คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าศิลปินคนโปรดคนใหม่ของคุณเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่เอไอ

ที่มาของภาพ : Getty Photos

Article Info
    • Author, เจ็มมา ครูว์
    • Feature, บีบีซีนิวส์
    • Author, มาร์ค ซาเวจ
    • Feature, ผู้สื่อข่าวดนตรี

มีเพลงใหม่ที่กำลังแพร่หลาย และดังเช่นถ้อยคำอมตะของไคลี มิโนก คุณไม่สามารถเอามันออกจากหัวคุณได้ หรือ คุณไม่สามารถหยุดคิดถึงสิ่งนั้นได้เลย

แต่หากมันถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยหุ่นยนต์ หรือหากตัวศิลปินเองเป็นผลผลิตมาจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล่ะ ?

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ มีหน้าที่จะต้องติดป้ายกำกับเพลงที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากเอไอหรือไม่ และมันสำคัญหรือ หากคุณชอบในสิ่งที่คุณได้ฟัง ?

ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 97% แยกเพลงที่ผลิตจากเอไอไม่ออก แต่มันก็มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกได้อยู่นะ หากคุณรู้ว่าจะต้องดูที่ตรงไหน

ต่อไปนี้คือคำแนะนำคร่าว ๆ

ไม่มีการแสดงสดหรือการแสดงตัวตนบนโซเชียลมีเดีย

เพลงจากเอไอกลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาจากข้อกล่าวหาว่าวง “เดอะ เวลเว็ต ซันดาวน์” เป็นวงดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเอไอ และทำให้วงนี้เป็นกระแส

วงดนตรีนี้ไม่มีค่ายเพลง และมีร่องรอยบนโซเชียลมีเดียน้อยมาก พวกเขาดึงดูดผู้ฟังหลายแสนคนต่อเดือนบนสปอติฟาย (Spotify) หลังจากปล่อยอัลบั้มออกมาสองอัลบั้มในช่วงเวลาที่ห่างกันเพียงหลักสัปดาห์ และทำให้เกิดความสงสัยในวงการดนตรี

ในช่วงแรกเริ่ม วงดนตรีดังกล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหา ก่อนที่ต่อมาจะอธิบายตัวเองว่าเป็นโครงการสังเคราะห์ที่ “เดินตามทิศทางความคิดสร้างสรรค์และการประพันธ์ของมนุษย์ แต่ให้เสียงและทำให้เกิดภาพด้วยการสนับสนุนจากปัญญาประดิษฐ์”

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Halt of ได้รับความนิยมสูงสุด

พวกเขาอ้างว่าโครงการนี้เป็น “การยั่วยุทางศิลปะ” (ingenious provocation) ไม่ใช่การลวงลวง แต่แฟน ๆ หลายคนรู้สึกเหมือนถูกทรยศ

นับสืบชาวเน็ตหลายคนตั้งข้อสงสัยในภาพถ่ายพู่กันของวงดนตรีนี้ ซึ่งเป็นภาพที่มีพื้นหลังไม่ชัดเจน และมีฟิลเตอร์สีส้มอบอุ่น

อีกทั้งยังไม่เคยมีบันทึกภาพการแสดงสดของพวกเขา ไม่มีรีวิวการแสดงสดจากแฟน ๆ ถูกโพสต์ออนไลน์ ไม่มีภาพถ่ายหรือคลิปการแสดงคอนเสิร์ต สมาชิกในวงไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ และดูเหมือนจะไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียอีกด้วย

การมองเข้าไปยังชีวิตจริงและตัวตนบนโซเชียลมีเดียของศิลปินอาจเป็นข้อบ่งชี้หนึ่งที่ช่วยได้ในการแยกแยะว่าพวกเขามีตัวตนจริงหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกกับบีบีซีว่าเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนนั้นทำให้เป็นการยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะแยกแยะได้เมื่อเพลง ๆ หนึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากเอไอ

แม้มันอาจจะแยกยาก แต่พวกเขาก็บอกว่ามีบางสัญญาณที่อาจเตือนผู้ฟังได้

“การผสมผสาน (mashup) เพลงร็อคสุดฮิต เหมือนกับใส่ลงไปในเครื่องปั่นเข้าด้วยกัน”

เมื่อ แอลเจ ริช เริ่มสร้างสรรค์เพลงจากเอไอเมื่อราว ๆ ห้าปีที่แล้ว เธอเล่าว่ามันสามารถสร้างเสียงได้ครั้งละสามวินาทีเท่านั้น ทำให้ต้องใช้เวลาราว 10 ชั่วโมง ในการจะสร้างเสียงขึ้นมาหนึ่งนาที

ตอนนี้ เพลงทั้งเพลงสามารถถูกประกอบร่างได้อย่างรวดเร็วผ่านคำสั่ง (instructed,) เดียวเท่านั้น ทำให้เกิดสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “การsะเบิด” ของเพลงเอไอ ซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่า “สล็อป” (slop – คำแสลงที่ใช้เรียกเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจากเอไอ) บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ

นักดนตรีและนักพูดด้านเทคโนโลยี ระบุว่า เพลงที่ให้ความรู้สึกเป็นแบบเป็นแผน อ่อนหวาน แต่ไม่ได้มีสาระหรือน้ำหนักทางอารมณ์มาก อาจเป็นสัญญาณของเอไอ เช่นเดียวกับเสียงร้องที่ดูเหมือนว่าไม่ได้หายใจเลย

ริชยังกล่าวด้วยว่า เพลงเอไอมักจะยึดติดกับโครงสร้างท่อนร้อง (verse) และท่อนฮุค (chorus) ทั่วไป และมักจะไม่มีท่อนจบที่น่าพึงใจ นอกจากนี้ เอไอยังมีแนวโน้มที่จะสร้างเนื้อร้องที่อิงตามโครงสร้างไวยากรณ์อย่างถูกต้องมากกว่า ในขณะที่เนื้อร้องที่สวยงามและเป็นที่จดจำที่สุดที่เขียนโดยมนุษย์อาจไม่ได้ดูเป็นเหตุเป็นผลเสมอไป

ลองถามอลิเซีย คีย์ ถึงท่อน “concrete jungle the put desires are fabricated from” (ป่าคอนกรีต สถานที่ที่ความฝันถูกสร้างขึ้น) หรือโรลลิงสโตนส์ ถึงท่อนจีบสาวของพวกเขาที่ใช้คำปฏิเสธซ้อนปฏิเสธในเพลง “(I Can no longer In discovering No) Pleasure” แปลว่า “(ฉันไม่อาจจะไม่ได้รับ) ความพึงพอใจ” หรือความหมายโดยนัยก็คือ ‘ฉันได้รับความพึงพอใจ'

“หากมันไม่รู้สึกสะเทือนอารมณ์ มันคือปัญหาใหญ่จริง ๆ นะ” อดีตพิธีกรรายการบีบีซี คลิก (BBC Click) ระบุ “มันสร้างความตึงเครียด (tension) และการคลี่คลาย (resolution) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในดนตรีที่เรารักหรือเปล่า มันมีเรื่องราวข้างในหรือเปล่า”

สัญญาณบ่งบอกอีกอย่างคือปริมาณของผลผลิตที่ไม่สมจริง โดยศาสตราจารย์จีนา เนฟฟ์ จากศูนย์มินเดอรูเพื่อเทคโนโลยีและประชาธิปไตย (Minderoo Centre for Technology and Democracy) แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อธิบายถึงกรณีที่ศิลปินคนหนึ่งถูกสงสัยว่าเป็นเอไอเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากปล่อยอัลบั้มที่ลักษณะเพลงคล้าย ๆ กันออกมาหลายอัลบั้มในช่วงเวลาเดียวกัน

เพลงของพวกเขาให้ความรู้สึกเป็นการผสมผสานวงร็อคในยุค 80 หลายเพลงเข้าด้วยกันเหมือนกับ “เพลงร็อคสุดฮิตถูกยัดใส่ลงไปในเครื่องปั่นเข้าด้วยกัน”

“สิ่งนี้น่าจะไม่เป็นอะไรสำหรับคนส่วนใหญ่ในการใช้เป็นเพลงประกอบ” เธอกล่าวต่อ “แต่มันไม่อาจสร้างซูเปอร์สตาร์แห่งอนาคต คนที่จะสามารถดึงสิ่งที่มีในอดีต แต่สร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่อย่างสิ้นเชิงจากมัน”

‘เอไอยังไม่เคยอกหัก'

บางครั้ง สิ่งที่อาจเด่นชัดคือเพลงที่ดูเกือบจะสมบูรณ์แบบจนเกินไป ขาดเพียงข้อบกพร่องและความแปรปรวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โทนี ริกก์ ที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมเพลง และอาจารย์ด้านการจัดการอุตสาหกรรมเพลงแห่งมหาวิทยาลัยแลงคาเชียร์ ระบุว่า นี่อาจหมายถึงการไม่มีเสียงร้องที่ดูเค้น และกระบวนการผลิตทีสละสลวยมากเกินไป

เขากล่าวเสริมว่าการใช้รูปประโยคแปลก ๆ การส่งอารมณ์ที่ไม่ธรรมชาติ และเนื้อเพลงที่ดูทั่วไปหรือซ้ำซาก อาจเป็นเบาะแสได้เช่นกัน

“เอไอยังไม่เคยรู้สึกอกหัก… มันรู้จักเพียงรูปแบบเพลงต่าง ๆ” เขาอธิบาย “สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความเป็นมนุษย์ไม่ใช่แค่เสียง แต่คือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังเสียงนั้น”

นอกจากนี้ การสังเกตเสียงร้องดูดี ๆ ก็อาจจะช่วยได้ด้วย เพราะ “นักร้อง” เอไอ มักจะออกเสียงไม่ชัดอยู่บ้าง

เสียงพยัญชนะและเสียงที่เกิดจากลมกระแทก (plosives) อย่างเช่น พยัญชนะที่ออกเสียงยากอย่างเช่น “p” และ “t”) ยังไม่ถูกนัก และคุณอาจได้ยิน “ผี” (ghost) ประสานเสียง ซึ่งคือการที่เสียงคอรัสอยู่ดี ๆ ก็โผล่มาและหายไปแบบมั่ว ๆ

อย่างไรก็ดี ริกก์บอกว่าสัญญาณเหล่านี้เป็น “คำใบ้ ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์” พร้อมยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ฟังโดยทั่วไปที่จะตรวจจับเพลงที่สร้างโดยเอไอได้

ที่มาของภาพ : Getty Photos

อิโมเจน ฮีป ศิลปินสาว ได้พัฒนาโมเดลเสียงเอไอที่มีชื่อว่า “ai.Mogen”

นอกจากจะถูกใช้เพื่อสร้างเพลงขึ้นมาทั้งเพลงแล้ว เอไอยังกลายเป็นเครื่องมือที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงบางคนใช้มันเพื่อช่วยงานด้านความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา

ขณะนี้ยังไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ หรือวิธีการที่เสียชีวิตตัวใด ๆ สำหรับศิลปินในการจะบอกให้แฟน ๆ ของพวกเขารู้ว่าพวกเขาใช้เอไออย่างไร

บางวงก็เปิดเผยมาก ๆ อย่างเช่นเดอะบีเทิลส์ ที่ใช้การประมวลผลของคอมพิวเตอร์ (machine studying) ในการแยกเสียงของจอห์น เลนนอน จากตลับเทปในทศวรรษที่ 1970 เพื่อปล่อยสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เพลงสุดท้าย” ที่ชื่อ “Now and Then” ในปี 2023

ศิลปินคนอื่น ๆ อาทิ อิโมเจน ฮีป และทิมเบอร์แลนด์ สร้างตัวตนจากเอไอขึ้นมา และปล่อยเพลงภายใต้ชื่อพวกเขาด้วย

ในเดือนที่แล้ว ฮีปปล่อยเพลง “Aftercare” ที่ร้องโดย “ai.Mogen” โมเดลเอไอที่ถูกเทรนจากเสียงร้องของเธอ

เธอสร้างโมเดลเสียงนี้ให้เป็นแช็ตบอท ซึ่งเป็น “ความพยายามอย่างถึงที่สุด” ในการตอบข้อความและคำขอที่ท่วมท้น ซึ่งรวมถึงที่มาจากแฟน ๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ มันเข้ามามีบทบาทในหลาย ๆ เพลง ทำให้ฮีปมีเวลาในการร่วมผลิตผลงานได้มากขึ้นกว่าที่เธอจะสามารถมีได้ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา

แม้ว่า “เสียงมันจะแตกต่างอยู่ หากคุณรู้จักเสียงของฉัน” แต่เธอบอกว่าเธอกำลังทำงานอย่างหนักในการทำให้เสียงของเธอในเวอร์ชันเอไอดูเป็นมนุษย์และทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะได้

ฮีปไม่ได้พยายามที่จะทำให้ผู้ฟังของเธอเข้าใจผิด เพราะ ai.Mogen ถูกระบุเป็นผู้มีส่วนร่วมในบทเพลงนั้น ๆ ด้วย

แต่เธอหวังว่าหากคนรู้สึกได้ถึงการเชื่อมโยงกับมนุษย์ในเพลงของเธอ โดยที่ไม่รู้ว่าส่วนหนึ่งของเสียงร้องคือเสียงของโมเดลเอไอ พวกเขาอาจทบทวนความคิดเชิงลบหรือความกลัวที่มีต่อเอไอใหม่อีกครั้ง

“ฉันว่าคนจะได้ฟัง และโดยไม่รู้ตัว พวกเขาได้พบความสงบในนั้น” เธอบอกกับบีบีซี

เธอบอกว่าเธอไม่ได้ต่อต้านการสร้างเพลงทั้งหมดขึ้นมาจากเอไอ แต่มันแค่ยังไม่ใช่สิ่งที่เธอจะทำในตอนนี้

ฮีปเชื่อว่าควรมีความโปร่งใสมากกว่านี้ว่ามีอะไรอยู่ในเพลงบ้าง และเอไอถูกใช้ในเพลงนั้นอย่างไร

เธอยกตัวอย่างคนที่อ่านฉลากหน้ากล่องอาหารเวฟสำเร็จรูปเพื่อที่จะดูว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง เธอบอกว่า “เราต้องการสิ่งนั้นในดนตรี และเราต้องการมันสำหรับเอไอ”

ก้าวย่างสู่ความโปร่งใส

ปัจจุบันยังไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมายสำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ในการติดป้ายกำกับเพลงที่สร้างจากเอไอ แม้ว่าจะมีการเรียกร้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ให้พวกเขาทำเช่นนั้น

ในเดือน ม.ค. แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง “ดีเซอร์” (Deezer) เปิดตัวเครื่องมือตรวจจับเอไอ ก่อนที่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาพวกเขาจะเปิดตัวระบบติดป้ายกำกับเพลงที่สร้างจากเอไอ

ดีเซอร์ระบุว่าระบบตรวจจับของพวกเขาสามารถตั้งค่าสถานะเพลงที่สร้างจากเครื่องมือเอไอที่ถูกใช้มากที่สุด และกำลังทำงานเพื่อขยายศักยภาพของแพลตฟอร์มให้สามารถตรวจจับเพลงที่สร้างจากเครื่องมืออื่น ๆ ได้ โดยพวกเขาบอกว่าอัตราผลการตรวจจับที่คลาดเคลื่อน เช่น การไปติดป้ายกำกับเพลงที่สร้างโดยมนุษย์ มีอัตราที่ต่ำมาก ๆ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทระบุว่าหนึ่งในสาม (34%) ของเนื้อหาที่ถูกอัปโหลดลงบนแพลตฟอร์มของพวกเขา ถูกสร้างขึ้นมาจากเอไอโดยสมบูรณ์ โดยมีราว ๆ 50,000 ไฟล์เสียงต่อวัน

มานูเอล มูสซัลลัม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของดีเซอร์ ระบุว่าทีมงานของเขารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่ามีไฟล์เสียงจำนวนมากเพียงใดที่ถูกติดป้ายกำกับโดยระบบตรวจจับ เมื่อพวกเขาเริ่มเปิดตัวมันครั้งแรก โดยพวกเขา “ค่อนข้างเชื่อว่าพวกเรามีปัญหา”

เครื่องมือดังกล่าวติดป้ายกำกับเพลงของเดอะ เวลเว็ต ซันดาวน์ วงดนตรีที่เป็นกระแสเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ว่า “สร้างจาก AI 100%” ได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็เริ่มประกาศแผนสู่ความโปร่งใสเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน

ในเดือน ก.ย. สปอติฟายระบุว่า พวกเขาจะเปิดใช้ตัวกรองสแปมแบบใหม่ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อระบุตัว “ผู้ไม่หวังดี” และป้องกันไม่ให้มีการแนะนำ “สล็อป” ให้กับผู้ฟัง โดยในปีที่ผ่านมา พวกเขาได้ลบไฟล์เสียงสแปมออกไปแล้วกว่า 75 ล้านไฟล์

แนวทางนี้ยังสนับสนุนวิธีการให้ศิลปินเปิดเผยว่ามีการใช้เอไออย่างไร และใช้ที่ส่วนไหนของเพลง ผ่านระบบโดยกลุ่มสมาชิกในอุตสาหกรรมที่เรียกว่า DDEX โดยข้อมูลนี้จะถูกฝังลงไปในคำอธิบายข้อมูล (metadata) ของไฟล์เสียงนั้น และจะถูกแสดงบนแอปพลิเคชัน

สปอติฟายกล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการตระหนักถึงความต้องการของผู้ฟังในการรับรู้ข้อมูลที่มากขึ้น รวมถึงเป็นการ “เสริมสร้างความเชื่อมั่น”

“มันไม่ใช่การลงโทษศิลปินที่ใช้เอไออย่างมีความรับผิดชอบ หรือลดระดับเพลงจากการเปิดเผยข้อมูลว่ามันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร”

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว มันสำคัญด้วยหรือ ?

ถ้าคุณกำลังหลงใหลได้ปลื้มศิลปินคนใหม่คนหนึ่งอยู่มาก ๆ มันสำคัญด้วยหรือ หากเพลงของพวกเขาจะสร้างขึ้นมาจากเอไอ?

บางคนเชื่อว่าการปรากฏตัวของเอไอไม่เกี่ยวกันเลย เพราะการมีส่วมร่วมของผู้ฟังมาจากความรู้สึกมีความสุข และดนตรีที่ผู้คนชื่นชอบก็ถือว่าตอบจุดประสงค์หลักของมันอยู่แล้ว

ขณะที่อีกกลุ่มก็มองว่าแฟนเพลงควรสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลสนับสนุนเกี่ยวกับเพลงที่พวกเขาฟัง

ศิลปินส่วนหนึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเอไอ และนักร้องนักดนตรีหลายร้อยคน รวมถึง ดูอา ลิปา และเซอร์ เอลตัน จอห์น ก็เคยออกมาประท้วงการใช้เพลงของพวกเขาในการฝึกเครื่องมือเอไอ

สำหรับแอลเจ ริช การใช้เอไอในดนตรีก่อให้เกิด “คำถามทางจริยธรรมที่ทั้งแปลกประหลาดและสวยงาม” มากมาย ซึ่งยังไร้คำตอบ

“ก็เหมือนกับว่า ถ้าดนตรีนั้นทำให้ขนที่หลังคอของคุณลุกซู่ มันสำคัญหรือไม่ ว่าเป็นเพลงที่เอไอเขียนหรือเปล่า”