“ฉันเคยเชื่อว่านี่คือดินแดนแห่งเค-ป็อป” ศิลปินฝึกหัดชาวต่างชาติเผยหลังตกเป็นเหยื่อ “การลวงลวงรูปแบบใหม่”

คำบรรยายวิดีโอ, รับชมวิดีโอ “เมื่อเค-ป็อป กลายเป็นฝันร้าย”

Article Info

    • Author, โอ กยูวุค, คิม ฮโยจอง
    • Role, บีบีซีแผนกภาษาเกาหลี

มิยู วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นเลือกเดินทางมาเกาหลีใต้ก็เพื่อเป็นดาราเค-ป็อป เธอเชื่อว่าการมายังประเทศนี้คือวิธีที่เร็วที่สุดในการบรรลุเป้าหมายของเธอ

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงที่รอเธออยู่ คือ หลักสูตรเค-ป็อปที่เสียเงินลงทะเบียนเรียนด้วยราคาประมาณ 3 ล้านเยน (ราว 632,000 บาท) นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอไม่มีโอกาสออดิชันด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้มิยูประสบกับเหตุการณ์การถูกคุกคามทางเพศแทน

“ฉันใฝ่ฝันจะเป็นไอดอลมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เจอนั้นใกล้เคียงกับการลวงลวงรูปแบบใหม่” มิยู เล่าให้นักข่าวฟังขณะนั่งอยู่บนถนนฮงแด ซึ่งมีเพลงเค-ป็อป เล่นอยู่ในทุกที่

ฮงแดเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับเด็กฝึกหัดชาวต่างชาติที่มีความฝันอยากเป็นไอดอล แต่สำหรับมิยู สถานที่แห่งนี้กลับให้ความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเปกันไป

“ที่นี่เป็นสถานที่หล่อเลี้ยงความฝันของฉัน แต่ก็เป็นที่ที่ทำให้หวนนึกถึงความบอบช้ำทางจิตใจ” เธอกล่าว

โฆษณาขายฝันอันสวยหรูสำหรับศิลปินฝึกหัด

มิยูเริ่มชื่นชอบเค-ป็อป เป็นครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ปีที่สองของระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เธอหลงไหลเจนนี่ วงแบล็คพิงก์ และตั้งเป้าว่าอยากจะเป็นนักร้อง โดยถือ ซึลกิ จากวงเรด เวลเว็ท เป็นแบบอย่าง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Raze of ได้รับความนิยมสูงสุด

ปีที่แล้วเธอลงทะเบียนเรียนโปรแกรมฝึกอบรมของ “โรงเรียนเค-ป็อป” เส้นทางนี้ดูเหมือนเป็นโอกาสเปลี่ยนชีวิต จนกระทั่งเธอเดินทางมาถึงกรุงโซล

โฆษณาโครงการเรียนดูน่าดึงดูด ประกอบด้วยคลาสเรียนเต้น คลาสร้องเพลงและสอนภาษาเกาหลี นอกจากนี้ยังมีหอพักสำหรับผู้หญิงเท่านั้น และโอกาสเข้าออดิชันกับค่ายบันเทิงรายใหญ่ต่าง ๆ ในเกาหลีใต้

บนเว็บไซต์ยังมีชื่อของไอดอลที่คาดว่าเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน โดยมีข้อความระบุว่า “คุณต้องการเป็น OO คนต่อไปหรือไม่ ?” รวมถึงยังแสดงเนื้อหาที่ได้จากการเยี่ยมชมหรือรายงานโดยสื่อมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ

สโลแกนส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ ทำให้ชาวต่างชาติหลายร้อยคน รวมถึงมิยู หลงเชื่อคำมั่นสัญญาเหล่านั้น และตัดสินใจลงทะเบียนเรียน

มิยูยังเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเธอขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เพื่อเดินทางมายังกรุงโซล

