
คำพิพากษาศาลฎีกา ยกคำร้องคดี ‘มัสตูรี วาแมดีชา’ นายก อบต. ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนรับตำแหน่ง เจ้าของทรัพย์มรดกร่วมเครือญาติมีปัญหากันยังไม่ได้แบ่งทายาทตาม กม.อิสลาม ชี้ไม่มีพฤติการณ์เจตนาปกปิดที่มาทรัพย์ ไม่เป็นความผิดตามคำร้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 26 กันยายน 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ยกคำร้องคดี นางสาวมัสตูรี วาแมดีชา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่ แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่ง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่เป็นความผิดตามคำร้อง
คำพิพากษามีรายละเอียดดังนี้
@เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม.5/2568 คดีหมายเลขแดงที่ อม.44/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 26 เดือน กันยายน พุทธศักราช 2568
ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
นางสาวมัสตูรี วาแมดีชา ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง แต่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง ขอให้พ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1) และ 167
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
พิเคราะห์คำร้อง คำให้การ พยานหลักฐานจากการไต่สวนพยานผู้ร้องและพยาน ผู้ถูกกล่าวหา ประกอบสำนวนการไต่สวนของผู้ร้อง และที่คู่ความไม่โต้เถียงกันแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้น ฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การเลือกตั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 และแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลท่าธงเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และรายงาน การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง เอกสารหมาย ร.6 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นผู้บริหารท้องถิ่น กรณีเข้ารับตำแหน่งมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและ เอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้องภายใน 60 วัน กล่าวคือ ภายในวันที่ 21 เมษายน 2566 แต่เมื่อครบกำหนดดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาไม่ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง วันที่ 20 มิถุนายน 2566 ผู้ร้องมี หนังสือถึงผู้ถูกกล่าวหาแจ้งให้ทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ผู้ถูกกล่าวหาได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ตามหนังสือลงวันที่ 20 มิถุนายน 2566 และใบตอบรับเอกสารหมาย ร.7 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ได้มีการจัด ประชุมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2566 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้เข้าร่วมประชุมด้วย ตามรายงานการประชุมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอกสารหมาย ร.10 วันที่ 19 กันยายน 2566 ผู้ร้องมีหนังสือถึงผู้ถูกกล่าวหาให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ต่อมาวันที่ 28 กันยายน 2566 ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามหนังสือ/ลงวันที่ 19 กันยายน 2566 และบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเอกสารหมาย ร.8 และวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือ ถึงผู้ร้องชี้แจงข้อกล่าวหาพร้อมยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องในวัน เดียวกัน ตามหนังสือลงวันที่ 12 ตุลาคม 2566 และบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเอกสารหมาย ร.9
@พฤติการณ์จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือไม่
ผู้ร้องมีนายนพพร บุญโชติตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดยะลา ในขณะนั้นซึ่งมีหน้าที่ตรวจพิจารณา สำนวนคดีและทำความเห็นในฐานะผู้บังคับบัญชาในการตรวจสอบทรัพย์สิน เบิกความว่า สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดยะลาได้มีการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและ หนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดยะลาทราบอย่างต่อเนื่อง และพยานมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและให้ดำเนินการยื่นภายใน 30 วัน แต่เมื่อครบกำหนด ผู้ถูกกล่าวหายังคงเพิกเฉย ผู้ร้องจึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา
ผู้ถูกกล่าวหารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงว่าบิดาผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่ความเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ผู้ถูกกล่าวหา ครอบครองทรัพย์มรดกไว้หลายรายการ แต่ยังจัดการทรัพย์มรดกระหว่างทายาทไม่เสร็จสิ้น มีความสับสนเกี่ยวกับจำนวนและมูลค่าที่ต้องชี้แจง เกรงว่าการชี้แจงไปก่อนจะทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนของ ทรัพย์สินและหนี้สิน แต่พยานตรวจสอบแล้วมีความเห็นพ้องกับพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าคำชี้แจงรับฟังไม่ขึ้น ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้วว่ามีหน้าที่ดังกล่าว เนื่องจากผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการ ประชุมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้มีการให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว และที่สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดยะลามี เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาคงอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียว โดยไม่ปฏิเสธหรือหักล้างข้อเท็จจริงและลำดับเหตุการณ์ตาม คำเบิกความของนายนพพรให้เห็นเป็นอย่างอื่น คงอ้างแต่เพียงว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน บิดาผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง และถึงแก่ความเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ขณะนั้นตำบลท่าธงเกิดน้ำ ท่วมใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหาได้รับการขอร้องจากชาวบ้านให้ลงสมัคร และได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แทนบิดาจึงไม่ได้เตรียมการเกี่ยวกับรายการทรัพย์สินและหนี้สินไว้ หลังจากผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับตำแหน่งเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งต้องช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และต้องดูแลแก้ไขปัญหา ไม่มีเวลาที่จะจัดทำและยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ในการประชุมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของผู้ร้องชี้แจงการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ผู้ถูกกล่าวหา ครอบครองทรัพย์สินของบิดา ได้แก่ ที่ดิน แหนบทองคำ และอาวุธปืน เข้าใจว่าต้องแบ่งปันทรัพย์ มรดกก่อนแต่ยังตกลงกันระหว่างทายาทไม่ได้ ศาลจังหวัดยะลาเพิ่งมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 และผู้ถูกกล่าวหาไม่ทราบว่าขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้
เห็นว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐที่กฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ยื่นบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง เป็นมาตรการหนึ่งที่จะตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐว่าทรัพย์สินและหนี้สิน ระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร จึงนับว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติ ผู้ถูกกล่าวหาจบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิดังกล่าว เมื่อเสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งและได้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธงแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาย่อมต้องทราบถึงหน้าที่ดังกล่าวดี ทั้งตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐต่อคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ข้อ 13 และข้อ 15 ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์กรณีขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน และการขอแก้ไขบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้แล้ว หากมีเหตุขัดข้องดังที่กล่าวอ้าง ผู้ถูกกล่าวหาย่อมสามารถดำเนินการตามประกาศนี้ได้ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ดำเนินการ ทั้งการที่ต้องช่วยเหลือประชาชนในภาวะน้ำท่วมก็เป็นเพียงเหตุชั่วคราว ไม่ถึงขนาดที่จะทำให้ไม่มีเวลา ดำเนินการในเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังที่กล่าวมา ข้างต้นแล้ว เชื่อว่าเหตุที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง เกิดจากความไม่เอาใจใส่และความบกพร่องของผู้ถูกกล่าวหาเอง ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
@ไม่มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า มีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น หรือไม่
เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาเพิ่งได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธงเป็นครั้งแรก ทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องยื่นแสดงในครั้งนี้จึงเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนและขณะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด กับได้ความว่าทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหามีอยู่ในขณะนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โรงเรือน ยานพาหนะ เงินฝากธนาคาร เงินลงทุนในโรงงานและห้างหุ้นส่วนจำกัด และหนี้เงินกู้ธนาคาร ในชื่อผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินที่มีทะเบียนหรือหลักฐานเป็นหนังสือที่สามารถตรวจสอบ ถึงความมีอยู่ได้โดยง่าย จึงไม่มีเหตุผลใดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องปิดบังทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว กับเมื่อนับแต่บิดาผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่ความเสียชีวิตในวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ทรัพย์มรดกของบิดาย่อมตกทอดได้แก่ทายาทซึ่งรวมถึงผู้ถูกกล่าวหาอันจะต้องแบ่งปันตามกฎหมายอิสลาม และนับถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาแถลงนโยบายในที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง และถือเป็นวันเข้ารับตำแหน่งที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ปรากฏว่าทายาทยังไม่อาจแบ่งทรัพย์มรดกได้ ผู้ถูกกล่าวหาจึงอยู่ในฐานะเจ้าของรวมในทรัพย์มรดกดังกล่าว และทรัพย์สิน ส่วนนี้อยู่ในบังคับที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วย แต่เนื่องจากมีความไม่ลงรอยกันระหว่างทายาทจนไม่อาจแบ่งทรัพย์มรดกได้ และมีการยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาล อาจทำให้เกิดความยุ่งยากแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่จะลงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายและตามกำหนดในหนังสือของผู้ร้องอยู่บ้าง อีกทั้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินก็ไม่ปรากฏคำอธิบายเกี่ยวกับการแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกตามกฎหมายอิสลามไว้ ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหามีภาระหน้าที่ติดพันเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่และต้องใช้เวลานานหลายเดือนในการแก้ไขฟื้นฟูภายหลังน้ำท่วมด้วย แม้เหตุผลทั้งสองส่วนนี้ไม่อาจนำไปใช้อ้างเพื่อไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในกำหนดได้ดังที่วินิจฉัยมาแล้ว แต่แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาถึงขนาดจะไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังจะเห็นต่อมาว่าในระหว่างรอแบ่งทรัพย์มรดกและก่อนศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาก็ไปรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปตามเหตุผลดังกล่าว ทั้งยังเร่งรีบรวบรวมทรัพย์สินและหนี้สินเท่าที่ทราบในขณะนั้นทั้งที่เป็นชื่อผู้ถูกกล่าวหาและที่เป็นมรดกของบิดา พร้อมจัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบยื่นต่อผู้ร้องในวันเดียวกันโดยมีรายละเอียดของทรัพย์สินและหนี้สินอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งหรือข้อสงสัยอย่างใดถึงความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว ทั้งรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบที่ยื่นดังกล่าวก็อยู่ในลักษณะปกติ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอันจะเป็นพิรุธให้เห็นว่ามีเจตนาปกปิดหรือไม่แสดงที่มาของทรัพย์สินและหนี้สินนั้นแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่เป็นความผิดตามคำร้อง
พิพากษายกคำร้อง.

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
- จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! นายก อบต.แคนดง จ.บุรีรัมย์ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-เงินฝาก 2 ล. (38)
- จำคุก 2 เดือน นายก อบต.หนองโสน จ.ตราด ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง – ให้นับโทษต่อจากคดีอาญา (37)
- -จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.ดอนนางหงส์ นครพนม จงใจยื่นทรัพย์สินเท็จ (36)
- -ศาลฎีกาฯสั่งกักขัง 4 เดือนแทนจำคุก นายกเทศฯ ต.วังบงค์ จ.พิจิตร ซุกหจก.รับเหมา, คำพิพากษาฉบับเต็ม! นายก ทต.วังบงค์ จ.พิจิตร โอนหุ้นรับเหมาให้นอมินี-กักขัง 4 เดือน (35)
- -จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ ‘เกรียงไกร’ เลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ (34)
- -ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง! คุก 2 เดือน -รอลงโทษ ‘คฑาเทพ’อดีต สส.ยื่นบัญชีฯเท็จ ,ฉบับเต็ม! สส. คฑาเทพ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน ให้โอกาสกลับตัว-รอลงโทษ(33)
- -ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.พรมสวรรค์ ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชี (32)
- พิพากษาฉบับเต็ม ‘พุทธชาติ’ สจ.บุรีรัมย์ ใช้นอมินีถือครองเงินลงทุน 7 แห่งใน 4 จว. ,คุก 2 ด.! รอลงอาญา อดีต ส.องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ปกปิดทรัพย์สิน-เพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดไป (31)
- ศาลฎีกาจำคุก 1 เดือน-ให้รอลงโทษ!‘ศรีชาติ’รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จงใจปกปิดทรัพย์สิน(30)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.หนองหัวโพ จ.สระบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ (29)
- คุก 1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก ทต.ดงมอน มุกดาหาร ไม่แจ้งทรัพย์สิน/หนี้เมีย 2 คน (28)
- ‘อุดมชัย’รองนายก อบต.หนองอ้ม จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (27)
- จำคุก 1 เดือน ‘วิลัยวัลย์’ รองนายก อบต.ด่านใน จ.นครราชสีมา ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (26)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน ‘สมชาติ’ส.องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ให้รอลงโทษ (25)
- รองนายก อบต.โสกปลาดุก จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (24)
- ศาลจำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ พันตำรวจเอกปราชญ์ นายก ทต.แหลมงอบ จ.ตราด ยื่นบัญชีฯเท็จ (23)
- คดีที่ 2! จำคุก 2 เดือน ‘สมเกียรติ’ ส.ส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จกรณีเข้ารับตน.-ให้รอลงโทษ (22)
- ศาลสั่งคุกจริง 1 เดือน ‘นพดล’ ส.องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก ยื่นไม่ครบ/ยื่นบัญชีฯเท็จ-เคยต้องคดีเก่า (21)
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ‘อภิชัย’ นายกทต.ขุนกระทิง จ.ชุมพร ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (20)
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ! ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.ขามเปี้ย จ.ร้อยเอ็ด – ให้รอลงโทษ (19)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 4 เดือน ‘สมเกียรติ’อดีต สส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ-ให้รอลงโทษ (18)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (17)
- ศาลฎีกา จำคุก 1 เดือน ‘ตรีวิเศษ’รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (16)
- คุก 2 เดือน-รอลงโทษ! นายก อบต.เขากอบ จ.ตรัง ยื่นบัญชีฯเท็จ-ไม่แจ้งเงินให้กู้ยืม 58 ล.(15)
- จำคุก 2 เดือน-ให้รอลงโทษ! ส.องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ยื่นบัญชีฯเท็จ-ใช้ลูกชาย‘นอมินี’ถือหุ้นรับเหมา (14)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ‘นาวิน’ ส.องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลฯ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ – ให้รอลงโทษ (13)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘พรชัย’ นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ นับโทษต่อ 2 คดีทุจริต (12)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน นายก อบต.ดงรัก จังหวัดศรีสะเกษ ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (11)
- องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ฯแก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ (10
- ศาลฎีกาฯพิพากษานายก อบต.สมสะอาด จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน –รอลงโทษ (9)
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก อบต.นาคำใหญ่ จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ (8)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ รองนายก อบต.บางกุ้ง จ.ตรัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (7)
- ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘อาแซ มาหะมะ’ นายกเทศฯ ต.ตอหลัง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ (6)
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘อนุชิต’ สท.เมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ จําคุก 2 เดือน รอลงโทษ (5)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน นายก อบต.หนองแสงใหญ่ จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(4)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน ‘ขนบ’ นายกอบต.โนนทัน จ.หนองบัวฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(3)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ‘สมพงษ์’รองนายก อบต.ดอนกลาง มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(2)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘ชัชวาลย์ ’รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ-รอลงโทษ(1)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )













