แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/93tx | ดู : 10 ครั้ง
ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชากำลังปะทุและยั

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชากำลังปะทุและยังหาทางลงกันไม่ได้ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาก็ปล่อยคลิปเสียงที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยโทรสายส่วนตัวไปเจรจาเรื่องเปิด-ปิดด่านชายแดนเพื่อลดความร้อนแรงของสถานการณ์ กลายเป็นการดีดถ่านร้อนเข้ามาฝั่งไทย จนกลายเป็นว่าความมั่นคงของรัฐบาลไทยที่ยังชุลมุนกับปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลยิ่งง่อนแง่นเข้าไปอีก

แต่คลิปเสียงนี้มีประเด็นที่น่าสนใจพอๆ กับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เพราะยังสะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทัพไทยด้วย

ในคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีของไทยไปบอกกล่าวกับผู้นำของกัมพูชาว่า กองทัพภาคที่ 2 เป็น ‘ฝ่ายตรงข้าม’ แม้ว่าภายหลังแพทองธารจะออกมาแก้ว่าเป็นเพียงเทคนิคในการเจรจา แต่โดยข้อเท็จจริงก็เห็นกันอยู่ว่า การแสดงออกของคนในกองทัพในปมความขัดแย้งรอบนี้ มีหลายครั้งที่ไปคนละทิศละทางกับรัฐบาล

อีกทั้งฮุนเซนก็ยังกล่าวหาว่าทางกองทัพไทยยังคงปิดด่านที่ชายแดนแม้ว่าจะรับปากกันแล้วว่าหากทางกัมพูชายอมปรับกำลังบริเวณชายแดนแล้วจะกลับสู่เหตุการณ์ปกติก่อนปะทะ

มาตรการเกี่ยวกับด่านชายแดน แม้ดูเหมือนควรอยู่ในมือรัฐบาลผู้มีอำนาจกำหนดจังหวะก้าวในการต่อรอง แต่หลังการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ปรากฏว่าได้มอบอำนาจในการเปิด-ปิดด่านชายแดนให้ไปอยู่ในมือของกองทัพบก ตามมาด้วยการสั่งปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนใน 7 จังหวัด ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมถึงงดส่งออกสินค้า เช่น ปูน เหล็กเส้นสำหรับก่อสร้างและยุทธภัณฑ์ ไปจนถึงการห้ามคนไทยไปเล่นการพนันในบ่อนฝั่งกัมพูชา

แม้ด่านไทย-กัมพูชาจะไม่ได้ปิดสนิทแต่ดูเหมือนส่งผลกระทบต่อผู้นำกัมพูชาไม่น้อย จนฮุนเซนต้องนำมาสนทนากับนายกฯ ของไทยเพื่อเป็นเงื่อนไขต่อรองดังปรากฏในคลิป แต่นายกฯ บอกว่าต้องกลับไปหารือกองทัพในเรื่องนี้ น่าสนใจว่าทำไมนายกฯ ไม่ใช่คนเคาะเรื่องนี้ ทั้งที่การเปิดปิดด่านชายแดนไม่ได้มีแต่เรื่องความมั่นคง แต่ยังมีเรื่องทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย และกองทัพมีบทบาทขนาดไหนในสถานการณ์เช่นนี้

เรื่องนี้อาจต้องย้อนกลับไปดูความเคลื่อนไหวของกองทัพไทยตั้งแต่วิกฤติความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาปะทุขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และพัฒนาการของสถานการณ์ที่ไหลเร็วและแรงขึ้นมากในเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนหลังการปะทะที่ช่องบกจนถึงจุดแตกหักระหว่างแพทองธาร-ฮุนเซนจากคลิปเสียงที่ทางกัมพูชาปล่อยมา ดูเหมือนตลอดเส้นทางดังกล่าว การแสดงบทบาทของกองทัพไทยดูจะเหนือกว่ารัฐบาลพลเรือน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

จากปะทะฝีปาก สู่ยิvจริงเสียชีวิตจริง

แม้ว่าการแสดงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อการปะทะที่เกิดขึ้นที่ช่องบกจะช้าไม่ทันใจใครหลายคน ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ระดับที่กองทัพส่งเครื่องบินขับไล่ F-5 ขึ้นไปรับสถานการณ์ตั้งแต่เกิดการปะทะ เราเห็นเพียงออกมาให้ข่าวสั้นๆ ของภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่ารับทราบเรื่องจากรายงานในพื้นที่ว่าเป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องยิvตอบโต้ รุ่งขึ้นนายกรัฐมนตรีถึงออกมาให้ข่าวว่าทางไทยพร้อมจบเรื่องหากไม่มีการเสริมกำลังจากทางฝ่ายกัมพูชา ส่วนภูมิธรรมก็ออกมาพูดเรื่องที่ไทยกับกัมพูชาต่างฝ่ายต่างถอยกำลังออกเพิ่มเติมหลังปะทะเป็นฝ่ายละ 400 เมตร พร้อมแสดงท่าทีว่าไทยต้องการสันติภาพ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงมาตรการที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการทางทูตหรือการทหารอย่างไรต่อกัมพูชา

ยังไม่นับว่ารัฐบาลไทยอาจจะดูเบาต่อสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่คุกรุ่นมาตั้งแต่ต้นปีตั้งแต่กรณีทหารไทย-กัมพูชาปะทะคารมณ์กันที่ปราสาทตาเมือนธมเพราะมีนายทหารกัมพูชานำคนมาร้องเพลงชาติเมื่อ 17 ก.พ.2568  ตามมาด้วยเหตุศาลาตรีมุขถูกเผาเมื่อ 1 มี.ค.2568 แต่ฝ่ายไทยยังอธิบายเรื่องนี้ในตอนแรกว่าว่าเป็นแค่ไฟลามจากบ้านเรือนมาถึงที่สุดท้ายมีการแก้ข่าวว่าเป็นการวางเพลิง จนมาเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธจริงที่ช่องบกเมื่อ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาจนมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตไป 1 นาย

เป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจมองว่าไม่ควรทำให้เรื่องลุกลามบานปลาย แต่กระแสประชาชนกลับรู้สึกว่ารัฐบาลทำ ‘ช้า’ และ ‘น้อย’ เกินไป ขณะที่ฝ่ายทหารได้แสดงบทบาทผ่านหน้าสื่ออย่างมากหลังเหตุการณ์เหล่านี้ จนคะแนนความนิยมกองทัพมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นงานของรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศต้องเป็นผู้นำในการจัดการก็ตาม

ขณะเดียวกันในอีกมุมหนึ่ง การแสดงออกของกองทัพไทยก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า ทำเกินบทบาทของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องออกมายืนยันเส้นเขตแดนว่าพื้นที่ไหนบ้างเป็นอธิปไตยของไทย ทั้งที่ยังเป็นจุดที่ไทยและกัมพูชายังไม่ได้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามกระบวนการทวิภาคีที่มีอยู่ ไปจนถึงแสดงท่าทีพร้อมรบของบรรดาเหล่าทัพต่างๆ ทั้งทางโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายทหารฝั่งไทยเอง

ใช้แผนที่ไหน-ไม่ไปศาลโลก ตกลงรัฐบาลหรือทหารเป็นคนเคาะ?

เริ่มจากท่าทีของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีหน้าที่ควบคุมกำลังพลในพื้นที่และเป็นนายพลที่เข้าไปเจรจาพูดคุยกับทางทหารของฝ่ายกัมพูชามาตั้งแต่ 21 ก.พ.2568 จนกลายเป็นคนที่รับหน้าเสื่อเรื่องนี้มาตั้งแต่วันนั้น

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดการปะทะที่ช่องบกไม่กี่วัน ปรากฏคลิปสัมภาษณ์พล.ท.บุญสินในสำนักข่าวเนชั่นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องฝ่ายไทยยอมรับแค่แผนที่ 1: 50,000 ของกรมแผนที่ทหาร แต่ไม่ยอมรับแผนที่ 1: 200,000 ที่อยู่ใน MOU43 ทั้งที่ MOU ฉบับนี้เป็นกรอบการเจรจาที่ไทยกับกัมพูชาทำขึ้นมาร่วมกันเมื่อปี 2543 และใช้เป็นกรอบการทำงานของ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Price – JBC) ในการดำเนินการปักปันเขตแดนมาตั้งแต่เริ่มต้น แม้สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาจากการทำงานของ JBC จะเป็นแผนที่ฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเพื่อใช้แทนแผนที่ 1 : 200,000 ก็ตาม

คำถามคือ ประเด็นในทางนโยบายเช่นนี้เป็นเรื่องที่กองทัพควรพูดก่อนรัฐบาลหรือไม่

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (กลางขวา) กับนายทหารฝั่งกัมพูชา(กลางซ้าย) ที่ปราสาทตาเมือนธมเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2568

สำหรับเรื่องแผนที่ พล.ท.บุญสิน ยังออกมาย้ำอีกรอบหลังการประชุม JBC ด้วย โดยการย้ำเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังมีการข่าวปล่อยว่าไทยไปยอมรับแผนที่ 1:200,000 ในการประชุม JBC แม้ว่าภายหลังจะถูกพิสูจน์ว่าข่าวนั้นไม่ได้เป็นความจริง เพราะกระทรวงการต่างประเทศแถลงยืนยันในวันที่ 16 มิ.ย.ว่าไม่ได้มีวาระเรื่องนี้ในการประชุม JBC

ระดับรองแม่ทัพภาคที่ 2 อย่าง พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ก็ยังนิยมแสดงออกทางโซเชียลมีเดียในเรื่องที่เป็นคำถามว่าเป็นบทบาทของทหารหรือไม่ ทั้งเรื่องจะใช้กลไกใดในการเจรจา ไทยจะไปหรือไม่ไปศาลโลก ยังไม่นับว่าสุดท้ายแล้วรองแม่ทัพที่มีลุคใจเย็นในหน้าสื่อพร้อมแสวงหาแนวทางเจรจาก็ยังลงเอยด้วยการถามว่า “ไม่ต้องมีข้อตกลงใดๆ ดีไหม เอาให้เละก่อนโต”

พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 (กลางภาพ) ถ่ายที่หน้าศาลาตรีมุขก่อนถูกเผาทำลาย

รัฐบาลยันใช้เจรจา แต่กองทัพโปรโมท ‘ส่งด่วน’

เรื่องความพร้อมรบ ไม่ได้แสดงออกโดยนายทหารใหญ่เท่านั้น แต่ยังไปปรากฏในช่องทางต่างๆ ของเหล่าทัพต่างๆ ทั้งการแถลงอย่างเป็นทางการของกองทัพบก ไปจนถึงโพสต์ทีเล่นทีจริงแสดงความพร้อมรบด้วยมุขจากหนังดังใน Netflix อย่าง ‘สงครามส่งด่วน’

ขณะที่ภูมิธรรมเพิ่งไปประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาในวันที่ 5 มิ.ย.2568 เพื่อให้มีการปรับกำลังตามแนวชายแดนให้กลับไปเหมือนตอนปี 2567 แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ อย่างไรก็ดีเขายังยืนยันว่าจะยังใช้กลไกทวิภาคี (เรื่องนี้ยังมีเหตุแทรกซ้อนกล่าวหาภูมิธรรมยอมบินไปเจรจาในฝั่งกัมพูชา ทั้งที่สองฝ่ายประชุมกันที่จ.สระแก้ว)

ค่ำวันเดียวกันกับที่ รมว.กลาโหมไปเจรจาโดยยังไม่ทันได้แถลงสิ่งใด กองทัพบกก็ชิงออกแถลงการณ์ โดย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกแถลงโต้เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าทหารไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิvก่อน ไม่เป็นความจริง หากแต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่ใช้อาวุธตอบโต้เมื่อทางฝ่ายไทยส่งหน่วยลาดตระเวณเข้าไปพิสูจน์ทราบการรุกล้ำ ที่น่าสนใจกว่าคือ การแสดงความพร้อมรบในสถานการณ์ที่รัฐบาลพลเรือนยังคงยืนยันใช้การเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีอยู่

“ผู้บัญชาการทหารบกจึงมีคำสั่งให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมให้อยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ ในการตอบสนองต่อภารกิจในขั้นของการใช้กำลังทางทหาร ตามแผนป้องกันประเทศ เพื่อตอบโต้กรณีการรุกล้ำอธิปไตยในขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาตามแนวทางแห่งสันติที่ทุกฝ่ายปรารถนาแล้ว แต่ไม่บรรลุผล” ส่วนหนึ่งในแถลงของกองทัพบก

แถลงของกองทัพบก ทำเอาหลายคนสงสัยว่าตกลงแล้วกองทัพยังอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลหรือไม่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  • ผบ.เหล่าทัพ จัดประชุมเฉพาะกิจ หารือแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

วันรุ่งขึ้น 6 มิ.ย. หลังรัฐบาลถูกวิจารณ์ว่าทำอะไรล่าช้ามาหลายวันก็ได้ประชุมสภาความมั่นคง (สมช.) เสียที และมีท่าทีชัดเจนมากขึ้นหลังปล่อยให้กองทัพแสดงบทบาทมาหลายวัน โดยรัฐบาลยังยืนยันที่จะใช้สันติวิธีและจะใช้กลไกทวิภาคีต่อไปในการหาทางออก พร้อมกับยืนยันไม่รับอำนาจศาลโลกต่อ ส่วนทางกองทัพก็แสดงท่าทีว่าจะดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล นอกจากนี้ สมช.ยังมีมติให้อำนาจกองทัพบกเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเปิด-ปิดด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพอากาศ (ซ้าย) กองทัพบก (กลาง) กองทัพเรือ (ขวา)

แต่เหมือนกองทัพกลัวจะเสียของ ในเมื่อทำแคมเปญ “ส่ง(ทหาร กระสุน จรวด)ด่วน” เพื่อเกาะกระแสซีรี่ย์เนตฟลิกมาเตรียมปล่อยในวัน 6.6 (วันเซลล์สินค้าประจำเดือนในแอพต่างๆ) ไว้แล้ว คล้อยหลังรัฐบาลยืนยันแนวทางเจรจาสันติวิธีไม่นาน ก็ปรากฏการโพสต์แคมเปญ ‘ส่งด่วน’ ในบัญชีโซเชียลของทั้งทัพบก เรือ อากาศ ยาวไปตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น เรียกว่าส่งสัญญาณไปคนละทิศละทาง จนไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วไทยจะรบกับกัมพูชาจริงๆ หรือแค่จะเกทับความพร้อม

แม้ว่าแคมเปญทีเล่นทีจริงของทั้ง 3 เหล่าทัพที่ทำให้เรื่องความเป็นความเสียชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ประเทศกลายเป็นเรื่องตลกนี้ควรถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม แต่ท่ามกลางความไม่พอใจความช้าของรัฐบาล บวกกับความไม่ไว้ใจความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนจะกลายเป็นแรงผลักให้คนยิ่งส่งแรงเชียร์กองทัพมากขึ้น จนกระทั่งเริ่มปรากฏความเห็นที่เลยเถิดไปในทำนองว่า ควรปล่อยให้ทหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเสียที

ส่งอำนาจเปิด-ปิดด่านให้กองทัพ

ต่อมาตลอดสัปดาห์ที่สองของเดือน มิ.ย. เมื่อมาตรการตอบโต้จากทางไทยเริ่มขึ้น กองทัพบกเริ่มสั่งปิดด่านตามแนวชายแดนเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. แม้จะไม่ได้ปิดสนิทเพราะจำกัดการส่งสินค้ายุทธภัณฑ์และวัสดุก่อสร้างและห้ามคนไปเที่ยวเล่นพนันในบ่อนฝั่งกัมพูชาแต่ก็ส่งผลให้วันรุ่งขึ้น 8 มิ.ย.ก็มีการรายงานข่าวทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาว่าแต่ละฝ่ายได้ปรับกำลังทหารลดการเผชิญหน้ากันแล้ว พร้อมกับกลบสนามเพลาะ(คูเลต) เรียบร้อย แต่มาตรการปิดด่านของฝั่งไทยยังเดินหน้าไป จนกระทั่งถึงวันประชุม JBC

ผลการประชุม JBC ทั้ง 2 ฝ่ายจะยังเดินหน้าหาทางปักปันเขตแดนร่วมกันต่อภายใต้กลไกทวิภาคี แม้จะไม่มีเรื่องของ 4 พื้นที่ที่เป็นปัญหา (ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต) อยู่ในการประชุม เพราะกัมพูชายืนยันว่าจะเอาเรื่องขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกให้ได้ แต่เรื่องก็ไม่ได้จบง่ายๆ

เช้าวันจันทร์ (16 มิ.ย.) รัฐบาลไทยเริ่มทำให้เรื่องนี้ชัดเจนขึ้นทั้งในส่วนของนายกฯ ที่ออกมาแถลงข่าวหลังประชุม JBC ว่าทางไทยยืนยันจะใช้กลไกทวิภาคี พร้อมยังได้กล่าวถึงท่าทีของผู้นำกัมพูชาที่จะมีมาตรการกับทางไทยหากไม่เปิดด่าน 6 เรื่อง ว่าทางไทยไม่ได้ปิดด่าน แต่เป็นการปรับเวลาเปิดปิดเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยประชาชน 2 ฝั่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงของแพทองธารไม่ได้พูดแค่เรื่องเปิดปิดด่านเท่านั้น อีกเรื่องที่อยู่ในการแถลงคือ นายกฯ ไทยวิพากษ์วิจารณ์การใช้โซเชียลมีเดียของผู้นำประเทศกัมพูชาว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ” ด้วย ทั้งที่เธอได้แจ้งกับทางกัมพูชาแล้วว่าจะมีการประชุมในวันจันทร์ว่าจะดำเนินการอย่างไร

