พลิกข้อกฎหมาย-ไล่ข้อเท็จจริง แพทองธาร ทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ได้หรือไม่

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX

ภาพสุดท้ายของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ขณะขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ภายหลังแถลงน้อมรับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบติหน้าที่เมื่อ 1 ก.ค.

Article Files

    • Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
    • Role, ผู้สื่อข่าว.

5 ชั่วโมงก่อนที่ แพทองธาร ชินวัตร จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย “คดีคลิปเสียง” สนทนากับประธานวุฒิสภากัมพูชา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี “แพทองธาร 1/1” ในเวลาราว 08.30 น. ปรากฏชื่อ แพทองธาร เป็น รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง

อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร นั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะที่ 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเลื่อนเวลาประชุมเร็วขึ้นเป็น 09.00 น. จากเดิม 10.00 น. และเลิกประชุมไวกว่าปกติ

ทว่ารัฐมนตรีบางส่วนที่ถูกปรับออกและถูกโยกสลับตำแหน่งไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ เพราะ “พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี” ตามประกาศดังกล่าว และต้องรอถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ จึงจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสรับฟัง “สารสุดท้าย” จากผู้นำรัฐบาลก่อนต้อง “เว้นวรรค” การทำหน้าที่

“ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร หากท่านใดมีอะไรจะปรึกษาดิฉันเพิ่มเติมสามารถนัดกับคุณหมอพรหมินทร์ (เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี) มาปรึกษาดิฉันได้ เพราะงานต้องเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้มีอะไรติดขัด” แหล่งข่าวในที่ประชุม ครม. อ้างถึงคำกล่าวของนายกฯ ในระหว่างการประชุม ครม. 1 ก.ค.

กระทั่งเวลา 13.35 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว สรุปใจความสำคัญได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 มีคำสั่งรับคำร้องของ 36 สว. ไว้พิจารณาวินิจฉัย และมีมติ 7:2 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด

คำถามใหม่ที่ตามมาคือ แพทองธาร จะทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ได้หรือไม่

.ประมวลความเห็นจากนักกฎหมาย นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำอธิบายทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

ข้อเท็จจริง

ก่อนอื่นต้องย้ำว่า คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ “พักงาน” แพทองธาร ตามคำร้องของ 36 สว. นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ได้ “ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย” ซึ่งขณะที่คณะ สว. ยื่นคำร้อง แพทองธาร มีตำแหน่งเดียวคือนายกฯ

ส่วนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย” ซึ่งในระหว่างการประชุมปรึกษาคดีของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่แล้ว ทว่าศาลรัฐธรรมต้องวินิจฉัย “ตามคำขอ” ไม่ใช่พิจารณา “เกินคำขอ”

สำหรับประกาศแต่งตั้ง ครม. “แพทองธาร 1/1” ลงวันที่ 30 มิ.ย. โดยมีนายกฯ แพทองธารเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่นำลงประกาศในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา 1 ก.ค.

นั่นหมายความว่า ความเป็น รมว.วัฒนธรรม ของ แพทองธาร เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ 30 มิ.ย. แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้

ที่มาของภาพ : Thai Files Pix

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. แพทองธารติดตามฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ

ข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตามได้เกิดข้อกังขาและข้อถกเถียงทางกฎหมายขึ้นทันที เพราะคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณามาจากข้อกล่าวหาเรื่องการขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 โดยอ้างถึงข้อกฎหมาย 2 มาตรา

  • มาตรา 160 (4) ระบุว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
  • มาตรา 160 (5) ระบุว่า ต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

คุณสมบัตินี้ใช้บังคับกับ ครม. ทั้งคณะ ไม่ได้เป็นคุณสมบัติเฉพาะของนายกฯ เท่านั้น

ในเมื่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า “ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง” จึงสั่งให้ แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นักกฎหมายบางส่วนจึงตีความว่า แพทองธาร “ไม่สามารถ” ปฏิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมได้ เพราะจะมีปัญหาตามมาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ที่มาของภาพ : BBC THAI

หนึ่งในนักกฎหมายที่เห็นว่า แพทองธาร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม ได้คือ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตนักการเมืองและอดีตทนายความ ที่ชี้ว่ามีความเสี่ยง ถึงเสี่ยงมาก และเสี่ยงที่สุด

“นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง เมื่อนายกฯ ถูกสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ด้วยข้อกล่าวหาขาดความซื่อสัตย์ และฝ่าฝืนจริยธรรม นายกฯ จึงอยู่ในสภาวะที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรีด้วย” นิพิฏฐ์ ซึ่งเป็นอดีต รมว.วัฒนธรรม สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนย้ายมาลงสมัคร สส. พรรคพลังประชารัฐ แต่สอบตก ให้ความเห็นในเฟซบุ๊ก

นักกฎหมายฝ่ายคัดค้านไม่ให้นายกฯ ที่ถูกพักงานทำหน้าที่เจ้ากระทรวงวัฒนธรรม เห็นตรงกันว่า กรณีนายกฯ คนที่ 31 ต่างไปจากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คนที่ 29 ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหม ได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างรอคำวินิจฉัย “คดีนายกฯ 8 ปี” เพราะคำร้องของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นข้อกล่าวหาตามมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของนายกฯ เท่านั้น ไม่ใช่คุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม ซึ่งเป็นคุณสมบัติของทั้ง ครม.

  • มาตรา 158 วรรคท้าย ระบุว่า นายกฯ จะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX

ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แถลงข่าวหน้าห้องสื่อรัฐสภา หลังยื่นจดหมายถึงประธานวุฒิสภา เสนอล่าชื่อยื่นถอดถอน “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม เมื่อ 2 ก.ค.

ตลอดทั้งวันนี้ (2 ก.ค.) ปรากฏความเคลื่อนไหวในการสกัดกั้นการทำหน้าที่ใหม่-ไม่ให้นายกฯ หญิงมีที่นั่งในรัฐบาลอีกต่อไป โดยมุ่งกดดันไปยัง “เจ้าของคำร้องเดิม” อย่างคณะ สว.

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เข้ายื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภา ขอให้ สว. ล่ารายชื่อให้ครบ 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ หรือ 20 คนขึ้นไป เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยถอดถอน แพทองธาร ออกจากตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม

ด้าน ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า “รู้สึกงง” ว่าคำร้องใหม่จะยื่นเรื่องอะไร เนื่องจากนายกฯ ไม่ได้กระทำการอะไรขณะดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม

มือกฎหมายของรัฐบาลกล่าวว่า ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะตำแหน่งนายกฯ และยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเรื่องจริยธรรม แต่ให้พักหน้าที่ในฐานะนายกฯ ไม่ได้บอกด้วยว่าให้พักหน้าที่อื่น ๆ

“หากไม่มีคำวินิจฉัยแสดงว่านายกฯ แพทองธาร ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ ยังไม่มีกรณีที่ถูกกล่าวหา ยังไม่เป็นบุคคลที่ฝ่าฝืนจริยธรรม” ชูศักดิ์ กล่าว

ถวายสัตย์ฯ

ด่านแรกที่ แพทองธาร ต้องผ่านไปให้ได้ จึงจะมีอำนาจเต็ม-ปฏิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมคนที่ 15 ได้ คือการถวายสัตย์ปฏิญาณตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด

เลขาธิการ ครม. เปิดเผยกำหนดการว่าเป็นวันที่ 3 ก.ค. เวลา 11.00 น.

  • มาตรา 161 ระบุว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 และ รมว.คมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ จะเป็นผู้นำรัฐมนตรีทั้ง 14 คนที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ เข้าเฝ้าฯ และนำกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยมี แพทองธาร ยืนอยู่เบื้องหลังและกล่าวคำถวายสัตย์ตามนั้น

การรักษาราชการแทนนายกฯ อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยผู้รักษาราชการแทนนายกฯ จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน

วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายของรัฐบาล “ประยุทธ์” เคยให้ความเห็นไว้ในปี 2565 ช่วงที่มี “คดีนายกฯ 8 ปี” สอดคล้องกับความเห็นของ ชูศักดิ์ มือกฎหมายของ “แพทองธาร” ที่บอกว่า รองนายกฯ ผู้รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจเหมือนนายกฯ ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น การแต่งตั้งโยกย้าย, การทูลเกล้าฯ ถวายร่างกฎหมายให้ทรงลงพระปรมาภิไธย, การรับสนองพระบรมราชโองการ, การปรับ ครม., การยุบสภา และสามารถนำ ครม. ใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้

ที่มาของภาพ : Thai Files Pix

รองนายกฯ ลำดับที่ 2 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ ตามคำสั่งมอบอำนาจที่ออกไว้ก่อนหน้านี้

แต่ถึงกระนั้น มีคำเตือนจากคนนอกรัฐบาล-ฝ่ายตรงข้ามเครือข่ายทักษิณว่า การนำ แพทองธาร เข้าถวายสัตย์ มีความสุ่มเสี่ยงทั้งต่อตัวนายกฯ แพทองธาร และรักษาราชการแทนนายกฯ สุริยะ ว่า “อาจทำผิดจริยธรรมซ้ำ” และ “ทำให้เกิดการระคายเคือง” หรือไม่ และควรรอให้มีคำตัดสินที่ชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน

“ทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามีกรณีอยู่ระหว่างการตัดสินคุณสมบัติโดยศาล ซึ่งหากถึงที่สุดแล้ว อาจกลายเป็นการนำผู้ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่งไปกราบบังคมทูลฯ เข้าเฝ้าฯ ได้ (คล้ายกรณีคุณเศรษฐาที่รู้อยู่แล้วว่ามีคนขาดคุณสมบัติยังนำไปเสนอโปรดเกล้าฯ ให้เป็น รมต.) ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องตีความ เศรษฐา ทวีสิน ขาดคุณสมบัตินายกฯ จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็น รมต. ระบุในเฟซบุ๊กของเขา

“คนที่มีปัญหาความซื่อสัตย์สุจริต ถูกดำเนินคดีโดยศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คุณจะนำเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ ในคำว่า ‘จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน' ได้อีกหรือ คุณกำลังทำให้เกิดการระคายเคืองหรือไม่ คนที่ยังมีมลทิน จึงไม่ควรนำเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ให้รอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเสียก่อน ถ้ายังดื้อดึง เกิดอะไรขึ้น คุณสุริยะต้องรับผิดชอบ” วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี แสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม แกนนำรัฐบาลอ้างว่าได้ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) แล้วว่า แพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม ได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าเธอขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้เป็นรัฐมนตรี

นักกฎหมายในหน่วยงานของรัฐที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อ ให้ความเห็นกับ.ว่า แพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ได้ แต่ความเหมาะสมหรือไม่ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนถ้ามี “นักร้อง(เรียน)การเมือง” ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเรื่องการถวายสัตย์ มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะจำหน่ายคดี เนื่องจากเคยมีบรรทัดฐานในอดีต “คดีถวายสัตย์” มาแล้ว หลังผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำ ครม. กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่เมื่อ 16 ก.ค. 2562 ไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 หรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องเอาไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า “ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใดตามรัฐธรรมนูญ เพราะการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำทางการเมืองของคณะรัฐมนตรีในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์”

อีกคำถามคาใจใครหลายคนที่ว่า ในสถานการณ์ล่อแหลมทางการเมืองเช่นนี้ เหตุใดประกาศแต่งตั้ง ครม. “แพทองธาร 1/1” ถึงไม่เขียนให้ ภูมิธรรม เวชยชัย ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พ้นจากตำแหน่งเฉพาะ รมว.กลาโหม แต่ยังคงสถานะรองนายกฯ ลำดับที่ 1 เอาไว้ เพื่อให้เป็นผู้ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ นั้น

จากการตรวจสอบของ. พบว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เกิดขึ้นในการออกประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี หากมีรองนายกฯ ควบ รมว. กระทรวงใดจะโยกสลับตำแหน่ง ก็จะเขียนให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีทั้ง 2 ตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่พร้อมกัน 2 ตำแหน่งคือ รองนายกฯ และ รมว. กระทรวงใหม่

ประชุม ครม.

ที่มาของภาพ : สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

บรรยากาศในห้องประชุม ครม. “แพทองธาร” นัดแรกเมื่อ ก.ย. 2567

ที่มาของภาพ : สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ที่นั่งของ รมว.วัฒนธรรม ในห้องประชุม ครม. (ซ้ายสุด)

หาก แพทองธาร ได้เปล่งวาจา-กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อย กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตั้งอยู่ย่านห้วยขวาง จะเป็นที่ประจำการใหม่ของนายกฯ คนที่ 31 เฉกเช่น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ย้ายไปนั่งทำงานที่กระทรวงกลาโหมในช่วง 38 วันที่ต้อง “เว้นวรรค” การทำหน้าที่ และไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. ที่ทำเนียบฯ เลยในระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกฯ

แต่ถ้า รมว.วัฒนธรรมคนใหม่ประสงค์จะร่วมวงประชุมฝ่ายบริหารทุกวันอังคาร ตำแหน่งในห้องประชุมของเธออาจเปลี่ยนไป จากเคยนั่ง “หัวโต๊ะ” ต้องย้ายไปนั่งทางปีกซ้ายมือของประธานในห้องประชุมชั้น 5 บนตึกบัญชาการ 1

อย่างไรก็ตาม แพทองธาร ยังมีสิทธิออกเสียง-ให้ความเห็นอย่างเต็มที่เหมือนเพื่อนร่วม ครม. อีก 35 ชีวิต

ที่มาของภาพ : Handout/กระทรวงกลาโหม

พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเซ็นงานในกระทรวงกลาโหม ภายหลังถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่ 24 ส.ค. 2565