
เบื้องหลังความสำเร็จของซีรีส์ Ladies' treasure ไทย “พื้นที่ปลอดภัย” ของแซฟฟิกนานาชาติ

ที่มาของภาพ : GMMTV / handout
- Creator, นงนภัส พัฒน์แช่ม
- Characteristic, ผู้สื่อข่าว.
จากความสำเร็จอย่างล้นหลามของ “GAP the series ทฤษฎีสีชมพู” ในปี 2022 ที่สร้างปรากฏการณ์ซีรีส์ GL ไทยแบบเต็มตัวที่ออกอากาศในช่องฟรีทีวี ได้บุกเบิกเส้นทางให้ผู้ผลิตหลายรายเข้ามาร่วมแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมนี้ที่มีการประเมินมูลค่าไว้ปีละหลักพันล้านบาท
เส้นทางซีรีส์ GL หรือ Ladies' Appreciate หรือ ยูริไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่กี่ปี โดยในปี 2024 มีผลงานซีรีส์ของผู้ผลิตชาวไทยเกือบ 20 เรื่อง และความสำเร็จยังสะท้อนผ่านคู่นักแสดงนำที่จัดเดินสายแฟนมีตในหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา
.พูดคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนักแสดงและผู้กำกับที่อยู่เบื้องหลังการผลิตซีรีส์ GLและผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมแฟนคลับและสื่อ LGBTQ จากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ในสหราชอาณาจักร เพื่อหาคำตอบว่าเหตุใดซีรีส์ GL ไทยจึงเติบโตเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังก้าวเข้าสู่ระดับสากล
จากการ “ทดลอง”
“เหมือนวันที่เราเริ่มทำ Boys' Appreciate (BL) ครับ ตอนแรกเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจหรอก ทีนี้ตัวเองในฐานะผู้กำกับได้ทดลองใส่คู่หญิง-หญิง ลงไปในเรื่องที่เป็น BL ก็คือคู่น้องมิลค์น้องเลิฟนี่แหละครับ ในเรื่องแค่เพื่อนครับเพื่อน” นพณัช ชัยวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่าย Dispute material Production จาก GMMTV เล่าให้.ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการทำซีรีส์ GL ของบริษัท
“เราก็เห็นว่ามันมีกระแส มันมีคนพูดถึงคู่นี้อย่างมีนัย อย่างเห็นได้ชัด แล้วก็เริ่มมีคนเรียกร้องว่า ควรจะมีซีรีส์หญิง-หญิงเป็นคู่หลักได้เลยนะ จากนั้นเราก็เริ่มทดลองกับเรื่องหญิง-หญิง เป็นคู่หลัก คือเรื่อง 23.5 องศาที่โลกเอียง” เขาระบุ
ซีรีส์เรื่อง “แค่เพื่อนครับเพื่อน” ที่นพณัชกำกับ เป็นซีรีส์ BL หรือ Boys' Appreciate ของ GMMTV ที่เริ่มใส่คู่ GL เข้าไปเป็นคู่รองของเรื่อง และให้ตอนจบที่สมหวัง ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศในปี 2021 ก่อนที่ในเดือน มี.ค. ปี 2024 GMMTV จะมีซีรีส์ GL เต็มตัวออกอากาศเป็นเรื่องแรก คือเรื่อง “23.5 องศาที่โลกเอียง”

ที่มาของภาพ : Wasawat Lukharang / BBC Thai
นพณัชบอกว่าขณะนั้นเขาอยากทดลองพูดถึงความสัมพันธ์หญิง-หญิง ในฐานะที่ชอบทำงานซึ่งพูดถึงความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว และพอเริ่มมีเสียงเรียกร้องจากคนดู ประกอบกับมองเห็นโอกาสทางการตลาด GMMTV จึงเริ่มผลิตซีรีส์ GL อย่างเต็มตัว
“เอาจริง ๆ ไม่ได้คิดเลยว่าคนจะจิ้นพวกเราไปในทิศทางไหน เพราะว่าตอนนั้นเราคือตัวละครที่อยู่ในเรื่องนั้นค่ะ แล้วพอมีคนชอบเคมีของพวกเราขึ้นมามันก็เลยได้รับการสานต่อมาอีกทีนึง ก็รู้สึกดีใจ” พรรษา วอสเบียน หรือ “มิลค์” นักแสดง GL ผู้รับบทนำในซีรีส์ทั้งสองเรื่องข้างต้น บอกกับ.