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

กัมพูชาปล่อย ‘คลิปเสียง’ หมัดเด็ดสั่นคลอนการเมืองไทย

ไม่รู้คำว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ” นั้นสร้างความขุ่นข้องหมองใจฮุนเซนเพียงใด เพราะในขณะที่กัมพูชาเริ่มดำเนินตามมาตรการที่ประกาศไว้ 2 วันให้หลังแพทองธารวิจารณ์ผู้นำกัมพูชา วันพุธที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) สื่อทางฝั่งกัมพูชาก็ปล่อยคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่างนายกฯ ไทยกับฮุนเซนเรื่องการเปิดด่าน ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากนักว่าคนปล่อยคลิปเป็นใคร เพราะผลร้ายที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะเกิดแต่กับฝั่งไทย จนทำเอาความมั่นคงของรัฐบาลไทยง่อนแง่นทันที

ไม่ว่าสาระหลักในคลิปเสียงจะเป็นเรื่องอะไร แต่สิ่งที่สังคมไทยจับมาเป็นประเด็นมีอยู่ 2 เรื่อง

เรื่องแรก การเรียกฮุนเซนว่า ‘ลุง’ อย่างใกล้ชิดและความอ่อนน้อมในการเจรจาประหนึ่งญาติมิตรของนายกฯ ไทย รวมทั้งการถามว่า “อยากได้อะไรขอให้บอก” เหมือนไปตอกย้ำความเชื่อของฝ่ายที่เกลียดชังตระกูลชินวัตรเป็นทุนเดิม

เรื่องที่สอง นายกฯ ไทยบอกว่าแม่ทัพภาคที่ 2 (ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากท่าทีแข็งกร้าวที่มีต่อกัมพูชา) เป็น ‘ฝ่ายตรงข้าม’ เรื่องนี้ก็ไปตอกย้ำความเชื่อก่อนหน้านี้ว่ารัฐบาลหาทางปลดแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะขัดแย้งกันเรื่องข้อเสนอให้ปิดด่านระหว่างไทย-กัมพูชา แม้ว่าอายุราชการของพล.ท.บุญสินจะเหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็ตาม และ รมว.กลาโหมเองก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือตั้งแต่ต้น

คลิปเสียงนี้ทำให้แพทองธารถูกวิจารณ์อย่างหนักทันทีเสมือนว่าได้ ‘ขายชาติ’ ไปแล้ว จนเกิดแรงต้านรุนแรงถึงขนาดเรียกร้องให้ยุบสภาตั้งแต่วันที่คลิปเสียงเปิดออกมา รุ่งขึ้นบรรดานักร้องต่างไปฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งในศาลยุติธรรมและองค์กรอิสระ พร้อมกับมีคนนัดหมายม็อบต่างๆ

ต่อมานายกฯ ออกมาขออภัยต่อประชาชนและชี้แจงว่าเป็นเรื่องเทคนิคการเจรจา และการบอกว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามก็อยู่ในบริบทที่หมายถึงเป็นคู่ความขัดแย้งกับทางกัมพูชา อย่างไรก็ดี ได้ปรับความเข้าใจกับแม่ทัพภาคที่ 2 แล้วเรียบร้อย หันดูรายงานข่าวของสื่อมวลชนพบว่า พล.ท.บุญสินให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจ” ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง

นอกจากกระแสสังคมแล้ว กองทัพก็มีท่าทีต่อเรื่องคลิปเสียงด้วย โดยเพจกองทัพบกโพสต์ข้อความในเวลา 19.55 น.ของวันที่ 18 มิ.ย.ว่า

“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร…

กองทัพบก พร้อม ยืนหยัด

ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง

ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย

saveแม่ทัพภาคที่2

กองทัพบก”

แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร ไม่นานนักเพจกองทัพบกก็มีการลบเฉพาะคำว่า  saveแม่ทัพภาคที่2 ออกตอน 21.15 น. (แต่เพจของกองทัพภาคที่ 2 ยังมีแฮชแท็กนี้อยู่จนวันนี้)

ที่กล่าวไปนี้เป็นเพียงแค่การสื่อสารในช่องทางทางการของบิ๊กทหารและเหล่าทัพต่างๆ  ยังมีการรับลูกไปเล่นต่อในบัญชีโซเชียลมีเดียที่มีพฤติกรรมค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นเครือข่ายของกองทัพซึ่งจะแสดงออกชัดเจน ‘ตรงไปตรงมา’ กว่ามาก

‘เพจเครือข่ายทหาร’ ปลุกกระแสออกรบสวนทางรัฐบาลไม่หยุด

นอกจากท่าทีบนโซเชียลมีเดีย ‘legit’ ของเหล่าทัพต่างๆ สิ่งที่เป็นคลื่นใต้น้ำตอกย้ำความไม่ยอมเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล คือ ท่าทีของ ‘เพจทหาร’ และเครือข่าย ที่หลายครั้งชวนสงสัยว่ากำลังเตะตัดขากันอยู่หรือไม่ เพจทหารเหล่านี้มีทั้งที่เป็นบัญชี ‘ออร์แกนิก’ และส่วนที่มีข้อพิรุธชวนสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกองทัพ

ตัวอย่างเช่นเพจเฟซบุ๊ก ข่าวทหาร (อดีตเคยใช้ชื่อ ‘ข่าวทหาร ททบ.5’) ผู้ติดตามกว่า 2.7 แสนบัญชี เคยถูกแท็กและเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลในโพสต์ของเพจเหล่าทัพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน. กองร้อยทหารพรานที่ 4215 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 3 ฯลฯ

นอกจากแชร์ข่าวสารและแคมเปญกองทัพ เพจข่าวทหารยังโพสต์ข้อความที่มีนัยยะต่อต้านหัวเรือชินวัตรอยู่เรื่อย ๆ เช่น โพสต์รูปภาพแถลงการณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังคลิปเสียงหลุด พร้อมพาดหัว

‘“ลุงป้อม” ออกแถลงการณ์ “พลังประชารัฐ” ติง “นายกฯ”

ไร้ความสามารถแก้ปัญหาชายแดน ทำชาติเสียเปรียบ…’

รวมทั้งแชร์โพสต์นักการเมืองคนอื่น ๆ อันเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของ ‘ชินวัตร’ ซึ่งมีท่าทีพร้อมรบ (ขัดกับแนวทางสันติวิธีเน้นเจรจาของรัฐบาล) เช่นโพสต์ของ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ พร้อมแคปชั่นที่คัดลอกจากโพสต์ต้นทาง

“รบเป็นรบ! เขมรตั้งใจรุกไทยในเขตที่ชัดเจนแล้ว!…”

หรือล่าสุด หลังคลิปเสียงหลุดจนรัฐบาลถูกประณามอย่างหนักว่าเป็นนักการเมืองเลว เช้าวันที่ 19 มิ.ย. 68 เพจข่าวทหารโพสต์ข้อความจากพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่อง “…ให้คนดีปกครองบ้านเมือง…” คอการเมืองคงคุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่สมัยก่อรัฐประหาร 2549, 2557 ว่าวาทกรรมนักการเมืองเลวและแนวคิดให้คนดีปกครองบ้านเมือง ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองต่อต้านชินวัตรจนนำมาสู่การรัฐประหารทั้งสองครั้ง

ที่มา: ข่าวทหาร

หรือเพจเฟซบุ๊ก ‘ทหารเป็นตาฮัก’ ผู้ติดตาม 4.7 แสนบัญชี ซึ่งรายงานข่าวของประชาไทก่อนหน้านี้เคยพบความเชื่อมโยงของเพจกับกองพลทหารราบที่ 3 (อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่) นับตั้งแต่เกิดข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชารอบใหม่ โดยเฉพาะหลังเหตุปะทะที่ช่องบอก (28 พ.ค. 68) เพจทหารเป็นตาฮักโพสต์ข้อความในเชิงวิจารณ์รัฐบาลทางลบบ่อย ๆ หรือข้อความในเชิงที่ตีความได้ว่าไม่อยู่ใต้อาณัติของผู้ใดนอกจากทหารด้วยกันเอง เช่น

6 มิ.ย. 68

พาโล อปริณายโก “คนโง่ ไม่ควรเป็นผู้นำ!!”

13 มิ.ย. 68

ผู้นำ น่อมแน้ม / กลับบ้านไปกินแปะก๊วยเถอะ มีประโยชน์กว่าเยอะ

16 มิ.ย. 68

นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น / เอ้า ใครจับใจความได้อธิบายให้ แอดฟังที่

(ทั้งสองข้อความ โพสต์ช่วงเที่ยง ขณะแพทองธารแถลงหลังประชุมแก้ปัญหาชายแดน)

18 มิ.ย. 68 (วันคลิปเสียงหลุด)

นายพวกเรา คือ แม่ทัพกุ้ง saveแม่ทัพภาคที่2

นอกจากรูปแบบการโพสต์ดังกล่าว เพจทหารเป็นตาฮัก ยังโพสต์คลิปเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายชิ้น ล้วนมียอดการรับชมสูง คอมเมนต์จำนวนมากบ่น “คิดถึงลุง” บ้างเลยเถิดชี้ชวนรัฐประหาร ผู้สื่อข่าวพบโดยคร่าว ๆ อย่างน้อย 3 ชิ้น นับตั้งแต่หลังเหตุปะทะช่องบก โดยทหารเป็นตาฮักนำคลิปจาก TikTok มาโพสต์บนเพจ

2 มิ.ย. 68

คลิปรวมอิริยาบถ ‘ลุงตู่’ ในเครื่องแบบทหาร (ยอดรับชม 6.9 หมื่นครั้ง)

3 มิ.ย. 68

ประยุทธ์ขณะเป็นนายกฯ ชี้แจงในสภาถึงความจำเป็นของทหารเกณฑ์ เมื่อปี 2562 (ยอดรับชม 1 ล้านครั้ง)

6 มิ.ย. 68

คลิปประยุทธ์ช่วงกรณีเขาพระวิหาร 2554 ลั่นถ้าจะรบกันไม่ยาก แค่สั่งมา (ยอดรับชม 6 แสนครั้ง)

รวมถึงเพจเฟซบุ๊ก ‘ชมรมทหารพรานกองทัพบก’ ที่รับลูกกระแสร้อนคลิปเสียงฉาว แสดงออกอย่างชัดเจนในช่วงเย็นวันที่ 18 มิ.ย. 68 ด้วยการโพสต์คลิปเพลง “หนักแผ่นดิน”

ที่มา: ทหารเป็นตาฮัก

ที่มา: ชมรมทหารพรานกองทัพบก

ทั้งการวิจารณ์รัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน และแสดงท่าทีสวนทางแนวคิดสันติวิธีเน้นเจรจาของรัฐบาล โดยเพจทหารเหล่านี้ อาจยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัด ว่าแท้จริงกองทัพวางตัวอย่างไรในการเมืองไทย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  • กระแสเรียกทหารปฏิวัติ โลกโซเชียลฯ หนักแค่ไหน จากปมพิพาทไทย-กัมพูชา

รมช.กลาโหม เตือนอย่าตกหลุมแผนฝั่งกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องมากมายภายใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา คนที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตีในโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ออกแถลงการณ์ในฐานะหัวหน้าทีมประเทศไทย (ชื่อเล่นของศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา) ที่ดูเหมือนจะมาช่วยลดโทนความร้อนแรงของสถานการณ์ฝั่งไทย

“เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการที่ซับซ้อน มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและแยบยลจากฝ่ายตรงข้าม การปล่อยคลิปเสียงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหวังผลทางการทูต แต่เป็นการ “ยิvกระสุนนัดเดียว เพื่อหวังจะได้นกทั้งรัง” และเราจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง เป็นอันขาด”

เป็นข้อความที่ พล.อ.ณัฐพล สื่อออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าอย่างน้อยตอนนี้คนในทีมไทยแลนด์ซึ่งก็ผนวกเอาไว้ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารต้องช่วยกันประคองสถานการณ์กันไปก่อนเพื่อไม่ให้เข้าทางฝั่งกัมพูชา และเมื่อสื่อสารสาธารณะออกมาก็คงคาดหวังให้ทุกองคาพยพร่วมประคองกันไปด้วย

นอกจากนั้นระหว่างที่มวลชนฝั่งอนุรักษ์นิยมเริ่มเรียกหาทหาร อีกฝั่งหนึ่งก็กำลังประเมินว่าสถานการณ์นี้จะเกิดรัฐประหารหรือไม่ ทางกองทัพก็ออกมาแก้ข่าว โดย เพจกองทัพบกก็ออกมาโพสต์ข้อความจาก พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกว่า

“ขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่” และ ผบ.ทบ.ยังขอให้ประชาชนสามัคคีกันในการปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดีด้วย

ตั้งแต่เกิดวิกฤติพรมแดนไทย-กัมพูชารอบล่าสุดนี้ เราจะเห็นบทบาทของกองทัพที่ดูจะนำหน้ารัฐบาลอยู่เรื่อยๆ และหลายจังหวะก็ไม่เป็นเนื้อเดียวกับทิศทางรัฐบาล ขณะเดียวกันกระแสนิยมทหารก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีข้อเรียกร้องที่เลยเถิดถึงกับจะให้มีรัฐประหารอีกรอบ

จนถึงวันนี้( 21 มิ.ย.) สถานการณ์อาจเริ่มทรงตัวมากขึ้น อย่างน้อยจากสถานการณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่ได้แห่ถอนตัวไปกันหมด ผู้ที่ใกล้ชิดกองทัพแสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้นถึงความจำเป็นที่กองทัพต้องร่วมประคองสถานการณ์ เหล่านี้อาจต่ออายุรัฐบาลนี้ออกไปได้อีกระยะ แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอีกหรือไม่ เมื่อใด และจากฝ่ายใด

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

ตุ๊กตา "ลาบูบู้" ครองใจชาวโลก เพราะความน่ารักหรือหน้าตาแปลกประหลาด ?

รวบช่างประดับยนต์ ขายซิมม้าให้แก๊งลักพัสดุลูกค้าซื้อทองออนไล

นายกฯอิ๊งค์ โดนไมค์สื่อโขกหัวแต่ยังยิ้มได้ 21 มิ.ย

ลูก'พิชัย'นั่ง'บอร์ด! 'รมว.คลัง’เซ็นตั้ง'อนันต์-ชาญชัย-พชร'เป็นกก.ผู้ทรงคุณวุฒิ'ก.ล.ต.'

รวบชายหัวร้อน ชักปืนยิvคู่อริ จนถึงแก่ความเสียชีวิต หนีสุดชีวิตเหล

"กองทัพภาคที่ 2" จัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้โทษภัยของบุหรี่ไฟ 2025-06-20 08:23:00

ประกาศ!! ทราบแล้วเปลี่ยน ปภ. เตรียมจัดฝึกซ้อมแผนสึนามิครั้

‘อนุทิน’ ชี้ ‘ภูมิใจไทย’ เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ไม่ตีรวนและไม่ตั้งรบ.แข่ง

“บิ๊กกุ้ง” แม่ทัพภาคที่ 2 เตือน ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/93tx | ดู : 10 ครั้ง
  1. แผ่นดินไหวขนาด-17-ตแม่ตืน-อลี้-จลำพูน-2025-06-21-05:06:53-ตามเวลาประเทศไทย-|-  -regionบริเวณศูนย์กลาง-ต.แม่ตืน แผ่นดินไหวขนาด 1.7 ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน 2025-06-21 05:06:53 ตามเวลาประเทศไทย |    Regionบริเวณศูนย์กลาง ต.แม่ตืน
  2. อนุทิน-ชี้-ภูมิใจไทย-เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว-ไม่ตีรวนและไม่ตั้งรบ.แข่ง อนุทิน ชี้ ภูมิใจไทย เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ไม่ตีรวนและไม่ตั้งรบ.แข่ง
  3. นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแมงมุมทะเลชนิดใหม่-3-ชนิด-ที่อาศัยอยู่ลึก นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแมงมุมทะเลชนิดใหม่ 3 ชนิด ที่อาศัยอยู่ลึก
  4. บิ๊กกุ้ง-แม่ทัพภาคที่-2-เตือน-ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ บิ๊กกุ้ง แม่ทัพภาคที่ 2 เตือน ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
  5. อีกก้าวสำคัญของ-or-ร่วมกับ-ktb-และ-ais-ในการขับเคลื่อนธุรกิจ-virtual-monetary-institution อีกก้าวสำคัญของ OR ร่วมกับ KTB และ AIS ในการขับเคลื่อนธุรกิจ Virtual Monetary institution
  6. วิ่งไปช้อป-โปรฯแรงดี-ไม่มีแผ่ว-ได้ที่คิง-เพาเวอร์-ทุกสนามบิน วิ่งไปช้อป โปรฯแรงดี ไม่มีแผ่ว ได้ที่คิง เพาเวอร์ ทุกสนามบิน✈💨
  7. กุหลาบกระเป๋าปิด-สีชมพูหวาน-ดอกบานมีกลิ่นหอม-จากอุทยานแห่งชา กุหลาบกระเป๋าปิด สีชมพูหวาน ดอกบานมีกลิ่นหอม จากอุทยานแห่งชา
  8. เดินชิวๆ-คนงานเมียนมาเดินคุยโทรศัพท์อยู่กลางถนนแบบไม่สนใจใค-|-2025-06-20-12:55:00 เดินชิวๆ คนงานเมียนมาเดินคุยโทรศัพท์อยู่กลางถนนแบบไม่สนใจใค 2025-06-20 12:55:00
  9. บุกตรวจค้นห้องหนุ่ม-มีประวัติสื่อลามก-พบเคยทำผิดจริง-แต่ปัจจ บุกตรวจค้นห้องหนุ่ม มีประวัติสื่อลามก พบเคยทำผิดจริง แต่ปัจจ
  10. ข้าวเกรียบกั้งยกระดับอาหารพื้นถิ่น-จ.สตูล--# ข้าวเกรียบกั้งยกระดับอาหารพื้นถิ่น จ.สตูล #
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend