
บีบีซีสำรวจโรงงานผลิตขีปนาวุธลับในยูเครน ที่กำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธในประเทศ

ที่มาของภาพ : Moose Campbell/BBC
- Author, โจนาธาน บีล
- Feature, ผู้สื่อข่าวด้านกลาโหม ประจำกรุงเคียฟ
ทีมงานบีบีซีถูกพาไปที่สถานที่ลับแห่งหนึ่งขณะที่ถูกปิดตาเอาไว้ นั่นเป็นสถานที่ที่ยูเครนกำลังผลิตอาวุธรุ่นล่าสุดอยู่
พวกเขาบอกให้พวกเราปิดโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากกระบวนการผลิตขีปนาวุธร่อนฟลามิงโก (Flamingo) ของยูเครนเป็นความลับอย่างยิ่ง
สำหรับยูเครน การกระจายและซ่อนการผลิตอาวุธเช่นนี้เป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอด โรงงานสองแห่งของบริษัทไฟร์พอยต์ (Fireplace Point) ผู้ผลิตขีปนาวุธนี้ถูกโจมตีไปแล้ว
ภายในโรงงานที่เราไปเยี่ยมชม เราไม่ได้รับการอนุญาตให้ถ่ายภาพสิ่งต่าง ๆ เช่น เสา หน้าต่าง หรือเพดาน นอกจากนี้ยังขอไม่ให้แสดงใบหน้าของคนงานในสายการผลิต ซึ่งคือบริเวณที่ขีปนาวุธฟลามิงโก อยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ ของการผลิต
แม้จะอยู่ระหว่างการโจมตี ยูเครนก็ยังคงเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศผลิตอาวุธมากกว่า 50% ที่ใช้อยู่ในแนวหน้า และเกือบทั้งหมดของอาวุธระยะไกลก็ผลิตเองในประเทศ
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ยูเครนพึ่งพาอาวุธเก่าจากยุคโซเวียตเป็นส่วนใหญ่ การสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตกช่วยยกระดับกองกำลังติดอาวุธของยูเครนให้ทันสมัยขึ้น แต่ปัจจุบันยูเครนเป็นผู้นำของโลกในด้านการพัฒนาระบบไร้คนขับ เช่น หุ่นยนต์และโดรน
ขณะนี้ ขีปนาวุธร่อนที่ผลิตในประเทศกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีระยะไกลให้กับยูเครน

ที่มาของภาพ : Moose Campbell/BBC
อิรินา เทเรค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคนิคของไฟร์พอยต์ หนึ่งในผู้ผลิตโดรนและขีปนาวุธรายใหญ่ที่สุดของยูเครน ซึ่งมีคำขวัญเป็นภาษาละตินที่แปลว่า “ถ้าไม่ใช่เรา แล้วจะเป็นใครล่ะ”
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุดได้รับความนิยมสูงสุด
หญิงสาววัย 33 ปีผู้นี้เคยศึกษาสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่ตอนนี้เธอกำลังพยายามช่วยทำลายจักรกลสงครามของรัสเซีย
เธอตัวเล็กมากเมื่อยืนอยู่หน้าขีปนาวุธฟลามิงโกขนาดยักษ์ ซึ่งเธอเล่าให้ฉันฟังว่ามันถูกทาสีดำ ไม่ใช่สีชมพู (แตกต่างจากต้นแบบรุ่นแรก ๆ) “เพราะมันกินน้ำมันของรัสเซีย”
ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายดูคล้ายกับจรวด V1 ของเยอรมันจากสงครามโลกครั้งที่สอง มันประกอบด้วยเครื่องยนต์ไอพ่นขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนท่อที่มีความยาวเท่ากับรถบัสโดยสารในกรุงลอนดอน
พวกมันถูกนำไปใช้ในการรบแล้ว แม้ว่าบริษัทจะไม่ยืนยันเป้าหมายที่พวกมันถูกนำไปใช้อย่างเฉพาะเจาะจงก็ตาม

ที่มาของภาพ : Moose Campbell/BBC
ฟลามิงโกเป็นอาวุธโจมตีระยะไกลประเภทหนึ่งที่ชาติตะวันตกไม่ค่อยเต็มใจที่จะจัดหาให้
ขีปนาวุธร่อนนี้มีระยะทำการราว 3,000 กิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับโทมาฮอว์ก ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอาวุธที่ซับซ้อนและมีราคาแพงกว่า ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะมอบให้ยูเครน
แต่การโจมตีระยะไกลถือเป็นส่วนสำคัญของสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งยูเครนใช้โดรนระยะไกลเป็นหลัก และยังคงเสียพื้นที่ให้กับรัสเซียในแนวรบที่ทอดยาวกว่าพันกิโลเมตร ดังนั้นยูเครนจึงพยายามพุ่งเป้าการโจมตีไปที่จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจด้านสงครามของรัสเซียมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อชะลอการรุกคืบเหล่านั้น
พลเอกโอเล็กซานเดอร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน กล่าวว่า การโจมตีระยะไกลของยูเครนได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัสเซียไปแล้วกว่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.75 แสนล้านบาท) ในปีนี้

ที่มาของภาพ : Moose Campbell/BBC
รุสลัน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของยูเครน กล่าวว่ากลยุทธ์นั้นเรียบง่าย คือ “ลดขีดความสามารถทางทหารและศักยภาพทางเศรษฐกิจของศัตรู”
เขากล่าวว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครนได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตอาวุธ และคลังกระสุนหลายร้อยครั้ง ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในดินแดนของศัตรู
แน่นอนว่ารัสเซียก็ทำเช่นเดียวกัน และมีขนาดการทำลายล้างที่ใหญ่กว่า โดยเฉลี่ยแล้วรัสเซียปล่อยโดรน ชาเฮด (Shahed) ประมาณ 200 ลำต่อวัน ในขณะที่ยูเครนตอบโต้ด้วยจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้น
รัสเซียไม่ได้จำกัดการโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนระยะไกลของรัสเซียทำให้เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ส่งผลให้ชีวิตของพลเรือนหลายล้านคนยากลำบากยิ่งขึ้น “ผมอยากจะปล่อยโดรนมากเท่ากับที่รัสเซียทำ” รุสลันกล่าว “แต่เราก็กำลังขยายขนาดอย่างรวดเร็ว”
ทาเรคจากบริษัทไฟร์พอยต์ กล่าวว่า ยูเครนอาจไม่สามารถมีทรัพยากรเทียบเท่ากับรัสเซียได้ แต่เธอกล่าวว่า “เรากำลังพยายามต่อสู้ด้วยสติปัญญาและยุทธวิธี”
เดนิส ชติเลอร์แมน หัวหน้าฝ่ายออกแบบและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไฟร์พอยต์ ยอมรับว่าไม่มี “วุนเดอร์วาฟเฟอร์” (Wunderwaffe) หรืออาวุธมหัศจรรย์ หรือคืออาวุธที่นาซีเยอรมันพัฒนาขึ้นในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อพลิกสถานการณ์ที่กำลังจะแพ้
เขากล่าวว่า “สิ่งที่เปลี่ยนเกมได้คือความมุ่งมั่นที่จะชนะของเรา”

ที่มาของภาพ : Kevin McGregor/BBC
ก่อนหน้าที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ บริษัทไฟร์พอยต์ ยังไม่ถูกก่อตั้งเสียด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ผลิตโดรนได้ถึง 200 ลำต่อวัน
โดรนรุ่น FP1 และ FP2 ซึ่งมีขนาดเท่าเครื่องบินขนาดเล็ก แต่ละลำมีระยะทำการโจมตีอยู่ได้เพียง 60% ของระยะทำการของการโจมตีระยะไกลของยูเครนเท่านั้น โดรนแต่ละลำมีราคาประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.57 ล้านบาท) ซึ่งราคาถูกกว่าโดรนชาเฮด ของรัสเซียถึงสามเท่า และรัสเซียยังคงผลิตโดรนรุ่นนี้เกือบ 3,000 ลำต่อเดือน
ยูเครนยังคงต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านข่าวกรอง การกำหนดเป้าหมาย และเงินทุน แต่ประเทศก็กำลังพยายามพึ่งพาตนเองมากขึ้น
เทเรคกล่าวว่า พวกเขาตัดสินใจอย่างรอบคอบที่จะจัดหาชิ้นส่วนต่าง ๆ จากภายในประเทศยูเครนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เรายึดหลักการที่ว่าไม่มีใครสามารถมีอิทธิพลต่ออาวุธที่เราสร้างขึ้นได้” เธอกล่าว พวกเขาหลีกเลี่ยงชิ้นส่วนจากสองประเทศโดยเฉพาะ คือ จีนและสหรัฐอเมริกา
เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงไม่ควรมีส่วนประกอบจากอเมริกา เธอกล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ กับสหรัฐฯ พรุ่งนี้อาจมีคนต้องการปิดระบบ และเราจะไม่สามารถใช้อาวุธของเราเองได้”
จนถึงสิ้นปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนเป็นมูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) แต่การสนับสนุนนั้นได้หยุดลงอย่างรวดเร็วภายใต้รัฐบาลสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์ ในทางกลับกันทรัมป์ ได้จัดตั้งโครงการให้กลุ่มประเทศสมาชิกนาโตในยุโรปสามารถซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ได้ ในตอนนี้สหรัฐฯ จึงไม่ใช่ผู้สนับสนุนทางทหารรายใหญ่ที่สุดของยูเครนอีกต่อไป และยุโรปก็ทุลักทุเลที่จะเติมเต็มช่องว่างที่อเมริกาได้เหลือทิ้งไว้ หรือให้การสนับสนุนในระดับเดียวกับที่ทำเคยมา
ความกังวลเกี่ยวกับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในอนาคตได้ลุกลามไปสู่การพูดคุยเกี่ยวกับหลักประกันความมั่นคงจากสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของการเจรจาสันติภาพในปัจจุบัน เทเรคมองว่าการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่เป็นการ “เจรจาเพื่อยอมจำนน” และกล่าวว่าการที่ยูเครนผลิตอาวุธเอง “เป็นวิธีเดียวที่จะให้หลักประกันความมั่นคงได้อย่างแท้จริง”
อดีตนักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ผู้นี้ยังหวังว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรปจะเฝ้าดูและเรียนรู้บทเรียนจากเรื่องนี้
“เราเป็นตัวอย่างหนึ่งของการนองเลืoด” เธอกล่าว “ในแง่ของการเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม”
เทเรคกล่าวว่าเธอต้องการกระตุ้นให้พวกเขาลงมือทำ และเชื่อว่าหากประเทศอื่นใดเผชิญกับการโจมตีแบบเดียวกับยูเครน “พวกเขาคงถูกยึดครองไปแล้ว”
รายงานเพิ่มเติมโดย โวโลดีมีร์ โลชโก และ คีลา เฮอร์มันน์เซน













