
สภาผู้บริโภค-สปสช. เดินหน้าพัฒนากลไกคุ้มครองสิทธิประชาชนระดับจังหวัด เชื่อมระบบรับเรื่องร้องเรียน กำกับคุณภาพบริการสุขภาพแบบบูรณาการ หวังสร้างระบบหลักประกันสุขภาพที่ปลอดภัย และตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2568 สภาผู้บริโภค จับมือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินหน้าความร่วมมือพัฒนาศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทองและองค์กรผู้บริโภคที่เป็นสมาชิกของสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการคุ้มครองสิทธิประชาชนด้านสุขภาพ โดยบูรณาการงานด้าน “การกำกับคุณภาพบริการ” และ “การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค” เข้าด้วยกัน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนที่ไม่เพียงทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเท่านั้น แต่ยังมุ่งพัฒนาเชิงระบบ เพื่อให้บริการสาธารณสุขตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้จริง และลดโอกาสการเกิดปัญหาซ้ำในอนาคต
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค พร้อมด้วย สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล และ รศ.ดร.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค รวมถึงฝ่ายสนับสนุนสมาชิกและองค์กรของผู้บริโภค และฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ ร่วมหารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า เป้าหมายสำคัญในการพัฒนากลไกคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในระดับจังหวัด เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการจัดการข้อร้องเรียนให้สามารถส่งต่อเรื่องร้องเรียนระหว่างกันได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำของปัญหาด้านคุณภาพบริการ ควบคู่กับการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ โดยใช้กลไกจังหวัดเป็นจุดศูนย์กลางในการขับเคลื่อนงาน
สารี กล่าวว่า ทั้งสภาผู้บริโภคและสปสช. เห็นพ้องที่จะพัฒนา ให้เกิด “กลไกคุ้มครองสิทธิประชาชนระดับจังหวัด” นำร่องใน 13 จังหวัดทั่วประเทศ (เขตละ 1 แห่ง) ครอบคลุมทั้งจังหวัดที่มีหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภคและจังหวัดที่มีเครือข่ายสมาชิกอย่างละ 50% โดยกำหนดบทบาท หน้าที่ และแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแท้จริง
สารี กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำงบแบบบูรณาการเพื่อพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกคุ้มครองสิทธิระดับจังหวัด โดยจะใช้ทุนจากกองทุนจังหวัดในปี 2569–2570 พร้อมกำหนดตัวชี้วัดร่วม 5 ประเด็นสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นในแต่ละพื้นที่
ทั้งสองหน่วยงานได้ตกลงพัฒนาเทคโนโลยีด้านข้อมูล และเชื่อมโยงระบบรับเรื่องร้องเรียนของสภาผู้บริโภคและสปสช. เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุขในเชิงระบบ โดยจะมีการติดตามและประเมินผลผ่านกลไกคณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขระดับเขตพื้นที่ (อคม.) อีกทั้งจะผลักดันให้ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง (หน่วยรับเรื่องร้องเรียน50(5)) ขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของสภาผู้บริโภค เพื่อขับเคลื่อนงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพทั่วประเทศ
@สภาผู้บริโภครับเรื่องร้องเรียนกว่า 1,000 กรณี
สารี เปิดเผยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคและองค์กรสมาชิกทั่วประเทศได้ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนด้านบริการสุขภาพรวมกว่า 1,194 กรณี และสามารถดำเนินการแก้ไขจนยุติได้รวม 1,337 กรณี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่ได้รับการเยียวยาและชดเชยรวมกว่า 63 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของกลไกภาคประชาชนที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านสุขภาพให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
จากข้อมูลดังกล่าว พบว่า สิทธิบัตรทอง เป็นประเด็นที่มีการร้องเรียนมากที่สุด รวม 971 กรณี โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สะดวกในการรับบริการ (ตามมาตรา 59) เช่น การย้ายสิทธิ์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า การปิดหน่วยบริการ หรือปัญหาการส่งต่อผู้ป่วย รองลงมา คือปัญหาด้านมาตรฐานคุณภาพบริการ (มาตรา 57) จำนวน 173 กรณี การเรียกเก็บเงินเกินสิทธิ (Further Billing) 69 กรณี และคำร้องขอความช่วยเหลือเบื้องต้น (มาตรา 41) อีก 75 กรณี
สารี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพทางการแพทย์และบริการแพทย์ทางเลือก เช่น แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน รวม 14 เรื่อง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าระบบร้องเรียน ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางระบายความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น แต่เป็น เครื่องมือสำคัญในการพัฒนามาตรฐานการให้บริการและสร้างระบบหลักประกันสุขภาพที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน
@สปสช.พร้อมบูรณาการคุ้มครองสิทธิประชาชน
ชนาทิพย์ มารมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลุ่มภารกิจสนับสนุนการมีส่วนร่วมและคุ้มครองสิทธิ สปสช. ได้นำเสนอ โครงสร้างและกลไกการกำกับดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคภายใต้พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพเป็นไปอย่างทั่วถึง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
ชนาทิพย์ กล่าวว่า สปสช. มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุม กำกับ และกำหนดมาตรการต่าง ๆ ภายใต้มาตรา 50 โดยเฉพาะมาตรา 50 (7) ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจตราและควบคุมการให้บริการในหน่วยบริการ เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและยกระดับคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข ขณะเดียวกัน ยังมีกลไกรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน เพื่อจัดการปัญหาด้านมาตรฐานคุณภาพบริการ เช่น การร้องเรียนโรงพยาบาล รวมถึงปัญหาความไม่สะดวกในการรับบริการ เช่น การย้ายสิทธิโดยไม่แจ้งล่วงหน้า การปิดหน่วยบริการ หรือปัญหาการส่งต่อผู้ป่วย
นอกจากนี้ สปสช. ยังมี กลไกการช่วยเหลือเบื้องต้น ตามอนุมาตรา 41 ซึ่งจัดตั้งอยู่ในทุกจังหวัด เพื่อพิจารณาคำร้องของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์อย่างเป็นธรรมและทันท่วงที อีกทั้งยังมีกลไกการทำงานในระดับพื้นที่ ได้แก่ อนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานระดับเขต (อคม.) ที่มีภาคประชาชนเข้าร่วมทำงานภายใต้คณะกรรมการควบคุมคุณภาพบริการทุกเขต รวมถึง “ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง” ซึ่งเป็นกลไกภาคประชาชนในพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการดูแลสิทธิของประชาชน ที่มุ่งให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเหมาะสม
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )