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุดDiscontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด
“เลิฟรู้สึกว่า ณ ตอนนั้นเราตั้งใจกับงานที่เราทำ แล้วก็เหมือนเป็นตัวละครลับ ความสัมพันธ์ลับที่มันค่อย ๆ เปิดไปเรื่อย ๆ ก็ลุ้นไปกับแฟนคลับเหมือนกันว่าเขาจะรู้ไหมว่าอิ๊ง-ภามีจริงนะ” ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร หรือ “เลิฟ” นักแสดงคู่กล่าวเสริม “ถ้าถามถึง ณ ตอนนั้นก็ถือว่าเกินความคาดหวัง ความคิดของเราด้วยซ้ำ ว่าเราจะอยู่ตรงนี้ค่ะ ก็รู้สึกว่ามันทำให้เราได้เห็นว่า replace (อุตสาหกรรม) นี้มันแข็งแรงจริง ๆ”

ที่มาของภาพ : Napasin Samkaewcham / BBC Thai
สู่ธุรกิจที่มีมูลค่าการตลาดหลักพันล้าน
ข้อมูลจาก Rocket Media Lab ที่สำรวจจักรวาลซีรีส์ GL ไทย ย้อนไปตั้งแต่ปี 2013 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2025 พบว่าในห้วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมา มีคู่ GL ในซีรีส์ไทยทั้งหมด 51 เรื่อง และมีนักแสดงคู่จิ้นรวม 38 คู่
รายงานดังกล่าวระบุว่า ในซีรีส์ GL ยุคเริ่มแรก ตัวละครมักจบลงด้วยความไม่สมหวัง จนกระทั่งเห็นพัฒนาการสำคัญในปี 2021 ที่มีการปรากฏตัวของคู่ “อิ๊งค์-ภา” คู่ GL คู่รองในซีรีส์ BL “Rotten Buddy Sequence แค่เพื่อนครับเพื่อน” สร้างปรากฏการณ์คู่จิ้น มิ้ลค์เลิฟ และผู้จัดก็ต่อยอดทำมินิซีรีส์ นำเสนอคู่นี้โดยเฉพาะ
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ปี 2022 ที่ “GAP The Sequence ทฤษฎีสีชมพู” ของคู่ “ฟรีน-เบค” ที่เป็นซีรีส์ GL เต็มตัวซึ่งมีการออกอากาศผ่านช่องฟรีทีวีหลักอย่างช่อง 3 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยยอดชมแบบ un-slash บนยูทิวบ์กว่า 300 ล้านครั้ง ทำให้หลังจากนั้นเกิดความตื่นตัวในการผลิตซีรีส์ GL เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2024 มีการผลิตซีรี GL ส์มากถึง 21 เรื่อง สูงที่สุดในรอบทศวรรษ

ที่มาของภาพ : Wasawat Lukharang / BBC Thai
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เคยประเมินไว้เมื่อเดือน ม.ค. ว่าในปี 2025 ซีรีส์วายของไทย จะมีมูลค่าตลาดรวม 4,900 ล้านบาท ตามกระแสความนิยมของภาพยนตร์และซีรีส์วายที่เพิ่มขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยจะมีสัดส่วนของซีรีส์วายต่อมูลค่าการผลิตสื่อบันเทิงของไทยอยู่ที่ 3.9% เพิ่มขึ้นมาจากในปี 2019 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 0.7%
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการประมาณการณ์รวมทั้งซีรีส์ BL และ GL ทำให้ไม่ชัดเจนว่ามูลค่าการตลาดของ GL เพียงอย่างเดียวมีเท่าไหร่กันแน่ แต่การเติบโตของมูลค่าการตลาดในภาพรวมก็สอดคล้องกับการเติบโตของซีรีส์ GL ในไทยที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
วัฒนธรรมจิ้นนอกจอ
ความนิยมของซีรีส์ประเภทนี้ในระดับสากลยังสะท้อนผ่านการจัดงานแฟนมีตในต่างประเทศ ข้อมูลที่ Rocket Media Lab รวบรวมพบว่ามีนักแสดง GL หลายคู่ เดินสายจัดแฟนมีตในหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา
“ในแถบ ๆ เอเชีย ญี่ปุ่น ใด ๆ นี้ เราไปมาหมดแล้ว ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ข้อมูลที่ผมรู้นี่ไปมาหมดแล้ว” รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่าย Dispute material Production จาก GMMTV บอกกับ. เขาเสริมว่าในการจัดแฟนมีตที่พานักแสดง GL ไทยออกไปพบปะแฟนคลับในต่างประเทศนั้น ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก บัตรต่าง ๆ ก็ขายหมด และยังพบว่ามีแฟนคลับจากประเทศอื่น ๆ บินตามมาร่วมงานด้วย

ที่มาของภาพ : Napasin Samkaewcham / BBC Thai
ในมุมมองของแฟนคลับซีรีส์ประเภทนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ คือจุดเด่นหนึ่งของซีรีส์ GL ไทย ที่หาไม่ได้ในวัฒนธรรมอื่น ๆ
“เทียบกับ K-Pop หรือ E-Pop (หมายความถึง digital pop ซึ่งเป็นแนวดนตรีแบบหนึ่ง) แล้ว ฉันคิดว่านักแสดงหญิงของไทยพยายามเต็มที่ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับ ในบัญชีอินสตาแกรมของพวกเธอ พวกเธอจะพยายามมีปฏิสัมพันธ์มากกว่า เช่นการมีห้องแช็ตในอินสตาแกรมหรือในไลน์ ตอนแรกฉันก็ไม่ชินกับวัฒนธรรมใหม่นี้ แต่มันให้ความรู้สึกดีจริง ๆ” ตัน จืออี แฟนคลับชาวสิงคโปร์ บอกกับ.
“พวกเธอไม่ได้แสดงออกว่าพวกเธอทำแค่เพื่อการแสดง พวกเธอทำเหมือนกับว่ามาเพื่อสร้างอะไรบางอย่างต่อ เมื่อเปรียบเทียบกับซีรีส์เกาหลีหรือจีน โดยปกติแล้วพอจบซีรีส์เรื่องหนึ่ง พวกเขาก็จะไปเล่นเรื่องอื่น ๆ ต่อ และแสดงคู่กับคนอื่นแทน แต่นักแสดง GL และ BL ยังคงอยู่ด้วยกันและสร้างสิ่งต่าง ๆ ร่วมกัน ฉันคิดว่ามิตรภาพของพวกเขาคือเรื่องจริง” เธอกล่าว

ที่มาของภาพ : GMMTV / handout
จืออียังเล่าด้วยว่า การติดตามซีรีส์ GL ไทย ทำให้เธอได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาไทยหลายคำ ทั้งคำเรียกสมาชิกในครอบครัว และวลีสั้น ๆ เช่น “ฉันไม่ชอบ” หรือ “ฉันรักคุณ” นอกจากนี้ มันยังเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้ง
“ฉันดู GL ของไต้หวันเหมือนกัน จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ไม่ได้อินกับมันขนาดนั้น หมายถึงว่ามันก็ดีนะ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกเชื่อมต่อกับมันมากเมื่อเทียบกับของไทย เหมือนที่ฉันบอกว่านักแสดงไทยชอบสานสัมพันธ์กับแฟน ๆ เปรียบเทียบกับไต้หวันหรือแม้แต่เกาหลีจะเป็นเหมือนกับการแสดงที่แค่ครั้งเดียวแล้วจบ หรือหากจะมีซีซั่นสองก็คงจะใช้เวลาอีกเป็นปี มันไม่ได้แย่นะ ฉันมีความสุขในการดูซีรีส์ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเธอ นักแสดงนำ จะเป็นคนที่ฉันชื่นชมมาก ๆ หรือเป็นคนที่ฉันอยากเรียนรู้อะไรด้วย” จืออี สะท้อน
“ในสังคมของ GL ไทย มันเหมือนกับว่า หลังจากซีรีส์จบแล้ว ถ้าคุณติดตามพวกเธอ นักแสดง ต่อ พวกเธอสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เช่น หลิง-ออม ก็เป็นเพื่อนกันจริง ๆ และคุณจะยังได้เห็นนักแสดงเป็นแอมบาสเดอร์ร่วมกันให้กับแบรนด์ต่าง ๆ”

ที่มาของภาพ : Wasawat Lukharang / BBC Thai
ในมุมของนักแสดง GL ไทย เช่น มิ้ลค์-เลิฟ มองว่าสาเหตุที่ทำให้ GL ไทยกำลังเติบโตในระดับสากล ส่วนหนึ่งเพราะมีหลากหลายเรื่องราวที่สะท้อนหลายรูปแบบของความรัก และความตั้งใจในบทบาทที่ได้รับของนักแสดง
“มันอาจจะไม่ใช่แค่ที่ไทย ทุกพื้นที่ทุกคาแรคเตอร์ของแต่ละคนที่แสดงออกมามันมีเสน่ห์ของตัวละครนั้น ๆ ทุกคนมีเอกลักษณ์ ทุกคนมีเสน่ห์ แล้วพอทุกคนเข้าตัวละครก็สามารถสื่อให้คนดูได้ดี มันอาจจะไม่ได้จำกัดแค่ที่ไทย อาจจะเป็นทุกที่บนโลกใบนี้ที่เขาแสดงออกมาว่า เฮ้ย ความรักแบบนี้มันเป็นแบบนี้นะ แล้วคุณล่ะรู้สึกยังไง” พรรษา หรือ มิลค์ กล่าว
“สำหรับเลิฟรู้สึกว่าด้วยมันมีหลายเรื่องให้คนได้มาลองดูอะไรอย่างนี้ค่ะ เหมือนเราก็มีหลาย genre (ประเภท) ดราม่า รอมคอมใด ๆ อย่างนี้ แล้วเลิฟเชื่อว่าทุก ๆ เรื่อง ทุกคนตั้งใจทำงาน แล้วเคมีมันก็เลยเกิดขึ้น ความน่ารัก ความเป็นธรรมชาติมันก็เลยกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้านเรา” ภัทรานิษฐ์ หรือ เลิฟ กล่าวเสริม
ศูนย์รวมใจแซฟฟิก
แต่ปัจจัยอะไรอีกบ้างที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ?
ในรายงานการศึกษาเรื่องอุตสาหกรรมสื่อ Ladies' Appreciate ที่เกิดขึ้นใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง ผศ.ดร.อีวา เชิร์ค ยิน ลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสื่อและวัฒนธรรมศึกษา จากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ ในสหราชอาณาจักร มีส่วนร่วมในการวิจัย พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อ GL กับกลุ่มคนดูหลักซึ่งเป็นกลุ่มเควียร์ (odd) ทำให้ความคาดหวังไม่เหมือนกับ BL ที่ตอบสนองจินตนาการของผู้หญิงเกี่ยวกับรักร่วมเพศชาย โดยซีรีส์วายทั้งสองประเภทนี้มักจะมีตอนจบที่สมหวัง และได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือเพื่อน ๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมแฟนคลับและสื่อ LGBTQ รายนี้ สะท้อนมุมมองจากการสังเกตปรากฏการณ์ซีรีส์ GL ไทยว่า การเติบโตของซีรีส์ประเภทนี้ “น่าทึ่งมาก” จากซีรีส์ที่ออกอากาศผ่านโทรทัศน์เต็มตัวเรื่องแรกอย่าง “GAP ทฤษฎีสีชมพู” ในปี 2022 ในปี 2023 มีซีรีส์ GL ออกอากาศ 2 เรื่อง และในปี 2024 ที่ผ่านมามีซีรีส์ออกอากาศเกือบ 20 เรื่อง ซึ่งนับว่าน่าทึ่งในแง่ของพัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

ที่มาของภาพ : Wasawat Lukharang / BBC Thai
เธอเปิดเผยว่าจากการสังเกตปฏิสัมพันธ์ของแฟน ๆ ในช่องทางออนไลน์ เช่น การใส่อีโมจิธงชาติไว้ในคอมเมนต์ พบว่าซีรีส์ GL ไทย มีแฟน ๆ ผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมากจากเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ดังนั้นจึงค่อนข้างจะอยู่ในระดับสากลแล้ว อย่างไรก็ตาม แฟน ๆ จากยุโรป หรืออเมริกาเหนือ ยังถือว่ามีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
ผศ.ดร.อีวา มองว่า ปัจจัยที่ทำให้ซีรีส์ GL เติบโตอย่างรวดเร็วในระดับสากล เป็นเพราะนำเสนอความรักที่สมหวังของกลุ่มหญิงรักหญิง ซึ่งเป็นมุมมองที่แปลกใหม่ในระดับโลก เพราะแม้แต่ฮอลลีวูดเองก็มักจะสะท้อนภาพความรักของกลุ่มนี้ด้วยตอนจบที่ไม่สมหวังหรือโศกนาฏกรรม
“เมื่อเราดูทั่วโลก การบอกเล่าเรื่องราวในโทรทัศน์เกี่ยวกับความรักเพศเดียวกันระหว่างผู้หญิง มันค่อนข้างจะจำกัด แม้กระทั่งในฮอลลีวูดเอง และบ่อยครั้งที่เราจะเห็นตัวละครที่เป็นหญิงรักหญิงถูกฆ่-าในจอ หรือไม่พวกเธอก็จะประสบกับตอนจบที่ไม่สมหวังหรือเป็นโศกนาฏกรรม นี่คือสิ่งที่เราเรียกมัน ผู้คนเรียกมันว่า “เลสเบี้ยนซินโดรม” คือตัวละครที่เป็น LGBT มักจะมีชีวิตที่แสนเศร้าบนจอ” ผศ.ดร.อีวา ระบุ
“สิ่งที่ทำให้ให้ซีรีส์ GL ไทยโดดเด่นขึ้นมาจากตัวอย่างทั้งหมดนี้ เพราะนำเสนอตัวละครที่เติมเต็มทางด้านจิตใจมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คู่ต่าง ๆ อาจเผชิญอุปสรรค แต่โดยส่วนมากพวกเขาก็มักจะมีความสัมพันธ์หรือตอนจบที่สุขสมหวัง” เธอกล่าว
นักวิชาการรายนี้ยังเสริมด้วยว่า ปัจจัยเรื่องการเข้าถึงก็มีผลในดูดคนดูจากต่างชาติเช่นกัน เพราะนอกจากจะนำเสนอความรักระหว่างหญิง-หญิง ในรูปแบบที่สวยงาม และ “ให้ความหวัง” กับคนดูซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหญิงรักหญิงแล้ว ซีรีส์ GL หลายเรื่องยังเข้าถึงได้ง่าย เช่น ออกอากาศผ่านยูทิวบ์โดยมีซับไตเติลหลายภาษา รองรับผู้คนจากหลายประเทศ

ที่มาของภาพ : Wasawat Lukharang / BBC Thai
เรณุกา สองเมือง เจ้าของเพจ “Thai GL จะแมสได้ยัง ?” ติดตามพัฒนาการความสัมพันธ์ของตัวละครหญิง-หญิง ในละครไทย มาตั้งแต่วันที่ยังไม่มีการผลิตซีรีส์ GL อย่างเต็มตัว
“10 ปีกว่า ตอนนั้นก็จะมีฮอร์โมนส์ (หมายถึงซีรีส์เรื่อง ‘ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น') แล้วไหมคะ ถ้าฮอร์โมนส์ก็จะมีก้อย-ดาว ณ ตอนนั้น แล้วก็ถ้าสื่อใหญ่หน่อยก็จะมีพวกคลับฟรายเดย์ ที่เป็นหญิงรักหญิง แต่ตอนจบเป็นยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง” เธอหัวเราะในตอนท้าย
เรณุกา ติดตามตัวละครหญิงรักหญิงในซีรีส์ไทยมาตั้งแต่คู่ตัวละครหญิง-หญิง ยังเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คู่ในเรื่อง หรือแม้แต่ให้ตอนจบที่ไม่สมหวัง หลายครั้งที่เธอไล่ดูละครทั้งเรื่อง เพื่อรอดูปฏิสัมพันธ์ของตัวละครหญิง-หญิง ที่มีอยู่ไม่กี่ฉากในเรื่อง
เธอเริ่มตัดคลิปวิดีโอรวบรวมความสัมพันธ์ของคู่รักหญิง-หญิง ในละครไทยเรื่องต่าง ๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และโพสต์ลงช่องยูทิวบ์และพบว่ายอดคนดูแตะหลักหมื่นหลักแสนภายในสัปดาห์เดียว
“ส่วนมากจะอยู่ในซิทคอมค่ะ ซิทคอมของทางเวิร์คพอยท์ เขาก็จะใส่มาบ้าง เราก็ไปหา ๆ ๆ รวบรวม ๆ แล้วก็ลงไป ในระยะเวลาสั้น ๆ ยอดวิวก็ค่อนข้างดีมากจริง ๆ แตะหลักแสนหลายคลิปมาก แล้วเราก็เลยเห็นว่ามีคนดูจริง ๆ แล้วเขาก็จะมาคอมเมนต์กันประมาณว่า อยากให้มีคนทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว รอมานานแล้ว ตามเพจนี้ จะตามไปดูเพราะว่าเพจนี้เลย อะไรอย่างนี้ค่ะ” เรณุกาเล่า

ที่มาของภาพ : Ranuka Songmuang / handout
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ผู้เป็นเจ้าของเพจติดตามความเคลื่อนไหวซีรีส์ GL ไทยรายนี้ มองว่าจากประสบการณ์ตรงจากช่องยูทิวบ์ของเธอเอง สะท้อนว่า “ตลาด” ของผู้ที่รอติดตามซีรีส์ประเภทนี้ มีมาก่อนแล้ว
เรณุกาบอกว่าเธอไม่อินกับซีรีส์ไทยที่มีตัวละครหลักเป็นชาย-หญิง เลย เพราะไม่สะท้อนตัวตนของเธอ
“อาจจะด้วยชีวิตเรา เราเป็นแซฟฟิก เป็นหญิงรักหญิงมาตั้งแต่แบบ อนุบาลแล้ว” เธอเปิดเผย “แน่นอนว่าทุกคนดูหน้าสื่อมันก็จะมีสื่อชาย-หญิง เมื่อก่อนสื่อชาย-ชายก็ยังจะแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ เราก็แค่รู้สึกว่าเราอยากจะรู้จังเลยว่าจะมีไหมใครที่จะ add on ใส่ ชีวิตของการเป็นหญิงรักหญิงให้เราเห็นในสื่อบ้าง ว่าจริง ๆ แล้วความหลากหลายของในประเทศนี้หรือในโลกนี้มันไม่ได้มีแค่คู่ชาย-หญิงนะ” เรณุการะบุ
ทั้งนี้ “แซฟฟิก” เป็นคำศัพท์ที่มีความหมายค่อนข้างกว้าง โดยครอบคลุมบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่ชอบผู้หญิง ซึ่งหมายรวมกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม ทั้งเลสเบี้ยน, ไบเซ็กชวล, เควียร์, นอนไบนารี ฯลฯ
นี่สอดคล้องกับความคิดเห็นของ ลุยซา ซี ติ๊กตอกเกอร์ชาวบราซิลที่อาศัยในโปรตุเกส ผู้ติดตามซีรีส์ GL ของไทย ที่มองว่าซีรีส์ GL ไทยให้ความหวังว่าเธอสามารถจะเจอกับความรักที่สุขสมหวังได้
“ซีรีส์ GL ไทย เป็นหนึ่งในซีรีส์ GL แรก ๆ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าความรักระหว่างผู้หญิงสองคนสามารถเป็นเรื่องหลักได้ ไม่แค่เรื่องรอง” ลุยซากล่าว “มันสวยงามมากในวิธีการที่พวกเขาสานสัมพันธ์กัน วิธีการที่พวกเขานำเสนอความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ความยากลำบาก และอารมณ์ต่าง ๆ”
“GL ไทยจบแบบสมหวังตลอด และเรามีความสุขที่มันเป็นแบบนี้ ที่เราไม่ต้องกังวลว่าตัวละครคู่นี้จะถูกกำจัด หรือพวกเธอจะจบไม่สวย ไม่เลย เรารู้ว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะได้คู่กัน และมันก็ทำให้รู้สึกดี เรารู้สึกได้รับการยอมรับ” เธอกล่าวกับ.

ที่มาของภาพ : Luiza Z. / handout
ด้านนักวิชาการอย่าง ผศ.ดร.อีวา มองว่าวัฒนธรรมในซีรีส์ GL ไทยที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ นอกจอ รวมถึงงานแฟนมีตนั้น เสมือนเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ให้กับกลุ่มคนดู
“สำหรับงานแฟนมีต มันเป็นสถานที่ที่คนรู้สึกปลอดภัยได้จริง ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์หรือไม่ เป็นเลสเบี้ยนหรือไม่ นี่คือสถานที่ที่คุณจะรู้สึกว่าทุกคนซัพพอร์ตคุณ เป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนกับงานไพรด์หรืออีเวนต์ต่าง ๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากไปงานไพรด์ เพราะในบางสถานที่มันเหมือนกับการแปะป้ายว่า ถ้าคุณไปงานไพรด์ คุณไม่ใช่คนที่ชอบเพศตรงข้ามนะ” ผศ.ดร.อีวา ระบุ
“แต่สำหรับงานแฟนมีต มันเหมือนกับว่า โอเค คุณชอบไอดอล คุณอาจจะคิดว่าพวกเธอสวย หรือคุณอาจจะเป็นเลสเบี้ยน คุณก็เลยอยากไปอยู่ตรงนั้น แต่ไม่มีใครมาตั้งคำถามจริง ๆ หรอก ทุกคนคิดว่ามันคือพื้นที่แห่งความสุข ความปลอดภัย และการได้มีส่วนร่วม” เธอวิเคราะห์

ที่มาของภาพ : Luiza Z. / handout
ในมุมของแฟนคลับ ซีรีส์ GL ยังอาจมีผลเปลี่ยนสายตาคนนอกที่มองเข้ามายังกลุ่มหญิงรักหญิงด้วย
“อย่างน้อย ๆ ผู้ใหญ่เวลาเขาดูทีวีแล้วเขาเห็น เขาจะมองว่ามันปกติมากขึ้น อย่างแม่แคทดูหลิง-ออม เขาเปิดทีวีแล้วเจอใจซ่อนรัก เขาก็บอกว่าเนี่ยชอบเรื่องนี้ หมอสวย” เรณุกา ที่มีชื่อเล่นว่า แคท เล่าให้.ฟัง
“คิดว่าคนที่ดูทีวี หมายถึงผู้ใหญ่ที่ดูทีวีแล้วเขาเห็นสื่อในหน้าทีวีมากขึ้น เขาก็คงน่าจะค่อย ๆ ซึมซับ หรือว่าค่อย ๆ รู้สึกว่ายอมรับได้ ในแง่ของว่าทำไมถึงมีสื่อนี้ ทำไมถึงไม่ใช่ชายหญิง การตั้งคำถามก็อาจจะน้อยลง” เธอกล่าว
“แม้ว่ายุโรปจะเปิดมาก ๆ เกี่ยวกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน ฉันเห็นด้วย ฉันไม่เคยรู้สึกว่าถูกเหยียดที่นี่ แต่พวกเราก็มีความอึดอัดอยู่ภายใน อยู่ในตัวเราเอง ที่ฉันคิดว่าบางทีสภาพแวดล้อมภายนอกก็ไม่ได้รองรับได้ทั้งหมด ดังนั้นความอึดอัดที่อยู่ภายใน ฉันคิดว่า GL ไทย ช่วยพวกเราในสิ่งนี้ มันเข้าถึงระดับของจิตวิญญาณได้มากกว่าสิ่งอื่นใด” ลุยซา กล่าว
ก้าวต่อไปของ GL ไทย
นพณัช มองว่าปัจจุบันซีรีส์ GL ไทย สามารถตีตลาดในแถบเอเชียได้แล้ว จากกระแสตอบรับในการจัดแฟนมีตของคู่ GL ใน GMMTV ที่ประเทศต่าง ๆ ในแถบนี้ สำหรับเป้าหมายต่อไป เขาหวังจะพา GL ไทยตีตลาดยุโรป ตามรอยซีรีส์ BL ที่มีการไปจัดแฟนมีตในประเทศแถบยุโรปมาบ้างแล้ว
“ผมเชื่อว่านอกจากเรา ตอนนี้กลุ่มผู้ผลิตยูริเอง ก็พยายามผลักดันคอนเทนต์ยูริจากไทยให้ไปสู่ในตลาดสากลให้ได้มากที่สุด ผมคิดว่าตอนนี้มันอยู่ในกระบวนการที่กำลังผลักดัน” รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่าย Dispute material Production ของ GMMTV เปิดเผย
“คราวนี้มันอาจจะต้องขึ้นอยู่กับคอนเทนต์นั้นว่า คอนเทนต์นั้นมันประสบความสำเร็จแค่ไหน มันได้รับความนิยมแค่ไหน ซึ่งมันสัมพันธ์กันกับเรื่องว่าพอซีรีส์ที่มีกระแสมันทำให้น้อง ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น น้อง ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้เดินทางไปพบปะแฟน ๆ ในต่างประเทศมากขึ้น ผมคิดว่า สิ่งนี้จะเกิด ในอนาคตอันใกล้ เพราะตอนนี้เราอาจจะเริ่มเห็นผลผลิตจากนักแสดงที่มาจากซีรีส์ยูริ” เขากล่าว

ที่มาของภาพ : Tan Zie Yee / handout
“ในยุโรป มันยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่สามารถเป็นได้ ฉันคงต้องบอกว่ามันยังไม่ได้เป็นกระแสหลัก แต่ฉันก็เห็นการเติบโตชัด ๆ อยู่นะ จากการที่ฉันได้รับคอมเมนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ จากคนดูในโปรตุเกส และจากประเทศอื่น ๆ” ลุยซา ผู้ทำช่องติ๊กตอกเกี่ยวกับซีรีส์ GL ไทยระบุ โดยช่องติ๊กตอก @theotherlu ของเธอมีผู้ติดตามกว่า 22,000 คน และมียอดไลก์รวมกว่า 2.9 ล้านครั้ง
“ฉันคิดว่า GL ไทย มีศักยภาพมากมายที่จะเติบโตเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และฉันหวังว่าฉันจะสามารถเผยแพร่สิ่งนี้ให้กับทุกคนด้วยในช่องทางเล็ก ๆ ของฉัน” เธอกล่าว
ท่ามกลางการเติบโตของซีรีส์ GL ไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์เป็นห่วงสภาพการทำงานของคนในอุตสาหกรรมนี้
“ลองคิดถึงตารางงานของนักแสดง พวกเธอทำงานเกินเวลาหรือเปล่า ดูอย่างที่พวกเธอมีงานแฟนมีตจำนวนมาก และจากนั้นก็ไปถ่ายทำ และจากนั้นก็ไปร่วมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ด้วย” ผศ.ดร.อีวา ระบุ “จากมุมมองด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรมนี้ คุณให้พื้นที่มากเพียงพอสำหรับนักแสดงและคนเบื้องหลังอื่น ๆ ในการพัฒนาฝีมือหรือเปล่า คุณให้พื้นที่กับพวกเธอมากเพียงพอในการพัฒนาตัวละครของพวกเธอหรือเปล่า”
เธอยังมองด้วยว่าอีกสิ่งที่ยังพัฒนาได้อีกในอุตสาหกรรมนี้ คือการนำเสนอเรื่องราวความรักระหว่างผู้หญิงในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น และไม่จำกัดเฉพาะคู่ผู้หญิงผมยาวสองคนเท่านั้น
“ตอนนี้เท่าที่เรามองเห็น… ตัวละครหลักในซีรีส์ GL ไทย จะมีลักษณะที่ค่อนข้างเป็นสาว (feminine) ถึงแม้ว่าบางคนจะมีลักษณะนิสัยที่แข็งแกร่ง แต่ว่ารูปลักษณ์ก็จะออกมาเป็นผู้หญิงผมยาว” ผศ.ดร.อีวา สะท้อน “ในชีวิตจริงกลุ่มหญิงรักหญิงมีหลายรูปร่างลักษณะมาก ดังนั้นฉันคิดว่ายังมีความกังวลอยู่บางส่วนเกี่ยวกับความหลากหลายในการนำเสนอ”
และความหลากหลายนี้ก็อยู่ในความคาดหวังของแฟนคลับส่วนหนึ่งเช่นกัน
“ตอนนี้เราอยู่ในยุคของการสมรสเท่าเทียมแล้ว แคทคิดว่าน่าจะอยู่ในจุดหนึ่งที่ดีกับ community (ชุมชน) ด้วย หมายถึงว่าเราก็สามารถใช้ชีวิตเปิดเผย มีกฎหมายรองรับแล้ว” เรณุกา ระบุ
“ในแง่ของการยอมรับของสังคม แคทคิดว่าจริง ๆ ไปได้อีก เพราะคิดว่ายังมีความหลากหลายของแซฟฟิกเองที่ยังไม่ได้เห็นในสื่อบางอย่าง เช่น ตอนนี้คนอาจจะชอบผู้หญิงสองคนรักกัน จนบางทีอาจจะกีดกันบางกลุ่มออกไป”
“แคทคิดว่าถ้ามีความหลากหลายในแง่ของ persona (ตัวละคร) มากขึ้นอีก แล้วคนได้เห็นมากขึ้นอีก ได้เห็นแบบ ทอมดี้มากขึ้น มีแซฟฟิกหวาน ๆ เหมือนกันทั้งคู่ ในปริมาณที่มันมากพอ ๆ กัน… แคทคิดว่าถ้าไปถึงจุดนั้นที่ความหลากหลายเป็นความหลากหลายที่แท้จริง คิดว่าไปถึงจุดนั้นได้และอยากให้ไปถึงจุดนั้นเลย” เธอกล่าวทิ้งท้าย