ทว่า เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มให้ความรู้สึกแปลก ๆ และแตกต่างจากสิ่งที่โฆษณาโดยสิ้นเชิง แม้เธอได้ฝึกซ้อมเต้น ร้องเพลง และภาษาเกาหลี แต่กลับไม่ได้ในสิ่งที่โรงเรียนให้คำมั่นไว้

“พวกเขาบอกว่าจะออดิชันทุกสัปดาห์ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว” มิยู กล่าว และบอกว่าเธอตระหนักได้ในเวลานั้นว่าที่แห่งนี้ ไม่ใช่ “ประตูสู่เค-ป็อป” ที่เธอฝันถึง แต่บางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายกว่าการละเมิดสัญญากำลังรอเธออยู่

ที่มาของภาพ : BBC/ Andro Saini

มิยูบอกว่าตอนที่มาถึงกรุงโซล เธอยังคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิต

มิยูบอกกับบีบีซีว่าผู้บริหารระดับสูงโทรหาเธอเป็นการส่วนตัว และพยายามแตะต้องเนื้อตัวร่างกาย

“ในวันหยุด ชายคนนั้นบอกฉันว่า ‘ผมจะซื้อไอศกรีมให้นะ' และพาฉันไปยังร้านสะดวกซื้อ เขาวางมือบนเอวของฉัน ขณะที่ฉันกำลังเลือกไอศกรีม และกล่าวว่า ‘เธอมีรูปร่างที่ดีนะ' จากนั้นเขาก็แตะเอวของฉันอีกทีหลังจากนั้น”

ต่อมาเขาเรียกมิยูออกไปคนเดียวหลายครั้ง เธอเล่าวว่า “ครั้งหนึ่ง เขาเรียกฉันไปที่สำนักงานของเขาเป็นการส่วนตัวโดยบอกว่าต้องการพูดคุยเกี่ยวกับชุดที่ใช้ถ่ายทำ จากนั้นเขาก็บอกให้ฉันนั่งบนตักของเขา”

เพื่อหลบหนีสถานการณ์ดังกล่าว มิยูบอกกับบีบีซีว่าเธอ “นั่งบนที่เท้าแขนเก้าอี้และทนอยู่อย่างนั้น”

“บอกตามตรงเลยนะ จริง ๆ แล้วมันน่าขยะแขยงมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นฉันสับสนมากและพูดได้แค่ว่า ‘เอ่อ…ขอบคุณค่ะ'”

ทั้งนี้ บุคคลที่ถูกกล่าวถึงปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

มีกล้องวงจรปิดในทุกที่

ศิลปินฝึกหัดหลายคนกล่าวว่ามีกล้องวงจรปิดติดตั้งภายในที่พักโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัทปฏิเสธเรื่องนี้ โดยตามคำกล่าวของตัวแทนทางกฎหมาย ระบุว่า “กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลาง (ทางเข้า ครัว ฯลฯ) เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น เหตุบุคคลภายนอกบุกรุกในอดีต” พร้อมกับย้ำว่า “การติดตั้งได้แจ้งล่วงหน้าแล้ว และเป็นมาตรการเพื่อปกป้องความปลอดภัยของศิลปินฝึกหัดโดยสิ้นเชิง”

เอลิน วัย 23 ปี จากสวีเดน ซึ่งเข้ารับการฝึกให้เป็นศิลปินแบบเดียวกันกับบริษัทนี้ เปิดเผยว่าศิลปินฝึกหัดส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้เยาว์ เมื่อต้องการปฏิเสธการบีบบังคับ

เธอจำได้ว่า “ศิลปินฝึกหัดวัย 16 ปีคนหนึ่งบอกกับฉันว่าคน ๆ นั้นสัมผัสร่างกายของเธออย่างไม่เหมาะสมในทางเพศ และขอพบเป็นการส่วนตัว โดยเธอเล่าว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมาก แต่เธอกลับพยายามแค่หัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเท่านั้น”

เอลินกล่าวว่า เธอก็ไม่ได้ถูกยกเว้นเช่นกัน โดยในระหว่างที่กำลังขอหารือเรื่องขอเงินคืนจากบริษัทอยู่นั้น ผู้บริหารก็ไล่ลูกน้องออกไป และเหลือแต่เธอตามลำพังกับเขา

“อยู่ ๆ เขาก็สอนคำเกาหลีให้ฉัน จากนั้นเข้ามาแตะเอวแล้วพูดว่า ‘นี่คือสะโพก' ฉันกลัวมาก เลยส่งข้อความไปหาเพื่อน เพื่อขอให้เข้ามาในห้องเดี๋ยวนี้”

ทว่า เรื่องราวไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น “เขาพยายามเข้ามาในห้องของเราตอนดึกโดยอ้างว่าต้องการซ่อมไฟ เขาจะมาตอนตี 2 หรือตี 3 และเฝ้าดูพวกเรา มีแม้กระทั่งเขาเข้าในห้องของฉันขณะที่ฉันกำลังหลับ และเฝ้าดูฉันในชุดนอน ฉันนอนหลับไม่สนิท และความกลัวก็ทวีมากขึ้น”

ในเวลาต่อมา เอลินออกจากสถานที่ดังกล่าวหลังจากผ่านไปสองเดือน โดยไม่ได้รับเงินคืนสำหรับช่วงเวลาที่เหลือ

ตัวแทนด้านกฎหมายของ “สถาบันดังกล่าว” ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง โดยบอกว่า “บริษัทของเราห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในหอพักหญิงโดยเด็ดขาด หากไม่มีพนักงานหญิงติดตามซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบภายใน”

เอลิน ชาวสวีเดนกล่าวว่า ศิลปินฝึกหัดจำนวนมากเป็นผู้เยาว์ ทำให้การปฏิเสธเป็นเรื่องยากขึ้น และพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ศิลปินฝึกหัดที่ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีอ้างว่ามีกล้องวงจรปิดที่บันทึกทั้งเสียงและภาพถูกติดตั้งทั่วทั้งหอพักและห้องฝึกซ้อม “เพื่อเฝ้าติดตามพวกเขา”

เอลินบอกว่า “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้เลยจนกระทั่งมาถึงเกาหลีใต้ มันไม่ได้ถูกระบุในสัญญาอย่างชัดเจน”

“ผู้บริหารจะดูเราเต้นผ่านกล้องวงจรปิดและแสดงความเห็นกับครูสอนเต้น โดยพูดว่า ‘สอนให้พวกเด็ก ๆ เต้นให้เซ็กซี่มากขึ้น'”

ในทางกลับกัน บริษัทปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยตัวแทนทางกฎหมายของเขากล่าวว่า “กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ทางเข้า ห้องครัว ฯลฯ เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย เช่น หากเกิดการบุกรุกจากบุคคลภายนอก และโดยข้อเท็จจริงแล้วก็มีการบอกล่วงหน้าแล้วว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อปกป้องความปลอดภัยของศิลปินฝึกหัด”

อย่างไรก็ตาม ศิลปินฝึกหัดหลายคนบอกว่า มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในหอพักโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า แม้บริษัทปฏิเสธเรื่องนี้ก็ตาม

การเรียนที่เกาหลี คือหนทางที่เชื่อว่าพาไปสู่วงการเค-ป็อป

มีชาวต่างชาติราว 200 คน เข้าร่วม “หลักสูตรสำหรับศิลปินฝึกหัด” เค-ป็อป ของบริษัทแห่งนี้ ที่เริ่มต้นในปี 2019 นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมโครงการระยะสั้นประมาณ 500 คน ซึ่งเรียกว่า “เข้าค่ายเค-ป็อป”

บริษัทเค-ป็อป ดังกล่าว และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกำลังถูกสอบสวนในข้อกล่าวหาแสวงหาประโยชน์และประพฤติไม่ชอบทางเพศ โดยพวกเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “การกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทสัมผัสร่างกายศิลปินฝึกหัดนั้นไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง”

ขณะเดียวกัน นักเรียนชาวต่างชาติซึ่งเข้ารับการอบรมกับสถาบันดังกล่าวไม่อาจบอกพ่อแม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาไม่อาจสารภาพกับพ่อแม่ได้ว่าเงินจำนวนมากที่ขอมาเพื่อตามความฝันในเกาหลีนั้นได้สลายกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว รวมถึงกังวลว่าการรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคต่อการ “เดบิวต์” ในอนาคต ไม่นับรวมเรื่องความไม่คุ้นเคยกับระบบกฎหมายของเกาหลี และกำแพงทางภาษาที่ทำให้พวกเขาไม่อาจสื่อสารเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ

แม้แต่สำหรับผู้ที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ กระบวนการต่าง ๆ ก็ไม่ได้ง่ายเลย เอลินบอกว่าศิลปินฝึกหัดชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนทางกฎหมายของเกาหลี และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดำเนินการอย่างไร

ในเรื่องนี้ ชิน ซึง-ฮุน หัวหน้าทีมให้คำปรึกษาของศูนย์โซลโกลบอล อธิบายว่า “สำหรับชาวต่างชาติแล้ว แม้พวกเขาต้องทนทุกข์กับความเสียหาย แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะสถานที่ขอความช่วยเหลือหรือหาวิธีการช่วยเหลือ การเตรียมเอกสารเป็นเรื่องยากมาก มันจำเป็นต้องมีการตีความ และขั้นตอนอันซับซ้อนก็ทำให้การดำเนินการเป็นไปได้อยากในความเป็นจริง”

ในที่สุด เอลินก็เข้าขอคำแนะนำทางกฎหมายผ่านศูนย์โซลโกลบอล หลังจากพยายามค้นหามายาวนาน และได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อบริษัทและบุคคลดังกล่าวกับสถานีตำรวจท้องถิ่นเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

ความรับผิดชอบในการบริหารจัดการและการกำกับดูแลบริษัทเค-ป็อป เป็นอย่างไร ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos

เค-ป็อปไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวเพลง แต่ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลกไปแล้ว

เค-ป็อปไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวเพลงอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียนเป็น “ธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม” (Standard Tradition and Arts Planning Change) กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (MCST) มีมากถึงประมาณ 5,800 แห่ง หากรวมเอาบริษัทตัวแทนแบบบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียน จำนวนนี้จะสูงกว่านี้มาก

อย่างไรก็ตาม ไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดเกี่ยวกับสถานประกอบการที่ดำเนินโปรแกรมสำหรับศิลปินฝึกหัดชาวต่างชาติ

ผู้ประกอบการเค-ป็อปและเอเจนซีบันเทิงต้องจดทะเบียนเป็น “ธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม” กับสำนักงานส่งเสริมคอนเทนต์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Ingenious Whine Agency -KOCCA) ภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาอุตสาหกรรมศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม ซึ่งประกาศใช้ในปี 2014

บริษัทที่จดทะเบียนยังมีหน้าที่ต้องจัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของศิลปินฝึกหัด การปฏิบัติตามชั่วโมงทำงาน กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาเพศและความรุนแรงทางเพศ การป้องกันความรุนแรงทางเพศ และขั้นตอนการเยียวยาเมื่อเกิดเหตุความรุนแรงทางเพศ ตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าการฝึกอบรมเหล่านี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ตามข้อมูลที่ ยาง มุน-ซอก สส.พรรคประชาธิปไตย หรือ ดีพี (Democratic Occasion – DP)ได้รับจาก MCST และ KOCCA พบว่า ในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีเพียงตัวแทน 2,516 ราย จากบริษัททั้งหมด 5,724 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยมที่ได้เข้ารับการฝึกอบรมจริง

นอกจากนี้ ยังพบว่านับตั้งแต่มีการบังคับใช้ระบบการจดทะเบียนธุรกิจดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2014 ยังไม่เคยลงโทษไม่ได้รับการฝึกอบรมตามกฎหมายเลยสักครั้งเดียว

MCST บอกกับบีบีซีว่า บริษัทที่จดทะเบียนต้องเข้ารับการฝึกอบรมประจำปีตามข้อบังคับ และมีการจัดการผ่านการสำรวจสถานะทุกสองปีที่มุ่งเป้าธุรกิจเหล่านี้

พื้นที่สีเทา: ไม่มีวิธีควบคุมสถาบันแบบอะคาเดมี

ปัจจุบัน สถาบันการศึกษาด้านเค-ป็อปถูกจัดประเภทกว้าง ๆ เป็น “อะคาเดมี (academy)” หรือ hagwon และ “ธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม” (เอเจนซีต่าง ๆ) หากสถานที่ใดให้การสอนนักเรียนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเป็นเวลา 30 วัน หรือมากกว่า จะต้องจดทะเบียนเป็น “อะคาเดมี” และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการศึกษา (ing of business of Training)

อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ถูกกล่าวถึงได้รับเงินค่าเล่าเรียนและค่าหอพักจากนักเรียนต่างชาติเป็นจำนวนหลายล้านวอน โดยไม่ได้จดทะเบียนเป็น “อะคาเดมี” ผู้เชี่ยวชาญมักเรียกประเภทนี้ว่า “เอเจนซีแบบอะคาเดมี” ซึ่งรับค่าเล่าเรียนและค่าหอพักเหมือนอะคาเดมี แต่จดทะเบียนเป็น “เอเจนซีบันเทิง” ทำให้หลีกเลี่ยงการกำกับดูแลตามกฎหมายสถาบันเอกชนได้

ในกรณีเช่นนี้ กฎระเบียบเกี่ยวกับคุณสมบัติครูผู้สอน หรืออัตราค่าเล่าเรียนจะไม่ถูกบังคับใช้ และข้อกำหนดที่ว่าเอเจนซีควรเรียกเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายจริงก็ทำให้ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลระบุว่าการกำกับดูแลมีข้อจำกัดเนื่องจากรูปแบบการดำเนินงานของสถาบันเค-ป็อปมีความหลากหลาย เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการบอกกับบีบีซีว่าแม้แต่สถาบันที่จดทะเบียนเป็นศูนย์การศึกษาตลอดชีวิตหรือบริษัทท่องเที่ยว ก็สามารถเปิดสอนภาษาเกาหลีหรือการเต้นให้ชาวต่างชาติได้เช่นกัน ทำให้ยากที่จะควบคุม “การดำเนินงานแบบอะคาเดมี” ภายใต้ระบบปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ

ที่มาของภาพ : BBC/ Andro Saini

MCST ระบุว่า การจดทะเบียนธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยมถูกมอบหมายให้รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ และเนื่องจากธุรกิจนี้ครอบคลุมทั้งการให้บริการ การฝึกอบรม การแนะนำ และการให้คำปรึกษา “จึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุธุรกิจที่ดำเนินงานเป็นอะคาเดมีควบคู่กัน”

ในทางปฏิบัติ รัฐบาลท้องถิ่นคือผู้รับผิดชอบการจดทะเบียนเอเจนซีบันเทิง อย่างไรก็ตาม บีบีซีได้รับการยืนยันว่ารัฐบาลท้องถิ่นตรวจสอบเฉพาะเอกสารที่จำเป็นระหว่างการจดทะเบียน และไม่มีการตรวจสอบวิธีการดำเนินงานหรือโปรแกรมของบริษัท

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบริษัทที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ในขณะนี้ กล่าวว่า “เราตรวจสอบเฉพาะเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน โครงสร้างไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบวิธีการดำเนินงานโดยละเอียด” และกล่าวเสริมว่า “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานหรือการสอบสวนที่เกี่ยวข้องเข้ามาเลย”

ในเรื่องนี้ ทนายความของผู้เสียหายยืนยันว่าการจดทะเบียนเป็นธุรกิจวางแผนวัฒนธรรมและศิลปะยอดนิยมเป็นเพียงพิธีการ และเนื่องจากสถาบันแห่งนี้สอนนักเรียนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเป็นเวลานาน จึงสามารถพิจารณาการบังคับใช้กฎหมายสถาบันเอกชนได้

ในทางกลับกัน ทนายความของบริษัทดังกล่าวโต้แย้งว่า พวกเขาเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งจดทะเบียนเป็นธุรกิจวางแผนศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยมและบริษัทท่องเที่ยว และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายสถาบันเอกชน พร้อมยืนยันว่าโครงการค่ายเค-ป็อปและการศึกษาสำหรับศิลปินฝึกหัดต่างชาติเป็น “กิจกรรมที่อิงตามโครงสร้างการลงทุนและการบริหารของเอเจนซี”

ฝั่งอุตสาหกรรมเอเจนซีบันเทิงประเภทนี้ อธิบายว่าโดยทั่วไปแล้ว “เอเจนซี” และ “อะคาเดมี” มีโครงสร้างการดำเนินงานแยกกัน

ลี นัม-คยอง เลขาธิการสมาคมการจัดการเกาหลี ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนของอุตสาหกรรมเอเจนซี กล่าวว่า “สำหรับเอเจนซีที่เป็นทางการ บริษัทมักจะลงทุนค่าใช้จ่ายในการฝึกศิลปินฝึกหัดก่อน และค่อยเรียกคืนตามสัดส่วนการแบ่งผลกำไรหลังจากเซ็นสัญญาผูกขาดและสร้างรายได้”

เขาอธิบายว่า โครงสร้างที่เรียกเก็บค่าเล่าเรียนจากศิลปินฝึกหัดนั้นใกล้เคียงกับอะคาเดมี และมักเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินไม่มั่นคง แม้ว่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจะไม่ผิดกฎหมาย แต่เขาชี้ว่าปัญหาคือ ไม่มีมาตรฐานการจัดการที่ชัดเจน ขณะที่ MCST ยังแนะนำให้ระมัดระวังเกี่ยวกับ “เอเจนซีแบบอะคาเดมี” เหล่านี้

ตาม “แนวทางการออดิชันสำหรับบุคลากรด้านศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม (สาขานักร้อง)” ที่เผยแพร่โดย MCST และ KOCCA ระบุว่า บุคคลควร “ปฏิเสธการเรียกร้องให้ชำระเงิน” หากบริษัทเสนอการฝึกเพิ่มเติมภายใต้ข้ออ้างว่าได้ผ่านการออดิชัน และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชื่อค่าฝึกอบรมต่าง ๆ

เด็ก ๆ ที่ถูกพันธนาการด้วยความฝันของตนเอง

ในสภาพแวดล้อมที่ขาดการบริหารจัดการและการกำกับดูแล ศิลปินฝึกหัดมักตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางมากขึ้น แหล่งข่าวในวงการเปิดเผยว่ามีวัฒนธรรมที่บังคับให้พวกเขาต้องยอมรับการ ถูกควบคุมหรือต้องมีความเสียสละในระดับหนึ่ง

ฮอ ยูจอง ซีอีโอของบริษัทเอเจนซีด้านวัฒนธรรมและศิลปะชื่อว่าโซโวจู คอมพานี (Sowoojoo Company) ซึ่งเคยฝึกในกลุ่มเดบิวต์ของวงแบล็คพิงก์ และต่อมาได้ทำงานด้านการสรรหาและฝึกศิลปินใหม่ เล่าว่า “ตอนเป็นศิลปินฝึกหัด ฉันต้องบันทึกแม้กระทั่งเวลาที่ใช้ในห้องน้ำลงในสมุดบันทึก”

“แม้ตอนนี้จะไม่รุนแรงเท่าเดิม แต่เด็ก ๆ ก็ยังอยู่ภายใต้สายตาของบริษัทตลอดทั้งวันโดยไม่มีครูผู้สอน เด็กอายุเพียง 9 หรือ 12 ปีก็ต้องเตรียมตัวเพื่อออดิชัน และความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้” เธอกล่าว

ฮอเล่าต่อว่า “ศิลปินฝึกหัดบางคนถูกขอให้ส่งรูปถ่ายส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อการควบคุมรูปร่าง หรือถูกบันทึกเสียงและภาพผ่านกล้องวงจรปิดในหอพัก โดยเฉพาะเด็กฝึกหัดต่างชาติที่มักต้องทนกับความวิตกกังวลและความโดดเดี่ยวเพียงลำพังเพราะอุปสรรคด้านภาษา”

เธอย้ำว่าระบบศิลปินฝึกหัดควรดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลโดยครูผู้เชี่ยวชาญและเป็นไปตามแนวทางมาตรฐาน ไม่ใช่แค่การอยู่ร่วมกันหรือการควบคุมอย่างง่าย ๆ

ที่มาของภาพ : BBC/최유진

ฮอ ยูจอง อดีตไอดอลและซีอีโอของบริษัทสมอลล์ ยูนิเวิร์ส กล่าวว่า “ศิลปินฝึกหัดชาวต่างชาติมักต้องทนอยู่ตามลำพังท่ามกลางความกังวลและความโดดเดี่ยวเนื่องจากอุปสรรคทางภาษา”

ลี จงอิม อาจารย์จากบัณฑิตวิทยาลัยสื่อและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยคยองฮี ชี้ว่าความสำเร็จระดับโลกของเค-ป็อปทำให้ “วัฒนธรรมศิลปินฝึกหัดที่เข้มงวดบางอย่าง” ถูกมองว่าเป็นสูตรสำเร็จ

“แม้บางคนจะมองว่าช่วงเวลานั้นเป็น ‘กระบวนการที่จำเป็น' แต่มันอาจเป็นโครงสร้างการควบคุมที่หนักหน่วงสำหรับวัยรุ่น”

เธอชี้ว่า “ระบบการอยู่ร่วมกัน” ยิ่งตอกย้ำโครงสร้างนี้ เพราะเด็กต่างชาติหรือเด็กจากต่างจังหวัดต้องใช้ชีวิตห่างจากพ่อแม่ ทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปราะบางมากขึ้น

อาจารย์ผู้นี้ยังแนะนำด้วยว่า นักเรียนและผู้ปกครอง “ต้องตรวจสอบมาตรฐานสัญญาและข้อกำหนดเพิ่มเติมอย่างละเอียด” ก่อนลงทะเบียนกับสถาบันหรือเอเจนซีที่เกี่ยวข้องกับเค-ป็อป

“ความรับผิดชอบต้องยิ่งใหญ่ให้ได้เท่ากับชื่อเสียงที่ (เกาหลี) ได้รับจากเค-ป็อป”

ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา บริษัทเค-ป็อป ที่กล่าวถึงถูกแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และขณะนี้การสอบสวนยังดำเนินอยู่

สถานีตำรวจแจ้งกับบีบีซีว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทถูกตั้งข้อหาโดยไม่ถูกควบคุมตัว และกำลังถูกสอบสวนในข้อหาต่าง ๆ รวมถึงการกระทำอนาจารโดยใช้อำนาจในวิชาชีพตามกฎหมายการลงโทษความรุนแรงทางเพศ การบุกรุก และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกง โดยตำรวจระบุว่า “เนื่องจากการสอบสวนยังดำเนินอยู่ เราจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดได้”

