
สรุปผลโหวต ‘อนุทิน’ เป็นนายก 311 เสียง
- ประชาชน 143
- ภูมิใจไทย 68
- รวมไทยสร้างชาติ 33
- กล้าธรรม 25
- พลังประชารัฐ 18
- เพื่อไทย 9
- พรรคอื่นๆ 15
- ไทยสร้างไทย 6
- ประชาธิปัตย์ 4
- ไทยก้าวหน้า 1
- เป็นธรรม 1
- ชาติพัฒนา 1
- ประชาธิปไตยใหม่ 1
- เสรีรวมไทย 1
สรุปผลโหวต ‘ชัยเกษม’ เป็นนายก 152 เสียง
- เพื่อไทย 128
- ชาติไทยพัฒนา 10
- ประชาชาติ 8
- ชาติพัฒนา 2
- พลังประชารัฐ 2
- ไทรวมพลัง 2
งดออกเสียง 27
- รทสช. 3
- ภท. 1
- พท. 2
- ปชป. 20
- ประชาชาติ 1
5 ก.ย. 2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ (ฉบับปรับปรุง) เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงแรก การประชุมสภายังเข้าวาระโหวตนายกฯ ไม่ได้
พรรคภูมิใจไทยเสนอให้เลื่อนวาระการโหวตนายกฯ ขึ้นมาโหวตเลย แต่พรรคเพื่อไทยให้ดำเนินการตามระเบียบวาระเดิม วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาจึงให้มีการอภิปรายกันในประเด็นดังกล่าว โดยประธานสภาแจ้งว่ามีผู้ขออภิปราย 10 คน แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน คือ สนับสนุนให้เลื่อนระเบียบวาระการเลือกนายกฯ ขึ้นมา กับ ไม่เลื่อนระเบียบวาระ โดยประธานสภาให้เวลาอภิปรายคนละ 5 นาที ก่อนให้ที่ประชุมโหวต
เวลา 11.33 น. ที่ประชุมลงมติ 313 เสียงเห็นด้วยให้เลื่อนวาระโหวตนายกฯ คนที่ 32 ขึ้นมาพิจารณาก่อน
เวลา 12.05 น. ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ภูมิใจไทย และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี
เวลา 12.07 น. สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจาก พท. ชิงนายกฯ คนที่ 32
รวมอภิปรายหนุน ‘อนุทิน’
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ขอใช้เวลาช่วงต้นในการชี้แจง 3 ประเด็นด้วยกัน
ข้อแรก – ข้อห่วงใยเรื่องการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่าจะขัดต่อระบบการเมืองในระบบรัฐสภาหรือไม่ ที่เรามีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยทางอ้อม เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือมีเสียงข้างมากในสภา
หลังจากที่ พรรค ปชน. ได้ประกาศ MOA ทั้ง 5 ข้อ ซึ่งรวมถึงการคงสภาพการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ การแสดงออกของพรรคเพื่อไทยได้แสดงออกว่า พร้อมรับทุกเงื่อนไข ลดแลกแจกแถม หากเลือกชัยเกษมก็พร้อมจะยุบสภาทันที คำถามคือ สมาชิกที่อภิปรายว่าไม่เห็นด้วยกับการให้มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย วันนั้นได้คัดค้านต่อท่าทีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า
ข้อสอง – ข้อห่วงใยเรื่องจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างไร ปชน.จะต้องคอยอุ้ม คอยแบก การผ่านกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่ ขอถามว่าไม่คิดหรือว่าช่วง 4-6 เดือนต่อไปนี้ สภาชุดนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายค้านเข้มแข็งมากที่สุด ตราบในที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยยืนยันจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้บวกเลขแล้วมี 280 กว่าเสียง ทำไมจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ได้ ทำไมจะเดินหน้าไปสู่การยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ขอเชิญชวนให้สมาชิกจากพรรคเพื่อไทยซึ่งมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกันทำฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง เดินหน้าให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ ปชน.ได้เซ็นสัญญาไว้
ข้อสาม – การตัดสินใจของพรรค ปชน.ในวันนี้ เพื่อนสมาชิกบางส่วนมีข้อห่วงใยว่าเราจะไปสนับสนุนขั้วอนุรักษนิยม ทำลายระบอบประชาธิปไตย เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ไม่ขอพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่จะขอให้ดูระยะเวลา 4-6 เดือนต่อจากนี้ ที่เราจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งร่วมกัน พิสูจน์สิว่าเราตัดสินใจและต้องการเดินหน้ากระบวนการประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ใช่วันหนึ่งที่ ภท.ออกจากการ่วมรัฐบาล แล้วเรื่องนิรโทษกรรมหรือเรื่องอื่นๆ ท่านผลักดันจริงหรือเปล่า เราไม่ได้มาชวนทะเลาะ ย้อนอดีต แต่เราเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แก้รัฐธรรมนูญ พวกตนทำเองไม่ได้ต้องทำร่วมกับพรรคเพื่อไทย
ขอเน้นย้ำอีก 1 ครั้งว่าสภาชุดนี้ชุดเดียวกำลังจะโหวตนายกฯ ครั้งที่ 4 ตั้งแต่พิธา เศรษฐา แพทองธาร ซึ่งมีต้นสายปลายเหตุมาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าประเทศนี้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ ความไม่ชัดเจนของหลักการแบ่งแยกอำนาจ ซึ่งท่านก็ได้รับผลกระทบ เราทุกคนในสภาแห่งนี้ต่างได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญปี 60
ขอยืนยันอย่างชัดเจนต่างๆ อีกครั้งดังนี้
ความชัดเจนข้อ 1 : เราไม่ได้เลือกอนุทินมาเพื่อบริหารประเทศ แต่เลือกมายุบสภาภายใน 4 เดือนหรืออาจไวกว่านั้น เปิดทางให้ประเทศไปต่อผ่านการเลือกตั้งใหม่
ความชัดเจนข้อ 2 : เราได้เซ็นข้อตกลง 5 ข้อที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
- หากศาลรัฐธรรมนูญให้ทำประชามติ 3 ครั้ง เราระบุให้ ครม.ต้องมีมติให้จัดทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งครั้งหน้า และนั่นไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ถึง 4 เดือน คาดหวังว่า รบ.ที่เข้ามาเปิดประตูเพื่อการเลือกตั้งก็ควรพิจารณาตามความเหมาะสม
- หากศาลรัฐธรรมนูญให้ทำประชามติ 2 ครั้ง นี่เป็นโอกาสดีที่สุดภายใต้ 4 เดือนนี้ ที่รัฐสภาเปิดช่องให้แก้ ม.256 ให้ทัน ให้มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งหน้า นี่คือกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญจริงๆ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของประเทศนี้ในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าท่านใดไม่เห็นด้วย ถ้าประชาชน 60 กว่าล้านคนไม่เห็นด้วย มีใครมาตอบเราได้ไหมว่ามีโอกาสไหนดีไปกว่านี้อีกในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60
- “พวกเราคิดข้อเสนอนี้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว และไตร่ตรองกันทุกๆ วินาทีจนถึงวันนี้ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ”
- การคงสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย ย้ำอีกครั้งว่า พรรคประชาชนพรรคเดียวไม่สามารถคงสภาพพรรคฝ่ายค้านเสียงข้างมากได้ ต้องร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยที่จะให้ปฏิบัติตาม MOA และเปิดประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ตนตอบแทนเพื่อนสมาชิกของพรรคตนได้ 143 เสียงไม่มีใครเป็นงูเห่า ท่านตอบได้ไหม ถ้าตอบได้ก็จะเดินทางสู่ทางนี้แน่นอนไม่มีทางอื่น
- หลังโหวตนายกฯ จะไม่ร่วมครม. มีข้อห่วงใยว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ชวนให้อ่านมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุด และไม่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ไม่เป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าตนทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าได้ต่อไปโดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ความชัดเจนข้อ 3 : ที่บอกว่าพรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค เพื่อนสมาชิกหลายคนมีความอึดอัดใจมากในการโหวตวันนี้ แต่เมื่อเรามีมติพรรคออกมาแล้ว มีกระบวนการรับฟังสมาชิกพรรคอย่างรอบด้านแล้ว ไม่มีใครจะบิดพลิ้วต่อมติพรรคครั้งนี้ได้ ยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรค หากมี สส.คนไหนขัดต่อมติพรรค คุณขัดต่อคุณค่าพื้นฐานของพรรคที่บอกว่า พรรคใหญ่กว่าคน และเราชัดเจนว่าประชาชนใหญ่กว่าพรรค 14 ล้านคนที่เลือกเรา ไม่ใช่สมาชิกพรรคประชาชนทั้งหมด และเชื่อว่าเขาไม่มีใครเลือกอนุทินเป็นนายกฯ ไม่มีใครอยากให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครอยากให้อำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซงการเมือง 14 ล้านคนไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดกับการตัดสินใจของพรรคในวันนี้ แต่อยากยืนยันว่า การตัดสินใจของเราในวันนี้ เราตัดสินใจเพื่อคน 60 กว่าล้านคน เพื่อผ่าทางตัน เดินหน้าสู่การเลือกตั้งและแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ตัดสินใจเพื่อความนิยมของพรรคเฉพาะหน้า
ความชัดเจนข้อ 4 : ทุกพรรคการเมืองวันนี้เดินหน้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคต้องมุ่งหน้าสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง เพื่อให้มี สส.ในสภามากที่สุด ชัดเจนว่าถ้าทุกพรรคอยากได้คะแนนนิยมมากขึ้น คุณจะต้องรักษาสัญญา
สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายว่าตนขอเป็น 1 เสียงที่สนับสนุนอนุทิน เพราะว่าอนุทินคือความหวังของพี่น้อง หลังเศรษฐกิจหยุดชะงัก ไม่มีคนมาท่องเที่ยว ลงทุน ทางด้านสังคม พี่น้องมีความหวังว่าท่านอนุทินน่าจะมีผลงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านอาชญากรรม หนี้สิน สองสัปดาห์ที่แล้วมีการฆ่-ากันที่หนองบัวลำภูเรื่องหนี้สิน อีกเรื่องคือปัญหาชายแดน เรารบกันแบบบ้านแตกสาแหรกขาด มีผู้อพยพรวมถึงนักเรียน มีชายคนหนึ่งตะลอนๆ พร้อมกับภรรยา เป็นที่พึ่งให้กับคนชายแดน คนชายแดนหวังเสียงปืนสงบ ความร่มเย็นชายแดนจะกลับมา จะต้องไม่มีคลิปเสียงที่มาทำร้ายทำลายประเทศไทย อีกทั้ง ชายแดนทางเหนือของไทย มีชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งรุกล้ำดินแดนไทยในสมัยรัฐบาลที่แล้ว เราต้องผลักดันชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ให้ไปไกลจากชายแดนเรา
กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ การเมืองไม่ใช่การแย่งชิงอำนาจ แต่ต้องเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาให้ประชาชน ถ้ารอต่อไปประชาชนจะเสียโอกาส การเลือกอนุทินภายใต้ TOR ที่พรรคการเมืองเห็นร่วมกัน เป็นทางออกที่ตรงไปตรงมา ประนีประนอมอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาการเมืองท้องถิ่นให้ชาวบ้าน
รังสิกร ทิมาตฤกะ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงประวัติการทำประโยชน์ของอนุทินในช่วงก่อนที่จะมาเล่นการเมือง ทั้งการส่งอวัยวะให้ผู้ป่วย และการช่วยซ่อมสร้างโรงเรียนที่ถูกไฟไหม้ นั่นแสดงถึงพื้นฐานจิตใจที่โอบอ้อมอารี
รวมอภิปรายหนุน ‘ชัยเกษม’
จาตุรนต์ ฉายแสง สส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายชี้ว่า อนุทิน ไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ เนื่องจากการจับมือร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน จะทำให้ฝ่ายค้านไม่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบ เพราะว่ามันทำให้ฝ่ายค้านไม่มีแรงจูงใจในการตรวจสอบ เพราะว่าพรรคประชาชนต้องทำหน้าที่ประคับประคอง พรรคภูมิใจไทย และขณะเดียวกัน ต้องทำการตรวจสอบพรรคประชาชน
“พรรคประชาชนจึงไม่สามารถทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลได้ พรรคประชาชนจะไม่อยู่ในสถานะทัดทานได้ พรรคภูมิใจไทยที่อยู่ในฐานะเป็นแกนนำ เป็นรัฐมนตรี พรรคประชาชนจะไม่สามารถคัดค้านทัดทานได้” จาตุรนต์ กล่าว
อีกประการ จาตุรนต์ ชี้ว่า อนุทินขาดคุณสมบัติ เพราะถือว่าเป็นผู้มีบารมีมากไป ขนาดที่ยังไม่เป็นนายกฯ การรถไฟฯ ยังแจ้ง DSI ขอเลื่อนการร้องทุกข์ โดยให้เหตุผลเพื่อรอรัฐมนตรีคนใหม่เสียก่อน และเคยแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 คนนั้นไปสมัครองค์กรอิสระ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สามารถเอาชนะนักกฎหมาย หรือนักรัฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ บารมีแบบนี้น่าเป็นห่วง
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า ถ้าอนุทิน ได้เป็นนายกฯ บารมีนี้จะไม่ส่งผลกระทบถึงกรณีการฮั้ว สว. จนทำให้มีคนผิดลอยนวล แล้วเกิดมีบารมีขึ้นมาจนกระทั่งต้องการให้ สว.พ้นมา เพื่อแต่งตั้งบุคคลผู้มาดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ หากปล่อยเป็นแบบนี้อีก 1 ปีจะเป็นสายเดียวกันหมด หรือสีเดียวกันหมด ถ้าให้อนุทินเป็นนายกฯ มีความเสี่ยงอย่างมากที่บ้านเมืองจะพัฒนาไปอย่างนี้ ระบบองค์กรอิสระ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะถูกครอบงำโดยอำนาจวิเศษ หรือโดยอำนาจของผู้มีบารมี จะเป็นเรื่องตรงข้ามที่พรรคประชาชนเสนอต่อประชาชน
“มวลชนของพรรคประชาชนจะรู้สึกยังไง ถ้าพรรคของท่านกลายเป็นพรรคที่ข้ามขั้ว มาสนับสนุนแกนนำของฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างเต็มตัว” สส.เพื่อไทย กล่าว
จาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ถ้าเลือกชัยเกษม เป็นนายกฯ เพราะว่าปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น เพราะเมื่อชัยเกษม แถลงนโยบายแล้ว จะคล้ายกับที่อานันท์ ปันยารชุน เคยทำแถลงเมื่อปี 2535 และจะยุบสภาฯ เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้อนุทินเป็นนายกฯ แต่สนับสนุน ชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งเป็นแคนดิเดตลำดับที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีข่าวลือหนาหูว่ามีการใช้เงินถึง 2 พันล้าน ท่านอนุทินต้องเคลียร์เรื่องนี้ สมาชิกพรรคเพื่อไทยหายไป 8 คน ใครๆ ก็รู้ว่าเหตุใดถึงไป ยังมีพรรคการเมืองต่างๆ หลายพรรคอีกที่ชัดเจนว่าหนุนท่าน ตนไม่ได้อิจฉาตาร้อน คุณอนุทินก็เหมาะที่จะเป็นถ้าภูมิหลังบริสุทธิ์ยุติธรรมจริง ซึ่งในประเด็นที่ตนพาดพิงอนุทินต้องตอบเอง หรือไปสาบานที่วัดพระแก้วก็ได้ ว่าท่านมาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ชัยเกษมไม่ได้มีประวัติด่างพร้อยแบบนั้น
ชลน่าน ศรีแก้ว ตั้งประเด็นอภิปรายว่าการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้มีขึ้นภายใต้การทำข้อตกลงระว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยหรือ MOA 5 ประการ นี้เขาเห็นว่าเป็นกระบวนการเสนอชื่ออนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ครั้งนี้มีปัญหาอยู่ 3 ประเด็น
- ขัดหลักการประชาธิปไตย
- ขัดรัฐธรรมนูญ
- ผิดกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
ชลน่านกล่าวว่าการมีข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนทำกับพรรคภูมิใจไทย 5 ข้อ โดยจะให้พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยพรรคประชาชนไม่ร่วมเป็นรัฐบาลและไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยพรรคประชาชนจะดำรงเป็นฝ่ายค้านในสภา อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยต้องไม่ไปรวมเสียงข้างมาก
“ข้อตกลงเยี่ยงนี้ รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นได้ แต่หลักการสำคัญในระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการพื้นฐานสำคัญที่สุดคือปกครองโดยเสียงข้างมากเคารพเสียงข้างน้อย แต่หลักนี้กำลังถูกทำลายในสภาแห่งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งคนหนึ่งคนเพื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนหนึ่งคนกับหลักการสำคัญของประชาธิปไตย”
“การที่ไปรวมเสียงลักษณะนี้ ทำให้เกิดการปกครองเสียงข้างน้อย แล้วบอกว่าควบคุมเสียงข้างน้อยโดยฝ่ายค้านและใช้สภาแห่งนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจท่านยื่นได้เพราะมีเสียง 143 เสียง หรือ 1 ใน 5 ยื่นได้ แต่ลงมติก็ได้ 143 เสียงไม่ไว้วางใจเขาได้เหรอ เขามีเสียง 146 เสียงแล้วจะคุมเขาอย่างไร”
แล้วหลักเสียงข้างมากที่มาจากพี่น้องประชาชนแล้ว 14 ล้านเสียงมอบให้พรรคประชาชน 1 ล้านเสียงมอบให้พรรคภูมิใจไทย 14 ล้านเสียงเขาบอกว่าต้องการให้เป็นรัฐบาลแต่เมื่อเป็นไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่ท่านกำลังยก 14 ล้านเสียงไปให้กับ 1 ล้านเสียง แล้วบ้านเมืองนี้จะปกครองอย่างไรท่านไม่เคารพ 14 ล้านเสียง นี่เป็นการทำลายหลักพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และการเปิดช่องเช่นนี้เป็นการทำลายระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระบบรัฐสภาโดยสิ้นเชิงที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเป็นสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือเมื่อมีการโหวตให้อนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็นับหนึ่งวันสิ้นสุดของระบบรัฐสภาแห่งนี้ทันที เพราะเรายอมรับอำนาจนอกระบบเข้ามาชี้นำทุกอย่าง เรามาแสดงละครเป็นตัวประกอบให้อำนาจนอกระบบเข้ามาครอบงำชี้นำพวกเราในสภาทั้ง 496 คนหรือ ถ้ายอมก็ยอมไป แต่เขาเองไม่ยอมและจะสู้ถึงที่สุด
ประการต่อมา ชลน่านยกถึงเรื่องที่สมาชิกรัฐสภาเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบในกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ตามมาตรา 114 รัฐธรรมนูญคือประเด็น“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”
ชลน่านกล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชนและอนุทินหรือไม่ เพราะจากผลสำรวจทุกสำนักก็บอกว่าถ้ามีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่พรรคประชาชนจะได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งซึ่งไม่เป็นประเด็นเลยเมื่อพรรคประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะต้องการอำนาจจากประชาชนที่เป็นอำนาจที่ชอบธรรมเพราะประชาชนมอบให้ แต่การใช้วิธีการทำข้อตกลงแบบนี้เพื่อให้มีการยุบสภาเพื่อให้ได้อำนาจมากระบวนการนั้นชอบตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ชลน่านกล่าวว่าเมื่อเป็นการครอบงำชี้นำสมาชิกก็เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะไปครอบงำชี้นำให้สมาชิกมากระทำการให้ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรม ศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่ไม่รู้ แต่จำเป็นต้องทักท้วงเพราะไม่อยากให้รัฐสภาแห่งนี้กระทำผิดรัฐธรรมนูญและเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภา เพราะถ้ามีการทำผิดกระบวนการแล้วประเทศนี้จะหวังพึ่งอะไร เมื่อประชาชนเขามุ่งหวังเลือกตัวแทนเข้ามาแต่เรากลับมอบอำนาจนี้ไปให้กับอำนาจอื่นเข้ามาครอบงำเช่นนี้
ชลน่านกล่าวถึงประเด็นข้อตกลงระหว่าง 2 พรรคนั้นยังผิดข้อกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 46 ที่ทำให้ได้มาซึ่งประโยชน์ในสิ่งอื่นใด การคาดหวังในการรับเลือกตั้ง ได้โอกาสมากขึ้นแก่บุคคลคนหนึ่งซึ่งไม่มีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยจำนวนเสียงที่มีอยู่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี การมีข้อตกลงแบบนี้เข้าข่ายผิดมาตรา 46 หรือไม่ และยังรวมถึงมาตรา 28-29 ที่มีประเด็นเรื่องครอบงำชี้นำจากกรณีที่พรรคภูมิใจไทยไปทำข้อตกลง MOA ว่าพรรคประชาชนต้องทำอย่างไร ส่วนพรรคประชาชนบอกว่าพรรคภูมิใจไทยต้องไปทำอย่างไร ก็ชัดแจ้งมากโดยไม่ต้องหาหลักฐานที่ไหนอีก เพราะบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคไปครอบงำชี้นำพรรคการเมืองให้ดำเนินการตามที่ต้องการ
ชลน่านกล่าวว่าประธานสภาควรนำเรื่องนี้มาพิจารณาเพราะคำร้องที่ส่งไปกำลังดำเนินการอยู่มีลงเลขรับแล้วประธานสภากำลังยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เขาจึงเห็นว่า การให้ความเห็นชอบแก่บุคคลได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ควรระงับไว้ก่อนแล้วรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะว่าอย่างไร ถ้าศาลไม่รับก็กลับมาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าศาลรับว่าคำร้องก็ควรระงับการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการศาลจะสิ้นสุด เพราะเขาก็อยากให้นายกรัฐมนตรีที่ได้มาต้องชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นควรว่าควรพักการประชุมหรือเลื่อนการลงมติออกไป
สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่ติดใจว่าใครจะได้เป็น แต่สิ่งซึ่งผู้แทนต้องคำนึงอย่างมากก็คือ เราต้องคัดเอาคนที่สง่างามที่สุดของสภา เพื่อไม่ให้ใครมาดูแคลนได้ ต้องเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ในเรื่องกระบวนการก็สำคัญ ตนไม่สบายใจอย่างยิ่งว่าการจะได้มาซึ่งนายกฯ เป็นการทำให้มาตรฐานของสภาตกต่ำลงอย่างมาก ตนไม่สบายใจในคุณสมบัติตามข้อกฎหมายของอนุทิน เรื่องคดีฮั้ว สว. ท่านเป็นคนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี คดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งการร่วมกันทำ MOA ขึ้นมา มันหมิ่นเหม่ว่าท่านกำลังทำผิด ตัวแทนที่กำลังจะถูกเลือก ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จริยธรรมชอบหรือไม่ สำหรับท่านชัยเกษม ตนไม่มีข้อกังขา แต่อนุทิน ตนกังขาอย่างมาก และการนำชื่อบุคคลนี้ขึ้นทูลเกล้า ก็อาจมีปัญหา อาจจะถือว่าจะทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ ตนจึงสนับสนุนชัยเกษม ไม่สนับสนุนอนุทิน
ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่าตำแหน่งนายกฯ ถือว่าเป็นงานสำคัญของชาติโดยส่วนร่วม นายกฯ เป็นฝ่ายการเมือง มีรัฐธรรมนูญกำกับ โดยแยกประโยชน์ส่วนรวมกับส่วนตัว นายกฯ จะต้องไม่เข้าไปแทรกแซงทางตรงและทางอ้อม สำหรับท่านชัยเกษม เป็นนักนิติศาสตร์ที่ได้รับการยกย่อง เป็นที่ยอมรับในการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม แต่สำหรับท่านอนุทิน ตนคิดว่าท่านไม่มีมาตรฐาน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีฮั้ว สว. ซึ่งท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ กกต. และอีกประเด็นหนึ่งท่านยังมีเรื่องอยู่ที่ดีเอสไอ ท่านก็เข้าข่ายใน 229 คน ข้อหาอั้งยี่และฟอกเงิน อีกประการที่หนึ่งคือ เราต้องการรักษาเอกราช แผ่นดินตารางนิ้วเดียวก็จะไม่ยอมเสียให้ใคร ท่านไม่รักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ในกรณีที่ดินเขากระโดง ท่านผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคเพื่อไทยลุกขึ้นอภิปรายหลังผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุถึงการใช้สิทธิพาดพิง ว่า หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านบอกว่าพรรคเพื่อไทยเองก็รับข้อเสนอของพรรคประชาชนและเสนอด้วยว่าถ้าเลือกชัยเกษมจะยุบสภาทันที ไม่เห็นพรรคเพื่อไทยว่าอะไร เรื่องนี้ก็ถูกต้องแล้ว มาถึงขึ้นพรรคเพื่อไทยเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าเลือกชัยเกษมจะยุบสภาทันที จะได้ไม่เกิดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นใน 4 เดือน หากอนุทินได้เป็นนายกฯ
หัวหน้าพรรคประชาชนตอนนี้จะเรียก ผู้นำฝ่ายค้านก็เรียกไม่เต็มปากแล้ว ได้บอกว่า ขอเชิญชวนให้พรรคเพื่อไทยมาช่วยกันทำให้ฝ่ายค้านเข้มแข็ง ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เราทำงานเข้มแข็งเต็มที่แน่นอน ไม่มีเหตุใดเลยที่จะไม่เป็นเช่นนั้น
“พวกผมถนัดเป็นฝ่ายค้านมาก่อนที่จะมีพรรคอนาคตใหม่ แต่ประเด็นคือ ท่านกำลังมาชวน พรรคเพื่อไทยช่วยทำฝ่ายค้านเข้มแข็ง แต่ฝ่ายค้านในสภากำลังไม่เข้มแข็ง รวนเร อิหลักอิเหลื่อ เพราะพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด ต้องประคับประคองรัฐบาลนี้ จนไม่รู้จะร่วมงานกันอย่างไร ถ้าจะทำให้ฝ่ายค้านเข้มแข็ง เป็นพรรคประชาชนต่างหากที่ต้องวาง ตกลงกันมาให้ดีว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างไร ผมช่วยคิดให้ยังคิดไม่ออกเลย”
จาตุรนต์กล่าวอีกว่า ข้อกล่าวหา ปชน.หนุนอนุรักษ์นิยม เป็นเพราะต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ปัญหาบ้านเมืองทั้งหมดเพราะรัฐธรรมนูญไม่ชัดเจน และ 4 เดือนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ขอชี้แจงว่า สิ่งที่พรรคประชาชนทำอยู่คือ จะทำให้ 4 เดือนต่อไปนี้ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก
“จะทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าไม่นับรัฐบาลจากรัฐประหารโดยตรง ที่บอกว่า รัฐธรรมนูญไม่ชัดเจน ช่วงนี้เป็นช่วงดีที่สุดที่เราจะแก้ได้ ยุทธศาสตร์ที่ท่านวาง ข้อตกลงที่วางกันไว้ จะทำให้ 4 เดือนนี้เดินไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ และจะแก้ไม่ได้อีกยาวนาน เนื่องจากบารมีของหัวหน้ารัฐบาลจะแผ่กระจายไปจนกระทั่งทำให้ สว.ที่กำลังประสบปัญหาว่าจะเป็นกันได้หรือไม่ มีที่มาถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ จะฟื้นคืนชีพกันขึ้นมาและมาตั้งองค์กรอิสระต่างๆ กันครบไปหมด มีหรือที่เขาจะแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นที่ผู้นำฝ่ายค้านพูดอย่างแข็งขัน พูดฉะฉานทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นจะตรงข้ามกับสิ่งที่พูด”
ขอให้ ภท.ยืนยัน ไม่แก้หมวด 1-2
วิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้จะมาตีรวน ตั้งใจมาฟังข้อชี้แจงของคนที่จะมาเป็นรัฐบาล ตามหลักการแล้วพรรคที่มี สส.มากที่สุดก็ควรเป็นพรรคที่ตั้งรัฐบาล ก็คือพรรคประชาชน อันดับสองคือพรรคเพื่อไทย แต่ ชัยเกษม ลาออกจาก สส. ไปเมื่อปี 2566 ด้วยปัญหาสุขภาพ เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่ท่านออกมาแถลงข่าว อ่านตามโพยทั้งหมด เสนอ probability พิเศษว่าเลือกท่านเป็นนายกฯ แล้วท่านพร้อมจะยุบสภาทันที อาจจะสนองอารมณ์คนบางกลุ่ม แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ว่าประเทศมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการ ขณะที่พรรคอันดับสามรวบรวมเสียงได้มากกว่า เป็นคนหนุ่มที่มีอัธยาศัยไมตรีดี แต่ตนติดนิดเดียวตรงที่มีการไปทำข้อตกลงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยไม่ระบุว่ามีการงดเว้นหมวด 1 หมวด 2 ตนมองว่าพรรคอันดับสามชอบธรรมแล้วในการตั้งรัฐบาล เพราะพรรคอันดับสองทำไม่ได้ แต่พรรคอันดับสามสามารถยืนยันต่อสภาแห่งนี้ได้ไหมว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะยกเว้นหมวด 1 หมวด 2 หากท่านทำได้ ตนจะตัดสินใจทันที แต่ในตอนนี้ตนยังไม่ตัดสินใจ
สภาเลื่อนโหวตนายกฯ ก่อน ตามที่ ภท.เสนอ
ทั้งนี้ ก่อนจะมีการโหวตนายกฯ ในช่วงเช้าพรรคภูมิใจไทยเสนอให้เลื่อนวาระการโหวตนายกฯ ขึ้นมาโหวตเลย ไม่ต้องรอจนถึงลำดับท้ายๆ ตามที่บรรจุวาระไว้ แต่พรรคเพื่อไทยให้ดำเนินการตามระเบียบวาระเดิม วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาจึงให้มีการอภิปรายกันในประเด็นดังกล่าว โดยแจ้งว่ามีผู้ขออภิปราย 10 คน แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน คือ สนับสนุนให้เลื่อนระเบียบวาระการเลือกนายกฯ ขึ้นมา กับ ไม่เลื่อนระเบียบวาระ ให้เวลาอภิปรายคนละ 5 นาที ก่อนห้ที่ประชุมโหวต
เวลา 11.33 น. ที่ประชุมลงมติ 313 เสียงเห็นด้วยให้เลื่อนวาระโหวตนายกฯ คนที่ 32 ขึ้นมาพิจารณาก่อน
เวลา 12.05 น. ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ภูมิใจไทย และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี
เวลา 12.07 น. สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจาก พท. ชิงนายกฯ คนที่ 32
ควรเลื่อนญัตติเลือกนายกฯ ขึ้นมา
- สุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ สนับสนุนการเลื่อนญัตติเลือกนายกฯ มาให้ไวขึ้น เป็นตอนนี้ ชั่วโมงนี้ โดยระบุว่า เกือบ 10 วันแล้วที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี แต่ประเทศไทยยังมีปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงชายแดน ความยากจน ปัญหาเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจีนหดหาย แม้มีนายกฯ รักษาการแต่ก็แก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่ วันนี้ต้องมีนายกฯ มาแก้ปัญหาประเทศ
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า กล่าวหาเลยเถิดว่า MOA ฉบับนี้ไปเป็นการล้มล้างการปกครอง ถ้าเชื่อแบบนี้ ท่านจะบอกว่ารับข้อเสนอของพรรค ปชน. ทำไม นี่เป็นการตกลงกันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ดีลลับที่ไปทำกันที่ต่างประเทศ การออกมากล่าวหาแบบนี้จึงแสดงให้เห็นตรรกะที่ย้อนแย้ง
- โสภณ ซารัมย์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย สนับสนุนการเลื่อนการเลือกนายกฯ ขึ้นมาให้ไวขึ้น โดยกล่าวว่าสภาปฏิบัติตาม รธน. โดยชอบ และทำตามข้อบังคับสภาโดยชอบ โสภณเห็นแย้งว่าไม่ได้เป็นการเซาะกร่อนประชาธิปไตย แต่เป็นการ “คืนประชาธิปไตยให้ประชาชนให้ไวที่สุดเท่าที่ควรจะเป็น”
- รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ใช้สิทธิชี้แจงตามที่มีผู้อภิปรายพาดพิงกล่าวหาว่า พรรค ปชน. ทำผิด รธน. ไม่เป็นประชาธิปไตย MOA ฉบับดังกล่าวผิดต่อกฎหมาย รังสิมันต์ระบุว่า พรรค ปชน.ยืนยันจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน การจะโหวตใครเป็นนายกฯ เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายกำหนดว่าห้ามฝ่ายค้านไปเลือกพรรคไหน
- แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลายท่านอาจลืมไปว่าการโหวตนายกฯ ครั้งก่อนก็ใช้เวลาเพียงวันเดียว
ไม่ควรเลื่อนญัตติเลือกนายกฯ
- ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ การเลือกนายกวันนี้ ข้อตกลงระหว่าง ปชน.กับภท. เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่บ่อนเซาะประชาธิปไตย อนุทินอาจมาตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่ห้ามบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง
- ทวีกล่าวต่อไปว่า ตนอยากให้มีการพิจารณาข้อตกลงดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน ทางพรรค ปชน.ควรยื่นเรื่องให้ ศาล รธน. วินิจฉัย ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหาว่าฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายจะได้แก้ รธน. ด้วยเหตุนี้ตนจึงเห็นว่าไม่ควรเลื่อนการเลือกนายกฯ ขึ้นมาให้เร็วขึ้น แต่ควรวินิจฉัยเรื่องข้อตกลงดังกล่าวให้ถ่องแท้
- จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อตกลงที่เรียกกันว่า MOA ที่ผู้นำฝ่ายค้านทำร่วมกันกับว่าที่ผู้นำรัฐบาล ปัญหาของ MOA ฉบับนี้ คือ เกิดขึ้นมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บังคับใช้ไม่ได้ ส่วนคนที่ลงนามใน MOA จะมีความสุ่มเสี่ยงว่าจะผิดรัฐธรรมนูญ ขัดกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ตนเองไม่ขัดว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่วิธีการเข้าสู่อำนาจจะต้องชอบด้วย รธน.
- จิตติพจน์กล่าวว่าสิ่งที่จะกล่าวในที่นี้ไม่ใช่เรื่องลับ เป็นเรื่องที่ประกาศโดยทั่วไปว่า ในข้อตกลงฉบับนี้มีการเสนอ คนหนึ่งบอกว่าจะโหวตเป็นนายกฯ อีกคนหนึ่งบอกว่าเดี๋ยวจะจัดทำประชามติเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับโดยไม่ได้มีเงื่อนไขว่าจะงดเว้นหมวด 1 หมวด 2
- จิตติพจน์กล่าวว่า เงื่อนไขที่นายกฯ คนใหม่จะยุบสภาใน 4 เดือน และต้องไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อเป็นเสียงข้างมาก หากเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ คงไม่มีใครมาบอกว่าตัวเองจะเป็นเสียงข้างน้อย จะยุบสภาใน 4 เดือน เหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีความผิกปกติเกิดขึ้น คือจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีการครอบงำกัน ชี้นำ ควบคุม และเปลี่ยนผลประโยชน์กัน มาตรา 28 และ มาตรา 29 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ระบุว่าคนครอบงำก็ผิด คนถูกครอบงำก็ผิด ยังมีมาตรา 46 อีกซึ่งก็เขียนชัดเจนว่า ถ้าหากว่ามีการเสนอว่าจะให้หรือรับ สัญญาว่าจะให้หรือสัญญาว่าจะรับเงิน-ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดเพื่อให้จะได้ตำแหน่ง ก็เป็นการทำผิด เมื่อ MOA ฉบับนี้ทำขึ้นโดยขัดต่อกฎหมาย ตามหลักของสัญญาแล้ว สัญญานี้ก็จะบังคับใช้ไม่ได้ และจะเป็นโมฆะไป
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายคัดค้านการเลื่อนระเบียบวาระเลือกนายกฯ ขึ้นมา เพราะการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ การจะเร่งรัดขึ้นมาก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจของสมาชิกในที่ประชุมได้ จากที่มีการตกลงกันระหว่างพรรค ปชน. กับ ภท. ว่าการกำหนดยุบสภาใน 4 เดือน และห้ามเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก มันขัดต่อหลักการประชาธิปไตย สุ่มเสี่ยงต่อการ ใช้อำนาจในการล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่ คงจะต้องมีการร้องเรียนกันต่อ และคงต้องมีการกระบวนการวินิจฉัยจากฝ่ายอื่น
จุลพันธ์กล่าวต่อไปว่าอีกประเด็นที่ตนเป็นห่วงคือ เอกสิทธิ์ของ สส.ที่ไม่ควรต้องมีใครมากำหนดหรือกะเกณฑ์สมาชิกได้ แต่ด้วยข้อตกลงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเดทล็อก หลายท่านมาคุยนอกรอบ ในวงกาแฟ แสดงความอึดอัด แต่ด้วยข้อตกลงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ถูกบีบบังคับ เอกสิทธิ์ สส.จึงหายไป
จุลพันธ์กล่าวต่อไปว่า พ.ร.ป.พรรคการเมือง มีข้อกำหนดชัดเจนว่า ห้ามมีการแลกรับผลประโยชน์ในเรื่องของการดำเนินการเลือกนายกฯ ใดๆ แต่นี่มีกลไกในการยุบสภาแลกกับการเป็นนายกฯ เป็นประโยชน์แอบแฝงหรือไม่
- ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเมื่อมีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น บ้านเมืองเสียหาย แต่ว่าเมื่อมองในแง่ของกฎหมาย ตนพยายามอ่านตั้งแต่มาตรา 120 ของรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นชอบบุคคลตำแหน่งใดให้กระทำการโดยลับเพื่อปกป้องผู้เห็นชอบ แต่เขาติ่งท้ายว่ายกเว้นตามบทบัญญัติของ รธน. มาตรา 159 วรรค 3 มีสองประเด็น คือ ต้องกระทำการโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา ประเด็นนี้จะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เขาต้องการให้มีรัฐบาลเสียงข้างมาก ตามที่มีข่าวว่ามีเหตุพิศดาร ตนไม่เคยเห็นการที่พรรคการเมืองรวมตัวกันเพื่อจะเลือกนายกฯ แล้วแสดงเจตนารมณ์ว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ตรงนี้ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ มาตรา 159
- ธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสาเหตุที่ตนไม่อยากให้เลื่อนการเลือกนายกฯ ขึ้นมา สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานสภาวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้มีหนังสือไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยการพิจารณาที่ 17/2568 โดยนำคำร้องของ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ กับพวก 20 คน มีตนลงชื่อไปด้วย เพื่อขอให้ศาล รธน. เพิกถอนกระบวนการพิจารณาคำวินิจฉัยที่ผิดระเบียบ จากเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 ซึ่งเป็นการนั่งพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้มีประกาศwระบรมราชโองการแต่งตั้งตุลาการศาล รธน. ท่านใหม่ ‘ศราวุธ ทรงศิวิไล’ แทนที่ตุลาการศาล รธน. คนเก่า คือ ‘ปัญญา อุชชาชน’ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อประธานสภายื่นคำร้องไปยังศาล รธน.แล้ว อยู่ในการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามพ.ร.ป.ระบุว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาจะมีผลต่อการเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ปัญหาในเรื่ององค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการพิจารณาที่ 17/2568 ย่อมหมายถึงการทำให้สถานะความเป็นนายกฯ ของแพทองธารยังอยู่ เพราะเกิดจากกระบวนการพิจารณาจัดทำคำวินิจฉัยที่มีปัญหา และนั่งพิจารณาโดยมิชอบ และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 211 จึงไม่อาจโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ได้ เพราะอาจมีผลเป็นการเลือกนายกคนใหม่โดยยังมีข้อสงสัยว่า นายกแพทองธารพ้นตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าต้องรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดก่อนว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีการเลือกนายกฯ คนใหม่
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )