‘การวิ่งคือการแสดงออกถึงการต่อต้านของฉัน' อะไรทำให้ผู้หญิงอิหร่านหลายร้อยคนออกมาวิ่งมาราธอนโดยไม่สวมฮิญาบ

ที่มาของภาพ : Sent to BBC

หญิงชาวอิหร่านหลายคนเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนบนเกาะคิช ทางตอนใต้ของอิหร่าน
Article Files
    • Creator, ฟารานัก อามิดี
    • Role, บีบีซี โกลบอล วูเมน (BBC Global Women)

“การวิ่งมาราธอนที่เกาะคิช เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านของฉัน การวิ่งเข้าเส้นชัยเส้นนั้นเหมือนเป็นการเอาชนะข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ฉันเผชิญมาหลายปี” ซาร่า (นามสมมติ) บอกกับบีบีซี โกลบอล วูเมน

เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิง 2,000 คน ที่เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งบนเกาะคิชของอิหร่านเมื่อต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนไม่ได้สวมฮิญาบตามข้อบังคับของประเทศ

วิดีโอและภาพของการแข่งขันถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว ภาพต่าง ๆ แสดงให้เห็นผู้หญิงสวมเสื้อยืดและกางเกงเลกกิ้ง มัดผมเป็นหางม้าหรือรวบผมด้วยที่คาดผม วิ่งไปตามจังหวะดนตรี ท่ามกลางเสียงเชียร์ของฝูงชน

หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่ผู้หญิงจะเข้าร่วมการวิ่งมาราธอนโดยไม่สวมฮิญาบตามข้อบังคับนั้น เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยสำหรับใครหลายคน เพราะรัฐได้บังคับให้ผู้หญิงสวมผ้าคลุมศีรษะในที่สาธารณะตั้งแต่ปี 1979 และบางครั้งก็มีการใช้ความรุนแรงด้วย

ผู้หญิงจำนวนมากได้ประท้วงกฎหมายนี้มานานกว่า 40 ปีแล้ว แต่การประท้วงเริ่มมีกระแสสูงมากขึ้นในเดือน ก.ย. 2022 จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อจินา มาห์ซา อามินี ถูกจับกุมในกรุงเตหะรานโดยตำรวจที่เรียกตัวเองว่าตำรวจศีลธรรม เนื่องจากเธอถูกกล่าวหาว่าสวมฮิญาบไม่ถูกต้อง

หญิงสาววัย 22 ปีเสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมาขณะอยู่ในความควบคุมของตำรวจ การประท้วงซึ่งมีผู้หญิงเป็นผู้นำจึงลุกลามไปทั่วประเทศ พวกเธอเผาผ้าคลุมศีรษะและตะโกนว่า “ผู้หญิง ชีวิต เสรีภาพ” (Girl, Life, Freedom)

การประท้วงถูกปราบปรามด้วยการใช้กำลังและมีการจับกุมผู้คนเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา ผู้หญิงอิหร่านบางส่วนก็ยังคงท้าทายกฎระเบียบนี้ต่อไป

ที่มาของภาพ : Getty Photos

หญิงชาวอิหร่านฝ่าฝืนกฎการบังคับสวมฮิญาบ ในกรุงเตหะราน

อาร์เทมิส (นามสมมติ) กล่าวว่า เธอเห็นผู้หญิงต่อต้านการสวมฮิญาบมาตั้งแต่เด็ก แต่เชื่อว่าปี 2022 เป็นจุดเปลี่ยนของการต่อต้านของผู้หญิง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed finding outได้รับความนิยมสูงสุด

Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด

“เราเปลี่ยนจากการถอดผ้าคลุมศีรษะประท้วงในฤดูร้อน ไปเป็นการสวมเสื้อครอปและกางเกงเลกกิ้งเดินบนถนนในปีถัดมา” เธอกล่าว

บนโซเชียลมีเดียมักมีการแชร์วิดีโอของของผู้หญิงที่วิ่งในสวนสาธารณะ ตีลังกาบนทางเท้าโดยมีผู้คนรอบข้างส่งเสียงเชียร์ หรือการเต้นในห้างสรรพสินค้า จำนวนโพสต์ลักษณะนี้มีมากจนทำให้เจ้าหน้าที่รับมือได้ยาก ทว่าก็ยังมีการจับกุม ปรับเงินผู้หญิง และปิดบัญชีโซเชียลมีเดียที่เผยแพร่วิดีโอ และเกมไล่จับแบบนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป

ประเด็นเรื่องฮิญาบยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการถกเถียงว่าอิหร่านจะเลือกเดินไปในทิศทางไหน

การดำเนินการของรัฐบาลต่อผู้หญิงที่ปรากฏตัวในที่สาธารณะโดยไม่สวมผ้าคลุมศีรษะมีความแตกต่างกันไป บางครั้งก็อนุญาตให้ผ่อนปรนกฎ บางครั้งก็เข้มงวดกับทุกการฝ่าฝืน พวกเขานำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้ามาใช้และส่งข้อความเตือนไปยังผู้หญิง

นอกจากนี้ ผู้หญิงบางส่วนยังรายงานด้วยว่าป้ายทะเบียนรถของพวกเธอถูกกล้องตรวจจับหมายเลขไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ขู่ว่าจะยึดรถของพวกเธอ

ที่มาของภาพ : Getty Photos

อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

เพียงสองวันก่อนการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เกาะคิช นอกชายฝั่งทางใต้ของอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ได้เตือนสื่อภายในประเทศว่า “อย่าส่งเสริมค่านิยมตะวันตกเกี่ยวกับผู้หญิงและเรื่องฮิญาบ”

โกลาม-ฮอสเซน โมห์เซนี-อีเจอี ประธานศาลสูงสุดของอิหร่าน กล่าวเสริมว่า “เรื่องฮิญาบเป็นความรับผิดชอบของทุกคน และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอะไรมากกว่านี้เกี่ยวกับฮิญาบและความเหมาะสมในที่สาธารณะ”

เจ้าหน้าที่และสมาชิกรัฐสภาอิหร่านคนอื่น ๆ ก็ได้แสดงความไม่พอใจต่อประเด็นฮิญาบ และการไม่เชื่อฟังอย่างต่อเนื่องในหมู่ผู้หญิง และได้เตือนว่าจำเป็นต้องมีแนวทางที่จริงจังมากขึ้นในการจัดการการฝ่าฝืน

ก่อนการแข่งขันวิ่งมาราธอนไม่นาน มีการเดินขบวนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อสนับสนุนการบังคับสวมฮิญาบในกรุงเตหะราน ผู้หญิงที่สวมชุดคลุมทั้งตัว ด้วยผ้าคลุมสีดำยาว หรือ ชาดอร์ซึ่งเป็นฮิญาบแบบที่มีความอนุรักษนิยมที่สุดในอิหร่าน ถือป้ายเรียกร้องให้มีแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับผู้หญิงที่ปฏิเสธที่จะสวมฮิญาบ

แต่ถึงแม้จะต้องเผชิญการต่อต้าน ผู้หญิงที่เข้าร่วมก็ยังคงมุ่งมั่น สำหรับพวกเธอกลายคนการวิ่งมาราธอนเป็นมากกว่าการแข่งขันวิ่ง

“มันเหมือนฝันที่เป็นจริง แม้แต่เมื่อปีที่แล้ว ฉันยังนึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้” ซาร่ากล่าว

ที่จริงแล้ว เธอรู้สึกสะเทือนใจเมื่อนึกถึงวันนั้น “แม้แค่คิดถึงมันฉันก็อยากจะร้องไห้ การได้อยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงเหล่านั้น พวกเรารู้สึกเป็นอิสระมาก” เธอกล่าว

อาร์เทมิสกล่าวว่า ความรู้สึกของเธอเกี่ยวกับประสบการณ์ทั้งหมดคือความภาคภูมิใจและความสุข

“หลายครั้งระหว่างการแข่งขัน ฉันอยากหยุดและร้องไห้ เพราะทุกอย่างเหมือนฝัน ผู้คนต่างเชียร์พวกเรา มีเสียงเพลง… ฉันจินตนาการได้เลยว่าอิหร่านของเราจะสวยงามแค่ไหน” เธอกล่าว

ผู้หญิงหลายคนบอกกับเราว่า งานวิ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก พวกเธออธิบายว่ามันรู้สึกเหมือนกับการได้รับชัยชนะ เป็นความสำเร็จที่เหนือความคาดหมาย และสำหรับทางการอิหร่าน มันเป็นสัญญาณเตือนอีกครั้งว่าการต่อต้านจะยังคงดำเนินต่อไป

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดบทความ โกลบอล วูเมน จาก บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส ที่นำเสนอเรื่องราวสำคัญที่ไม่เคยถูกเปิดเผยจากทั่วโลก