารคนไทยบนเกาะที่สงสัยในจุดประสงค์อันแท้จริงของนักท่องเที่ยวบางส่วนที่เข้ามา
“มาเที่ยวยังไง แบบนี้เรียกว่าการท่องเที่ยวจริงหรือเปล่า เพราะลูกค้าชาวอิสราเอลมาพักรีสอร์ตของคนอิสราเอล ใช้บริการทัวร์ รถเช่า และร้านอาหารที่เจ้าของก็เป็นคนอิสราเอลทั้งหมด แล้วร้านของคนท้องถิ่นอยู่ตรงไหน ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” ประดินันท์ ระบุ
ความเห็นจากคนท้องถิ่นบางคนยังสะท้อนความกังวลในรูปแบบเดียวกัน ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่งอ้างว่า ชาวยิวที่ย้ายเข้ามาอาศัยในเกาะนั้นตั้งบริษัททัวร์เพื่อชักชวนและให้คำแนะนำช่วยเหลือชาวอิสราเอลรายอื่นเพื่อโยกย้ายเข้ามาอาศัยในเกาะพะงัน ตั้งโรงเรียนนานาชาติ อันเป็นสัญญาณของการอยู่อาศัยเป็นชุมชนในระยะยาว
เขายังกล่าวอีกว่า “ในบ้านศรีธนู ได้กลายเป็นเทลอาวีฟ (Tel Aviv เมืองหลวงของอิสราเอล) ย่อม ๆ” ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Kaii Kpg ระบุ
หลังจากกระแสความไม่พอใจของคนท้องถิ่นปรากฏดังชัดในสังคมออนไลน์เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. เจ้าหน้าที่ในท้องที่ก็เริ่มดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ดินและการถือครองธุรกิจ
ติดตามประเด็นปัญหาเรื่องที่ดินและการถือครองธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะพะงัน ได้ในตอนต่อไป
ที่มา BBC.co.uk