แม้จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่ทางบริษัทก็ยังจัด “ค่ายออดิชัน” เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เพื่อรับสมัครนักเรียนต่างชาติ และยังคงโปรโมตโปรแกรมฝึกอบรมเค-ป็อปผ่านสื่อสังคมออนไลน์

เอลินกล่าวว่า “ฉันโกรธมากที่บริษัทนี้ยังคงรับสมัครผู้เข้าร่วมใหม่ผ่านเว็บไซต์ของมัน” และกล่าวเสริมว่า “ความรับผิดชอบต้องยิ่งใหญ่ให้ได้เท่ากับชื่อเสียงที่ (เกาหลี) ได้รับจากเค-ป็อป”

เธอยังบอกว่า “ฉันได้ยินจากเพื่อนชาวจีนอีกคนว่ามีเรื่องคล้ายกันเกิดขึ้นในสถาบันอื่น ๆ ฉันคิดว่ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เด็ก ๆ ที่ตามหาความฝันนั้นได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้น”

ที่มาของภาพ : BBC/최유진

มิยูเปิดสมุดที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลงเค-ป็อปที่เธอเขียนด้วยภาษาเกาหลี

มิยู ซึ่งผ่านโปรแกรมเดียวกัน มองว่าประเด็นนี้ไม่ใช่แค่ “ประสบการณ์ส่วนตัว” แต่เป็น “ปัญหาที่ต้องป้องกัน”

เธอย้ำว่าผู้ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินเค-ป็อป ควรผ่านหลายขั้นตอนของการตรวจสอบก่อนตัดสินใจไปเกาหลี และเน้นว่าไม่ควรเลือกเพียงเพราะสื่อโฆษณาหรือรีวิวออนไลน์

เธอกล่าวว่า “มันสำคัญมากที่จะต้องพูดคุยอย่างเพียงพอกับคนที่เคยอยู่ในสถาบันหรือบริษัทนั้น ๆ ก่อนตัดสินใจ แทนที่จะค้นหาแล้วตัดสินใจทันที”

ลี นัม-คยอง เลขาธิการสมาคมการจัดการเกาหลี แนะนำศิลปินฝึกหัดต่างชาติว่า ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสถาบันล่วงหน้าให้ดี

เขากล่าวว่า “จำเป็นต้องตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ทางการของรัฐบาล (เช่น ระบบสารสนเทศที่ครอบคลุมด้านศิลปะและวัฒนธรรมสมัยนิยม หรือ Standard Tradition and Arts Comprehensive Info System) ว่าสถานที่นั้นจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ และต้องแยกให้ออกว่าสัญญาเป็นแบบสัญญาผูกขาด สัญญาศิลปินฝึกหัด หรือสัญญาแบบอะคาเดมี”

เขายังเน้นว่า เนื่องจากเอเจนซีที่เป็นทางการมักมีโครงสร้างที่บริษัทลงทุนค่าใช้จ่ายในการฝึกก่อน “คุณควรตรวจสอบอีกครั้ง หากพวกเขาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายล่วงหน้า”

แม้จะผ่านความบอบช้ำ มิยูบอกว่าเธอยังไม่ละทิ้งความฝันที่จะเป็นไอดอล เหตุผลที่เธอกล้าออกมาเปิดเผยก็เพราะความฝันนั้นมีค่ามากสำหรับเธอ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบสมุดบันทึกออกมาอย่างระมัดระวัง ข้างในเต็มไปด้วยเนื้อเพลงเค-ป็อป การออกเสียง และคำแปลภาษาเกาหลี

เธอกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ความฝันของฉันยังไม่ชัดเจน แต่การเป็นไอดอลเค-ป็อป คือสิ่งที่ฉันตั้งใจ การฟังเพลงเหล่านี้ช่วยให้ฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้”

“ฉันอยากเป็นไอดอลให้ได้แน่นอน” มิยู กล่าว

หมายเหตุ: ชื่อมิยูและเอลินเป็นนามแฝงที่ใช้เพื่อปกป้องแหล่งข่าว