เปิดเบื้องหลังอาชีพรับเก็บกวาดทำความสะอาดที่เกิดเหตุ รายได้งามแต่ต้องข่มใจ

ที่มาของภาพ : Owen Howells Photography

ด้วยประสบการณ์การทำความสะอาดมากกว่า 30 ปี เบนถือว่าเป็นคนที่มีไซนัสแข็งแกร่งราวกับเหล็ก

Article Recordsdata

    • Writer, ชาร์ลี บัคแลนด์
    • Role, บีบีซี เวลส์

คำเตือน: บทความนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับของเหลวในร่างกาย การเสียชีวิตและความรุนแรงที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

มันไม่ใช่งานสำหรับคนที่คลื่นไส้สะเอียดสะเอียนง่าย

เบน ไจล์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดเชิงลึก ใช้เวลา 25 ปีในการปรับปรุงพัฒนาฝีมือในการกำจัดความสกปรกรวมทั้งคราบที่เกิดจากการหกเลอะเทอะทุกชนิด ไปจนถึงเศษชิ้นส่วนและเศษsะเบิดในที่เกิดเหตุอาชญากรรม

ตอนที่เบน อายุ 49 ปี เขาเริ่มงานเช็ดกระจกหน้าต่างในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในทางตะวันตกของเวลส์ เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะนำเขามาสู่การทำธุรกิจมูลค่าหลายล้านปอนด์ หลังจากค้นพบโดยบังเอิญว่าเขาสามารถทำเงินได้มหาศาลจากการทำความสะอาดที่เกิดเหตุที่พบศwถูกคว้านไส้ออกหรืออ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยอุจจาระ

“อ่างอาบน้ำมีอุจจาระเต็มจนถึงขอบอ่าง ส้วมก็เต็มไปด้วยอุจจาระเช่นกัน ห้องครัวก็น่าขยะแขยง ที่พื้นก็มีเห็บหมัดคลานเต็มไปหมด” เขากล่าว

แล้วเรื่องนี้เริ่มต้นมาได้อย่างไร

ย้อนไปช่วงที่เบนทำงานเช็ดกระจกหน้าต่างในเขตคาร์ดิแกน ในมณฑลเซเรดิเจียน ลูกค้าคนหนึ่งของเขาสอบถามว่าเขารับทำความสะอาดบ้านที่ทิ้งร้างมาเป็นสิบปีด้วยหรือไม่

ด้วยอุปกรณ์ประจำกายที่มีมากกว่าพลาสติกโพลีเอสเตอร์คลุมหน้าเพียงเล็กน้อย การทำความสะอาดครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed finding outได้รับความนิยมสูงสุด

Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด

เบนบรรยายตอนที่เปิดประตูไปเจอกลิ่นเหม็นรุนแรงจนกระทั่งชายที่ไปช่วยงานเขาอีกคนหนึ่งถึงกับอาเจียนใส่หน้ากากที่สวมใส่

“เราต้องเอาหน้ากากของเขาออก อาเจียนของเขาตกลงบนพื้น แล้วตอนนั้นเราก็ต้องทำความสะอาดอาเจียนของเขาด้วยพร้อม ๆ กับบ้านหลังนั้นทั้งหลัง” เบนกล่าวติดตลก

เบนเรียกเก็บบิลค่าทำความสะอาดครั้งนั้นเป็นเงิน 2,000 ปอนด์ (ราว 86,390 บาท) และ “ไม่มีใครตั้งคำถามกับราคานั้นเลย” ซึ่งนั่นเป็นเวลาที่เขาตระหนักได้ว่าเขาได้พบกับเหมืองทองเข้าแล้ว

“ตอนนั้นพวกเราคิดว่า ‘เราหาเงินได้มากมายจากการทำสิ่งนี้ แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราต้องทำความสะอาด' ท้ายที่สุด เราก็รับทำความสะอาดทุกอย่างเลย”

ที่มาของภาพ : Owen Howells Photography

เบนบอกว่าเขา “เก็บและกดข่ม” อารมณ์ของเขาจากการเห็นและทำความสะอาดสถานที่ที่น่ากลัวเหล่านั้นด้วย

งานแรกของพวกเขาคือการทำความสะอาดสถานที่ที่มีชายคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในโรงนาและไม่มีใครเจอศwจนกระทั่งผ่านไปแล้วสองเดือน

ศwของชายผู้นั้นย่อยสลายรวมไปกับพื้นพรม ของเหลวจากศwไหลทะลุไปยังพื้นไม้และคอนกรีตด้านล่าง

“เราเปิดประตูออกมาและฝูงแมลงวันหัวเขียวก็บินผ่านเราไป เรานึกไม่ออกเลยว่าแมลงพวกนั้นมีเชื้อโรคอะไรอยู่บ้าง และเราต้องพยายามขัดถูเอาของเหลวสารคัดหลั่งของศwที่ฝังแน่นนาน 8 สัปดาห์ในพื้นคอนกรีตออกไป”

“มันเป็นเรื่องที่แย่มาก และเราไม่มีเบาะแสมาก่อนเลย”

“ผมจำได้ว่าเราเอาวิคส์ (ยาทาระเหยชนิดขี้ผึ้ง) จ่อไว้ใต้จมูกเรา เด็กหนุ่มคนหนึ่งไอและมีเปลือกส้มสองชิ้นพุ่งออกมาจากหน้ากากของเขา เขาใส่เปลือกส้มไว้ในหน้ากากเพื่อกลบกลิ่นเหม็น”

ที่มาของภาพ : Ben Giles

เบนเล่าเหตุการณ์การทำความสะอาดเชิงลึกครั้งแรกว่า เพื่อนร่วมงานของเขาถึงกับอาเจียนออกมาใส่หน้ากากที่สวมอยู่

คำเตือน: เนื้อหาถัดจากนี้มีเรื่องของซากสัตว์ทะเล

เบนเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ในการทำความสะอาดประเภทนี้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการทำความสะอาดวัตถุหรือสารอันตรายทางชีวภาพ จากการทำความสะอาดซอสมะเขือเทศออกจากโต๊ะทำงานในปี 2000

เขาอธิบายว่างานนี้ตลกมาก เพราะไม่ได้สะท้อนถึงงานจริงที่เขาจะทำเลย

ตอนนี้ผ่านไป 25 ปีแล้ว บริษัทของเขายังคงไม่ปฏิเสธงานใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บกวาดซากวาฬหนัก 20 ตัน อ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยเลืoด หรือสถานที่เกิดเหตุที่มีคนเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจากการมีสิ่งของอัดอยู่ในบ้านมากมาย เบนผ่านประสบการณ์มากมายทั้งหมดนั้นมาแล้ว

ที่มาของภาพ : Ben Giles

เบนและทีมงานของเขาตัดซากของวาฬฟินหนัก 20 ตันออกเป็นสองส่วน และยกของเสียขึ้นรถบรรทุกสองคันเพื่อนำไปกำจัด

แต่คำถามที่อยู่ในใจใครหลายคนเมื่อพวกเขารู้ว่าเบนทำอะไรอยู่คือ คำถามที่ว่ากลิ่นมันเป็นยังไง

เขากล่าวว่า กลิ่นของร่างกายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับไขมันในร่างกายของแต่ละคน แม้ว่าจะสลายตัวไปในระยะเวลาเท่ากันก็ตาม

“ถ้าหญิงชราหนักประมาณ 5 สโตน (ราว 31 กิโลกรัม) คุณสามารถเดินเข้าไปในบ้านแล้วไม่ได้กลิ่นอะไรเลย

“แล้วหากคุณเจอผู้ชายหรือผู้หญิงหนัก 20 สโตน (ราว 127 กิโลกรัม) ที่ถูกทิ้งไว้ในระยะเวลาเท่า ๆ กัน คุณก็จะได้กลิ่นมันตั้งแต่ที่ประตู”

ที่มาของภาพ : Owen Howells Photography

เบนกล่าวว่ามาตรฐานการทำความสะอาดเปลี่ยนไปอย่างมากในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา

เบนเติบโตมาในครอบครัวเกษตรกรที่ดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง เขาคุ้นเคยกับการคลุกอยู่ในกองปุ๋ยคอก และการช่วยพ่อของเขาทำคลอดลูกแกะที่เสียชีวิตแล้วออกจากท้องของแม่แกะ

เขาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 16 ปี และไม่สนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เขายังอยากอาศัยอยู่ในภาคกลางของเวลส์เช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงเริ่มงานทำความสะอาดหน้าต่าง

หลังจากเปลี่ยนมาทำงานที่น่าสยดสยองอย่างไม่คาดคิด ตอนนั้นเองที่เขาบอกว่า “ผมเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัว ผมเห็นแต่สัญลักษณ์ของเงินปอนด์”

จากช่วงร่วมต้นที่มีงาน 2-3 งานต่อเดือน ตอนนี้งานทำความสะอาดเชิงลึกของเขาเพิ่มเป็น 50-100 งานต่อสัปดาห์ และบริษัทของเขามักจะถูกเรียกใช้เมื่อตำรวจต้องการให้ทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ

ในขณะที่การทำความสะอาดส่วนใหญ่ใช้ตัวทำละลายและน้ำยาฆ่-าเชื้อจำนวนมาก แต่สำหรับคราบพรมทั่วไป เบนใช้วิธีการพื้นฐาน คือการใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น

“เช็ดด้วยน้ำยา แล้วใช้แก้วน้ำขัดคราบวนเป็นวงกลม โดยจับก้นฐานแก้วไว้ในฝ่ามือและปากแก้วกดไปที่บนพรม” เบนกล่าว

“การหมุนแก้วจะทำให้คราบความสกปรกไหลย้อนเข้าไปในแก้ว และเราสามารถเช็ดด้านในแก้วเพื่อกำจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ที่รวมอยู่ในนั้นได้”

ที่มาของภาพ : Ben Giles

ไม่มีงานใดที่เลวร้ายเกินกว่าที่เบนจะปฏิเสธได้ ตั้งแต่การทำความสะอาดบ้านของคนที่กักตุนของไปจนถึงซากวาฬหนัก 20 ตัน

เบนฝึกอบรมคนประมาณ 3,500 คนเพื่อทำความสะอาดลักษณะนี้ แต่เขายอมรับว่ามันไม่ใช่งานสำหรับทุกคน มันยากที่จะทิ้งความรู้สึกไว้ที่ประตูบ้านที่ได้เข้าไปทำความสะอาดและบางกรณีที่เขาเคยได้เข้าก็ไปทำก็ติดอยู่ในใจเขานานหลายปี

กรณีหนึ่งที่เขาเคยเจอ ชายคนหนึ่ง “ทุบตี” ภรรยาของเขา และทิ้งเธอไว้ในบ้าน 3 วัน จนกระทั่งเพื่อนบ้านมาพบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก่อนจะเสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล

“ในชีวิตผมไม่เคยเห็นอะไรที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย” เขากล่าว

เขาต้องเผชิญหน้ากับฉากที่ “ค่อนข้างจะสยดสยอง” เมื่อเข้าไปพบกับเลืoดที่สาดไปทั่วทั้งพื้นผิว

“นั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับผมในหลายทาง ผมเสียใจแทนผู้หญิงคนนี้มาก”

“นี่เป็นคนสองคนที่เป็นคนมีงานมีการเป็นหลักเป็นฐาน ผมไม่ยังเข้าใจจนถึงตอนนี้ว่าทำไมใครบางคนถึงตอบสนองแบบนั้นและพรากชีวิตคนอื่นไป”

“ผมไม่สามารถปล่อยให้ใจของผมคิดแบบนั้นได้เพราะมันค่อนข้างดำมืด”

เบนยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากลัวจากการถูกเรียกให้ไปเก็บกวาดบ้านที่มีสุนัขกัดลูกจนเสียชีวิต “ตอนที่เราทำความสะอาดอยู่ในห้องหนึ่ง เราได้ยินเสียงสะอื้นและเสียงร้องไห้จากพวกเขาในห้องข้าง ๆ”

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “มันมีช่วงเวลาแบบนั้นที่ผมต้องสวมหมวกในการทำงานไว้และทำงานให้เสร็จและตระหนักว่ามันเป็นงานของผม ผมเพียงแค่ต้องลงมือทำมันและก้าวออกไปจากจุดนั้นให้ได้”

“ผมเก็บและกดข่มอารมณ์ความรู้สึกเมื่อเจอเรื่องแบบนั้นเอาไว้”

วิธีที่เขารับมือเมื่อรับรู้เรื่องเลวร้ายจากการไปทำความสะอาดคือการออกไปเดินที่ชายหาด ตีกอล์ฟ หรือใช้เวลาอยู่กับวัวของเขา

ที่มาของภาพ : Ben Giles

เบนยกความดีความชอบให้ ลินด์เซย์ ภรรยาและครอบครัวของเขาสำหรับการเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” เพื่อรับมือกับงานที่ทรหดและน่าสยดสยอง

เมื่อเบนเริ่มเขียนอัตชีวประวัติของตัวเองเรื่อง The Existence of a Crime Scene Cleaner ชีวิตของคนทำความสะอาดที่เกิดเหตุ เขาจึงเริ่มเปิดเผยความรู้สึกต่อสิ่งที่ได้พบเห็น

“มันเหมือนกับว่าอารมณ์ต่าง ๆ ลอยขึ้นมาอยู่บนพื้นผิว ผมไม่อาจเรียกมันว่าเป็นการบำบัด เพราะผมบอกไม่ได้ว่าผมรู้สึกดีขึ้น แต่ผมแค่ปล่อยมันออกไป” เขายอมรับ

“ผมมีชื่อเรื่องในใจสำหรับแต่ละเรื่องราวที่เจอ และตอนที่ผมเริ่มเขียนถึงแต่ละเรื่อง ผมก็เริ่มร้องไห้ออกมา”

เบนยกความดีความชอบให้กับภรรยาในการเป็นผู้สนับสนุนเขาในยามที่เขาเผชิญกับความว้าวุ่นทางอารมณ์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการงาน

“ผมรู้ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน เมื่อผมกลับบ้าน ผมจะได้อยู่ในที่ปลอดภัยท่ามกลางคนที่ผมรักและรักผม”