
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลอาญา-วินัย อดีตสารวัตรใน อ.หาดใหญ่ เรียกเงิน 2 หมื่น แลกไม่ดำเนินคดีขับจักรยานยนต์ฝ่าด่านสกัด
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติชี้มูลพันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ อดีตสารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กรณีเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับเงิน เรียกรับเงินในการปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านจุดตรวจ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ในฐานะสารวัตรป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเป็นผู้บังคับบัญชาของชุดปฏิบัติหน้าที่สายตรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 ตามคำสั่งงานป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ที่ 11/2565 เรื่อง มอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ของราชการตำรวจงานป้องกันปราบปราม ประจำวันที่ 1-15 มีนาคม 2565 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 และในวันเกิดเหตุโดยชุดปฏิบัติหน้าที่สายตรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้ตั้งจุดสกัดบริเวณหน้าตลาดนัดเกาะหมี ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเริ่มตั้งจุดสกัดเมื่อเวลาเวลา 22.40 น. – 23.15 น.
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติหน้าที่สายตรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจนั้นในเวลาประมาณ 23.00 น. ได้มีผู้เสียหายขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด โฟกัส สีดำ เข้ามาทางจุดสกัดด้วยความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจจึงให้สัญญานไฟเพื่อให้ ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวจอดเพื่อขออนุญาตตรวจค้น แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายขับผ่านจุดสกัด เจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้รถจักรยานยนต์สายตรวจของทางราชการติดตามให้สัญญาณไฟและเสียงแตรเพื่อให้หยุด จนหยุดรถที่บริเวณแยกป่าไม้ ถนนกาญจนวนิช ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวและขอตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมา จึงได้มีการเชิญตัวผู้เสียหายไปยังศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ เพื่อสอบถามถึงเหตุที่มีการขับรถฝ่าด่านและทำการตรวจสอบประวัติ และ เมื่อพันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ได้มาถึงศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ และได้แจ้งให้สิบตำรวจโท เจตนิพัทธ์ ทิพย์วาศรี พิมพ์แบบบันทึกข้อมูลบุคคลของผู้เสียหาย และเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่บิดาของผู้เสียหาย ได้เดินทางถึงศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์
ต่อมา พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ได้จึงได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปนำผู้เสียหายมาพบ และพูดคุยในห้องด้านหน้าชั้นหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ โดยพันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ได้เรียกเงินจากผู้เสียหายและบิดา จำนวน 20,000 บาท และได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา พิมพ์แบบบันทึกข้อมูลบุคคลของผู้เสียหายว่าขับรถฝ่าด่านไว้ก่อนแล้ว
โดยให้ลงชื่อในบันทึกข้อมูลบุคคล โดยบิดาของผู้เสียหายตกลงและยินยอมจ่ายเงินตามที่พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ เรียกโดยได้มีการออกไปเบิกเงินสดจากตู้ ATM จำนวนเงิน 20,000 บาท และนำเงินสดจำนวนดังกล่าวไปมอบให้แก่พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ในคืนวันเกิดเหตุที่บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคอหงส์
คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
การดำเนินการทางอาญาและทางวินัย
การกระทำของ พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อใหตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานกระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแหงชาติ พ.ศ.2547 มาตรา seventy nine (1) (5) และ (6)
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการ ไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ พันตำรวจตรี คมจักร กรกฤตจรรย์ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป













