
คนหนุ่มสาวอเมริกันหัวใจวายมากขึ้น มีวิธีใดบ้างที่ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos
Article Knowledge
-
- Author, อาเมียร์ อาเหม็ด
- Characteristic, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
หัวใจที่แข็งแรงมีความสำคัญต่อการรักษาการทำงานของร่างกาย มันสูบฉีดเลืoดเพื่อส่งออกซิเจนและสารอาหารไปทั่วร่างกายของคุณ
โรคหัวใจและหลอดเลืoด (Cardiovascular illnesses – CVDs) คือสาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดในโลก และคร่าชีวิตผู้คนราว 18 ล้านคนทุกปี จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO)
4 ใน 5 ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลืoด มาจากอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลืoดในสมอง
แพทย์โรคหัวใจกล่าวว่า การรักษาสุขภาพหัวใจ ซึ่งสำหรับในวัยผู้ใหญ่หมายถึงอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักที่ 60-100 ครั้ง/นาที เป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ทุกวัน
“เราสามารถลดความเสียหายต่อหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ดร.อีวาน เลวิน แพทย์โรคหัวใจจากสหรัฐอเมริกา กล่าว
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue finding outได้รับความนิยมสูงสุด
Fracture of ได้รับความนิยมสูงสุด
ทว่าแค่การรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงอาการหัวใจวายได้จริงไหม ?
หัวใจวายคืออะไร ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos
อาการหัวใจวายเกิดขึ้นเมื่อเลืoดที่ไปเลี้ยงหัวใจถูกปิดกั้นอย่างกะทันหัน
เมื่อการไหลเวียนเลืoดซึ่งลำเลียงออกซิเจนไปสู่หัวใจถูกขัดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจจะได้รับความเสียหายหรือเริ่มเสียชีวิตลง หากไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงที กล้ามเนื้อหัวใจอาจได้รับความเสียหายถาวร หากหัวใจส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายในลักษณะนี้ มันก็จะหยุดเต้น (ซึ่งเรียกว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน) ส่งผลให้เสียชีวิตในที่สุด
ครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย เกิดขึ้นภายใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังจากเริ่มมีอาการ ดังนั้นการรักษาอาการเมื่อเกิดหัวใจวายจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
สาเหตุอาการหัวใจวายที่พบบ่อยสุด คือ โรคหลอดเลืoดหัวใจ ซึ่งเกิดจากการที่สารไขมันที่เรียกว่าคราบพลัคเกาะสะสมอยู่ในเส้นเลืoดแดง ทำให้หลอดเลืoดเกิดการตีบตันยากต่อการไหลผ่านของเลืoด
ในแต่ละปี ผู้คนประมาณ 805,000 คนในสหรัฐฯ มีอาการหัวใจวาย ในจำนวนนี้มี 605,000 คนที่เกิดอาการนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ขณะที่อีก 200,000 คนเคยมีประสบภาวะนี้มาก่อน
เท่ากับว่ามีคน 1 คนเกิดอาการหัวใจวายทุก ๆ 40 วินาที จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังมีอาการหัวใจวาย ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos
หัวใจวายสามาถเกิดขึ้นได้หลากหลายอาการ แต่อาการที่พบบ่อยที่สุดคืออาการเจ็บที่หน้าอกในลักษณะมีแรงกดทับและแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง ไม่ใช่แค่อาการปวดแบบจี๊ด ๆ
ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกเจ็บที่หน้าอก รวมถึงบริเวณคอ และแขนทั้งสองข้าง
ดร.ไอลิน บาร์เซเกียน แพทย์โรคหัวใจจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ บอกว่าอาการหัวใจวายในช่วงแรก ๆ อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการอาหารไม่ย่อย แต่ที่จริงแล้วมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะหัวใจวายมักตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น แขนข้างซ้าย กราม หลัง และท้อง
อาการอื่น ๆ ของหัวใจวายที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ วิงเวียนศีรษะหรือมึนงง มีเหงื่อออกมากผิดปกติ หายใจถี่และมีเสียงหวีดออกมา
แม้อาการหัวใจวายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน แต่บางครั้งอาจมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เช่น อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่หายไป แม้ร่างกายได้รับการพักผ่อนแล้วก็ตาม
“หลังจากผ่าน 3 ชั่วโมง กล้ามเนื้อหัวใจที่ได้รับผลกระทบจะเริ่มเสียชีวิต หากเลืoดไม่กลับมาไหลเวียนดังเดิม ดิฉันจึงแนะนำว่าให้เคี้ยวแอสไพรินจนกว่าเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินจะมาถึง” ดร.ไอลิน กล่าว
แพทย์โรคหัวใจยังเน้นย้ำด้วยว่าต้องได้รับการรักษาทันที หากคุณคิดว่าตัวเองกำลังมีอาการหัวใจวาย
“คุณควรรู้จักตัวเองให้ดีและรู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงอะไรบ้าง เช่น อายุ น้ำหนัก พฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงประวัติคนในครอบครัว หากคุณทราบสิ่งเหล่านี้และเกิดอาการเจ็บหน้าอกขึ้น ให้โทรหาหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ” ดร.อีวาน เลวิน แพทย์โรคหัวใจจากสหรัฐฯ กล่าว
คำแนะนำเพื่อป้องกันการเกิดหัวใจวาย

ที่มาของภาพ : Getty Photos
วิธีลดความเสี่ยงจากหัวใจวายมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การลดความดันโลหิตและลดระดับคอเลสเตอรอลด้วยการออกกำลังกายหรือดูแลการรับประทานอาหาร
คอเลสเตอรอลเป็นสารประเภทไขมันที่พบในเลืoด ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ที่แข็งแรง แต่การมีคอเลสเตอรอลบางชนิดในระดับสูง สามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจได้
แพทย์โรคหัวใจเน้นย้ำว่าการรักษาวิถีการดำเนินชีวิตให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อปกป้องหัวใจของเรา โดยแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและอาหารที่มีไขมันต่ำ รวมถึงจำกัดปริมาณการบริโภคเกลือไม่เกิน 6 กรัมต่อวัน เนื่องจากปริมาณเกลือที่มากเกินไปอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
อีกข้อแนะนำหนึ่ง คือ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารแปรรูปขั้นสูง (ultra-processed food) และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป เนื่องจากมันจะทำให้คอเลสเตอรอลในเลืoดของคุณสูงขึ้น อาหารเหล่านี้ได้แก่ พายเนื้อ เค้ก บิสกิต ไส้กรอก เนย และอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม
อาหารที่สมดุลควรมีไขมันไม่อิ่มตัวอยู่ในนั้นด้วย เพราะเป็นที่ทราบกันว่าไขมันเหล่านี้ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี และช่วยลดการอุดตันในหลอดเลืoดแดง เช่น ปลาที่มีไขมัน อะโวคาโด ถั่ว และน้ำมันจากพืชต่าง ๆ
“อาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนนั้นยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยลดเหตุการณ์เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลืoดได้” ดร.ไอลิน กล่าว
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำ ถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาสุขภาพหัวใจโดยรวม นอกจากนี้ น้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความดันโลหิตสูงด้วย
ดร.อีวาน เลวิน แพทย์โรคหัวใจ แนะนำว่าควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 5 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่คำแนะนำสำคัญของเขาสำหรับวิถีชีวิตที่สุขภาพดีคือ “อย่า” สูบบุหรี่ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า
ข้อมูลจากสมาคมโรคหัวใจอเมริกันพบว่าการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 24,927 คน พบว่าผู้ที่สูบทั้งบุหรี่แบบดั้งเดิมและบุหรี่ไฟฟ้า มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลืoดเท่ากับผู้ที่สูบบุหรี่แบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว แม้ว่าผู้ที่ใช้เฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลืoดน้อยกว่าถึง 30-60% ก็ตาม
ในบรรดาผู้มีอาการหัวใจวายมาแล้วหนึ่งครั้ง สมาคมโรคหัวใจอเมริกันบอกว่า ประมาณ 1 ใน 5 มีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลจากอาการหัวใจวายครั้งที่สองภายใน 5 ปี
อย่างไรก็ตาม คณะนักวิจัยจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน และมหาวิทยาลัยลุนด์ในสวีเดน พบว่าการสั่งจ่ายยาสแตติน (statin) อิเซทิไมบ์ (Ezetimibe) ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอล ให้กับผู้ป่วยหลังเกิดอาการหัวใจวาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายซ้ำได้
“เรามีข้อมูลหลายทศวรรษที่บ่งชี้ว่า ยิ่งระดับคอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL) ต่ำมากเท่าไร ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลืoดและหัวใจก็ยิ่งต่ำมากเท่านั้น” ดร.ไอลิน กล่าว
อาการหัวใจวายเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาว

ที่มาของภาพ : Getty Photos
แม้ความเสี่ยงของอาการหัวใจวายโดยทั่วไปจะมีมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลจากศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกให้เห็นว่ามีผู้ป่วยในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวมากขึ้น
ในปี 2019 ผู้คนราว 0.3% ของประชากรวัย 18-44 ปี มีอาการหัวใจวาย แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 0.5%
ดร.อีวาน เลวิน ระบุว่าแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การบริโภคอาหารแปรรูปในปริมาณมากขึ้น และคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
“เราทุกคนต้องเคลื่อนไหวมากกว่านี้ ไม่ถึงกับต้องไปยิม แต่ต้องออกกำลังกายบ้าง ผมกังวลเมื่อเห็นว่านับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ผู้คนทำงานจากบ้านและเริ่มมีวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” เขากล่าว
แม้เป็นที่รู้กันว่าการสูบบุหรี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลืoดแข็ง (atherosclerosis) อันเนื่องมาจากการสะสมของไขมันในหลอดเลืoดแดง แต่ ดร.อีวาน กล่าวว่าเขากังวลเกี่ยวกับวัยหนุ่มสาวที่ไม่ค่อยคำนึงถึงผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า
นอกจากนี้ ดร.ไอลิน ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม เช่น ภาวะไขมันในเลืoดสูงที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมในครอบครัว (familial hyperlipidaemia) ยังส่งผลต่อการเกิดหัวใจวายก่อนวัยอันควร รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ความเครียดและการนอนหลับที่ไม่ดี ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนเช่นกัน”
ที่มา BBC.co.uk