
หยุดยิvไทย-กัมพูชา หลังครบกำหนดเส้นเสียชีวิต เรารู้อะไรบ้าง ?

ที่มาของภาพ : EPA/Shutterstock
หลังไทยและกัมพูชาตกลงกันว่าจะหยุดยิvทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ทางกองทัพบกของไทยรายงานว่า ยังคงมีการปะทะกันตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ด้านกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาออกมาให้ข่าวแตกต่างออกไป โดยยืนยันว่า ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นหลังช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
วานนี้ (28 ก.ค.) ผู้นำทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลง 3 ข้อ ได้แก่ หยุดยิvทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค., จัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่, และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา (Commonplace Border Committee – GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวก ท่ามกลางการจับตาของสองมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมสังเกตการณ์
ไทยระบุมีการปะทะกันหลังเลยช่วงเวลาหยุดยิv ด้านกัมพูชาปฏิเสธ
ก่อนเข้าสู่ช่วงกำหนดเวลาหยุดยิv มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยกองทัพอากาศของไทยส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ เข้าปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกองกำลังภาคพื้น
ต่อมา ช่วงเช้าของวันนี้ (29 ก.ค.) มีรายงานจากกองทัพบกของไทยว่ายังเกิดการยิvกันจนถึงช่วงเช้ามืด โดย พ.อ.ริชณา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ามีการปะทะตามจุดต่าง ๆ ดังนี้
- ภูมะเขือ ที่ตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จังหวัดศรีสะเกษของไทย และ จ.พระวิหารของกัมพูชา มีรายงานจากกองกำลังสุรนารีในพื้นที่ว่า “ถูกก่อกวนโดยกัมพูชา” และมีการยิvปะทะตอบโต้จนถึงช่วงเช้า
- พื้นที่ซำแต ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จังหวัดศรีสะเกษของไทย และ จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีการยิvปะทะกันระหว่างสองฝ่ายจนถึงเวลา 05.30 น. โดยรองโฆษกกองทัพบกบอกว่า “ทหารกัมพูชาใช้sะเบิดเปิดฉากยิvตลอดทั้งคืน”
- พื้นที่ปราสาทตาควาย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จังหวัดศรีสะเกษของไทย และ จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีเสียงsะเบิดในช่วงเวลา 03.00 น. และ 05.00 น.
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue finding outได้รับความนิยมสูงสุด
Finish of ได้รับความนิยมสูงสุด

ที่มาของภาพ : Reuters
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก บอกว่าฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงกำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธโจมตีเข้ามายังเขตแดนของไทยหลายจุด “ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน” ทางกองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว
ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพบกยืนยันว่าฝ่ายจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง
“ฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล” พล.ต.วินธัย กล่าว
เขาเสริมด้วยว่ามีรายงานการปะทะกันในพื้นที่ช่องอานม้าและช่องบก ซึ่งอยู่ระหว่างชายแดน จ.อุบลราชธานีของไทย กับ จ.พระวิหารของกัมพูชา
ในเวลาเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและโฆษกกลาโหมของกัมพูชา ยืนยันว่าหลังจากถึงเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการหยุดยิvโดยไม่มีเงื่อนไข กองกำลังของทั้งกัมพูชาและไทยได้หยุดยิvตามที่ตกลงกันไว้ในการประชุมพิเศษที่จัดขึ้นในมาเลเซีย
“ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค. จนถึงเช้าวันที่ 29 ก.ค. ไม่มีเสียงปืนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิvที่รัฐบาลกัมพูชาและไทยได้บรรลุร่วมกัน” พล.ท.หญิง มาลี กล่าว
พร้อมกันนี้ เธอยังเน้นย้ำว่าภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิv กองกำลังของทั้งสองฝ่ายจะต้องอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือปรับกำลัง โดยหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกัน
ในเวลา 14.05 น. สมาคมพันธมิตรนักข่าวกัมพูชา หรือ CamboJA รายงานว่า นายเนธ พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ได้ขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงสำนักข่าวออนไลน์ต่าง ๆ ให้งดเว้นการเผยแพร่ “ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน” เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทที่มีการประกาศหยุดยิvไปตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าข้อมูลที่กำลังมีการเผยแพร่อยู่ขณะนี้เป็น “เพียงข่าวลือ” และไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งทาง.เข้าใจว่า หมายถึงข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยที่ระบุว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิv
การรายงานข่าวในกัมพูชาเป็นอย่างไร
ด้าน น.ส.ชาน โสกุนเทีย กรรมการบริหารศูนย์สื่ออิสระกัมพูชา (CCIM) เปิดเผยกับ.ว่า กระแสข่าวในกัมพูชาวันนี้ ไม่มีรายงานการปะทะที่เกิดขึ้นภายหลังเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. ตามข้อตกลงหยุดยิvที่ผู้นำและกัมพูชาตกลงกันที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งจากรายงานทางการเท่าที่เธอติดตามจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา ตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา รวมถึงจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในกัมพูชา
“จากข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมตามที่ฉันได้บอกไป เธอยืนยันว่ากัมพูชาเคารพอยู่เสมอในสิ่งที่เราตกลงกันไว้ในที่ประชุม… เมื่อเราตกลงแล้ว เราต้องหยุด จากคำกล่าวของเธอและข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมที่แจ้งต่อสาธารณชน” โสกุนเทีย ระบุ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายไทยยังมีรายงานการปะทะภายหลังช่วงเวลาที่ตกลงกันแล้วนั้น โสกุนเทีย ระบุว่าเธอเห็นข่าวนี้จากสำนักข่าวในไทยที่รายงานเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน แต่สำนักข่าวในกัมพูชาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการปะทะดังกล่าวเลย รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในกัมพูชาเช่นกัน
“ในโซเชียลมีเดีย ส่วนใหญ่ที่ฉันเห็นคือคน กัมพูชา มักจะโพสต์ประณามกรณีที่มีทหารและผู้คนจากประเทศของเราเสียชีวิตในระหว่างความขัดแย้งนี้” เธอเปิดเผย โดยตอบกรณีที่มีรายงานการปะทะภายหลังเที่ยงคืนว่า “ฉันไม่เห็นข้อมูลใด ๆ จากโซเชียลมีเดียกัมพูชา เลย”
เธอยังบอกด้วยว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข่าวปลอมเกิดขึ้นจำนวนมากทั้งในไทยและกัมพูชา ซึ่งภายหลังจากทั้งสองประเทศตกลงหยุดยิvกันแล้ว เธออยากให้ทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนกันว่าจะจัดการกับข่าวปลอมจากทั้งสองประเทศอย่างไร เพราะความตึงเครียดบางอย่างก็มาจากข่าวปลอมเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อาจารย์สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กของเขาว่าจำเป็นต้องมีผู้สังเกตการณ์ที่เป็นบุคคลที่สาม (third occasion) ที่สามารถตรวจสอบและยืนยันได้ว่าฝ่ายใดเริ่มก่อน หรือฝ่ายใดละเมิดข้อตกลงหยุดยิv
“มิฉะนั้น สถานการณ์จะติดหล่มการปะทะตอบโต้ไม่รู้จบ” นักวิชาการผู้นี้ บอก
ผลหารือเบื้องต้นระหว่างแม่ทัพภาคของแต่ละฝ่ายตกลงหยุดยิvรักษาบรรยากาศรอวง GBC

ที่มาของภาพ : Royal Thai Army
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ท.หญิง มาลี ยังบอกกับสื่อของกัมพูชาด้วยว่าเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามข้อตกลง การเจรจาของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย และกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. นี้ จะยังดำเนินต่อไป
ด้าน พล.ต.วินธัย แจ้งต่อสื่อไทยว่า การประชุมดังกล่าวเลื่อนจากเดิม 07.00 น. เป็น 10.00 น. เนื่องจากบริเวณชายแดนยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยทางฝ่ายไทยนำโดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1
ต่อมาในเวลา 10.30 น. ทาง พล.ต.วินธัย เปิดเผยว่าพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ได้แก่ กองกำลังบูรพา และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ดำเนินการพบปะหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งขึ้นกับกองกำลังสุรนารี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการประสานกำหนดวันและเวลาที่เหมาะสมของทั้งสองฝ่าย จึงยังไม่มีการหารือเกิดขึ้นในเวลานี้
จากนั้นมีรายงานว่าทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้หารือกับฝ่ายทหารของกัมพูชาแล้ว โดยสำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชารายงานว่า การประชุมระหว่าง พล.อ.โปว เฮง ผู้บัญชาการทหารกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา กับ พล.ท. บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. และได้ข้อตกลง 3 ประการดังนี้
- ตกลงหยุดยิvตามข้อตกลงก่อนหน้านี้
- เสริมสร้างการสื่อสารระหว่างสองฝ่าย
- จัดตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนของแต่ละฝ่าย ๆ ละ 4 คน เพื่อร่วมหารือประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา และกองทัพภาคที่ 2 ของไทย
ต่อมา พล.ต.วินธัย เปิดเผยผลการประชุมการหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ของไทยกับกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา เพิ่มเติมว่าทั้งสองฝ่ายตกลงห้ามใช้กำลังหรืออาวุธต่อประชาชน, งดเสริมกำลังและห้ามเคลื่อนย้ายกำลังในลักษณะที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากการปะทะ
ส่วนการหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 ของไทย และกองทัพภาคที่ 5 ของกัมพูชานั้น จัดขึ้นที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำโดย พล.ท.อมฤต แม่ทัพภาคที่ 1
ผลการหารือ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการให้งดเคลื่อนไหวกำลังพล เพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดระแวง ระหว่างรอผลการประชุม GBC ในวันที่ 4 ส.ค. และให้ผู้นำแต่ละระดับสามารถติดต่อกันโดยตรง เมื่อมีเหตุจำเป็น
ส่วนการประชุมหารือระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กับกองทัพภาคที่ 3 ของกัมพูชา ซึ่งจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ มีผลสรุปการประชุมที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1
พล.ต.วินธัย ยังบอกด้วยว่ามีการหยุดยิvตลอดแนวเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่การประชุมทั้ง 3 พื้นที่จะเริ่มต้นขึ้น
ด้าน พล.ท.หญิง มาลี โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา บอกกับขแมร์ไทมส์ว่า ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันในรายงานการประชุม พร้อมบอกว่าประเด็นต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจะถูกนำไปหารือในที่ประชุม GBC
เวลาประมาณ 14.30 น. ของวันนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทยแถลงว่า การหารือดังกล่าวไม่ใช่การหารือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) อย่างที่มีรายงานโดยกองทัพบกก่อนหน้านี้ แต่เป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งในตอนนี้วงพูดคุยดังกล่าวทำให้การปะทะบริเวณแนวชายแดนยุติลง
ในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่ากองทัพบกของกัมพูชายังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาแนวป้องกัน และยังคงควบคุมอาณาเขตยุทธศาสตร์บริเวณปราสาทต่าง ๆ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิv โดยอ้างอิงแหล่งข่าวทางการที่ไม่ระบุนามซึ่งบอกว่า กองทัพยังอยู่ในแนวป้องกันปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย พื้นที่พนมตรอป (Phnom Trop) พื้นที่มอมเบย (Mom Bei) หรือสามเหลี่ยมมรกต และพื้นที่หมู่บ้านอัน เซห์ (An Seh)
ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
จากนั้นในเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของไทย รายงานว่าล่าสุดมีพลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมพลเรือนที่เสียชีวิตในขณะนี้เป็นทั้งหมด 15 ราย
ส่วนจำนวนพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนรวมกันทั้งหมด 38 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 12 ราย, บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย, และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย โดยปัจจุบันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย และกลับบ้านแล้ว 11 ราย
ขณะนี้มีโรงพยาบาลตามแนวชายแดนที่ปิดให้บริการไปแล้ว 13 แห่ง ขณะที่อีก 7 แห่ง ปิดให้บริการบางส่วน และมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบทั้งหมด 175 แห่ง
การดำเนินงานด้านการดูแลด้านสุขภาพจิต พบว่ามีพลเรือนที่มีอาการเครียดสูง 293 ราย และเสี่ยงฆ่-าตัวเสียชีวิต 41 ราย จากการคัดกรองทั้งหมด 21,007 ราย โดยทางกระทรวงสาธารณสุขส่งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ รวมถึงทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว
ล่าสุด ในเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทางกองทัพบกรายงานว่า มีกำลังพลเสียชีวิตจากเหตุสู้รบเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เพิ่มอีก 3 นาย รวมเป็น 14 นาย นับตั้งแต่ที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นมา

ที่มาของภาพ : EPA
สำหรับข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบของฝ่ายกัมพูชา .ได้รับข้อมูลจาก น.ส.ชาน กรรมการบริหารสื่ออิสระกัมพูชา (CCIM) ว่ามีข้อมูลตัวเลขที่อัปเดตถึงวันที่ 26 ก.ค. โดยโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 13 คน เป็นทหาร 5 นาย และพลเรือน 8 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บรวม 71 คน เป็นทหาร 21 นาย และพลเรือน 50 ราย

ที่มาของภาพ : Royal Thai Army
ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าฝ่ายไทยมีการควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย จากพื้นที่ ซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังเกิดการปะทะกัน โดยยืนยันว่าเป็นการ “ปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด”
โดยทหารฝ่ายกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว ประกอบด้วย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท 2 นาย, สิบตรี 1 นาย โดยในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บ 1 นาย ถูกกระสุนบริเวณสะโพกข้างขวาและแขนซ้าย ซึ่งภายหลังฝ่ายไทยได้ส่งเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแล้ว
โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ทหารกัมพูชาทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุม ณ พื้นที่ปลอดภัยของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งได้จัดเตรียมการดูแลขั้นพื้นฐานไว้ให้ ทั้งเสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม และการรักษาพยาบาล ตามความจำเป็น โดยจะดูแลให้เป็นไปตามแบบปฏิบัติในทางทหารของสากล และยึดหลักมนุษยธรรมสากล
พล.ต.วินธัย ยังเปิดเผยอีกว่า ในจุดปะทะดังกล่าวยังพบผู้เสียชีวิตอีก 2 นาย ซึ่งฝ่ายไทยจะดำเนินการส่งคืนร่างของผู้เสียชีวิต ตามหลักปฏิบัติสากลในการปฏิบัติต่อศwในภาวะสงคราม

ที่มาของภาพ : FACEBOOK/Samdech Thipadei Hun Manet, High Minister of Cambodia
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่าวันนี้สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำตัวแทนจากรัฐบาลกัมพูชา อาทิ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายซอร์ ซกคา รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ของกัมพูชา ร่วมไว้อาลัยและสดุดี พล.ท.ดวง สำเนียง ผู้บัญชาการกองพลแทรกแซงที่ 7 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการปะทะเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.ค. ด้วยวัย 67 ปี
ปฏิกิริยาจากฝ่ายการเมืองของไทย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยขณะเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่ได้แปลกใจกับความไม่สุภาพบุรุษ หลังถูกถามกรณีทหารกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิv โดยหลังจากนี้จะมีการแจ้งให้กับประเทศที่เข้ามาเป็นพยานทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายภูมิธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ยังมีการปะทะกันหลังจากช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาว่าฝ่ายไทยยึดมั่นในข้อตกลง แต่ทหารกัมพูชาไม่มีวินัย ฝ่ายไทยจึงต้องตอบโต้ตามสถานการณ์ เช่น หากยิvปืนเล็กมาก็ยิvปืนเล็กกลับ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ยังสงบ ไม่ได้มีการยกระดับ
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย ยังระบุด้วยว่าขอให้รอดูการผลหารือในเวลา 10.00 น. ซึ่งแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศจะเป็นผู้หารือกัน ซึ่งหลังจากพูดคุยน่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อสักครู่ รมว.กลาโหม ของกัมพูชาได้โทรศัพท์หาตนเอง ซึ่งตนเองจะประสานให้มีการโทรกลับไปคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนจะไปเจรจา นายภูมิธรรมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าการจะหยุดยิvต้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ด้วยการปรับกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่ทางามเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าการหยุดยิvต้องไม่มีเงื่อนไข แต่ “ไปเจรจากันอย่างไรถึงออกมาเป็นเช่นนี้”
นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า สื่อคงเข้าใจผิด เพราะการพูดเรื่องหยุดยิvหมายถึง “ให้ยุติดำเนินการ” ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบ โดยการหยุดยิvแบบไม่มีเงื่อนไข คือ ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะหยุดยิvเมื่อไหร่ ส่วนการเจรจาหลังจากนั้น มีการกำหนดอยู่แล้วว่าให้เจรจาตามกลไก ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพจะเจรจา โดยในรายละเอียดคงต้องพูดคุยกันผ่านกลไก RBC และ GBC เพื่อให้ได้ข้อสรุป
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธคำถามที่ว่าฝ่ายการเมืองโยนงานให้กับทหารหน้างาน โดยยืนยันว่าทุกอย่างมีการพูดคุยกันมาตลอด โดยให้กองทัพเป็นฝ่ายตัดสินใจ และประสานกับฝ่ายการเมือง
อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่ากระทรวงกลาโหม, 4 เหล่าทัพ, รวมถึงรัฐบาล ทำงานเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน และเป็นเอกภาพ
เขายังเปิดเผยด้วยว่าจะใช้กลไกทวิภาคีในการพูดคุยกับกัมพูชาภายหลังจากเสียงปืนสิ้นสุดลง ส่วนจะเดินหน้าเอาผิดกัมพูชาในฐานละเมิดอาชญากรรมสงครามหรือไม่ ต้องรอพูดคุยกัน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าในที่ประชุม ครม. วันนี้ได้เน้นย้ำให้กองทัพปกป้องอธิปไตยของไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงให้ตรึงกำลังไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าในลำดับต่อไปจะแจ้งไปยังสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่การเจรจาหยุดยิvที่มาเลเซียเมื่อวานนี้ว่าทางกัมพูชาละเมิดการหยุดยิvหลังเที่ยงคืนในรูปแบบไหนและอย่างไรบ้าง
ด้านนายภูมิธรรมกล่าวในการแถลงร่วมเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ว่าจะทำเรื่องประท้วงไปยังประธานอาเซียนด้วย

ที่มาของภาพ : Reuters
ในการแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศช่วงบ่ายวันนี้ นายมาริษ รมว.ต่างประเทศของไทย บอกว่า นานาชาติสนับสนุนแนวทางการแก้ไขของประเทศไทยที่ใช้กลไกทวิภาคีเป็นแนวทางหารืออย่างสันติและจริงใจ และจากการเจรจาหยุดยิvซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ ก็ทำให้เห็นว่าไทยประสบความสำเร็จในให้กัมพูชามาพูดคุยภายใต้กลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ โดยมีมหาอำนาจ เช่น จีน และสหรัฐฯ รวมถึงอาเซียน ร่วมกันเป็นพยาน
เขาเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังประธานอาเซียน รวมถึง นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศของจีน และ นายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าทางกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิvอย่างไรบ้าง
พร้อมกันนี้ ตนเองได้ต่อสายให้นายภูมิธรรมพูดคุยกับนายอันวาร์แล้ว เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเผอิญว่านายปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซียอยู่กับนายอันวาร์ด้วย จึงได้รับฟังข้อเท็จจริงจากฝ่ายไทยพร้อมกัน
ที่มา BBC.co.uk