
กองทัพภาคที่ 1 เผยแพร่ข่าว ทหาร 3 นาย สละชีพในสมรภูมิในสมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันจะจัดพิธีศwให้สมเกียรติและจะดูแลสิทธิต่างๆให้กับครอบครัวอย่างครบถ้วนต่อไป ด้านศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงประณามกรณียิvจรวด BM21 ใส่ชาวบ้าน เสียชีวิต 1 เจ็บ 13
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 26 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 1 เผยแพร่ข่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว จ.ส.อ.พงศกร นาคทองดี, พลทหาร ปฏิพัทธิ์ ศรประดิษฐ์ และพลทหาร ทิวตะวัน พลเยี่ยม สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อ 26 ธ.ค.68
กองทัพภาคที่ 1 ขอเชิดชูเกียรติในความเสียสละทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ทั้งนี้จะดูแลจัดพิธีศwอย่างสมเกียรติ และดูแลสิทธิต่างๆให้กับครอบครัวอย่างครบถ้วนต่อไป
@ประณามกัมพูชาใช้จรวด BM-21 โจมตีชาวบ้าน เสียชีวิต 1 เจ็บ 13
ขณะที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน กองทัพไทยได้ปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายกัมพูชา ภายใต้กรอบการป้องกันตนเองและการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ ปรากฏว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีเข้ามาในพื้นที่พลเรือน ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางชุมชนและอยู่ใกล้สถานศึกษา
การกระทำดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 13 ราย และบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายมากกว่า 190 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังสร้างผลกระทบต่อสถานพยาบาล ศาสนสถาน โรงเรียน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ อาทิ เส้นทางคมนาคม เสาไฟฟ้าแรงสูง ตลอดจนพื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ของประชาชน
ล่าสุด เมื่อ 25 ธันวาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย บริเวณบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว จำนวนทั้งสิ้น 40 นัด ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างร้ายแรง
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาต่อเวทีประชาคมโลก พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายไทยยึดมั่นและปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีนโยบายโจมตีพลเรือนหรือพื้นที่คุ้มครอง การกำหนดเป้าหมายทางทหารของไทย
เป็นไปอย่างจำกัด รอบคอบ และสามารถตรวจสอบได้
ในทางตรงกันข้าม การใช้พื้นที่พลเรือนหรือโบราณสถานเป็นฐานที่ตั้งทางทหาร ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยตรง และเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาที่ฝ่าฝืนหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์













