
สำนักวาติกันเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่กันอย่างไร

ที่มาของภาพ : Getty Photos
Article info
- Writer, เจเรมี ฮาวเวลล์
- Characteristic, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ หรือทรงสละตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก สำนักวาติกันที่กรุงโรมของอิตาลีจะต้องสรรหาสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ซึ่งตามธรรมเนียมดั้งเดิมแล้ว คณะนักบวชสมณศักดิ์สูงที่เรียกกันว่า “พระคาร์ดินัล” จะจัดการประชุมลับสุดยอดเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง “โป๊ป” ซึ่งกระบวนการนี้ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่ช่วงยุคกลางของยุโรป
ใครบ้างที่สามารถจะเป็น “โป๊ป” ได้ และผู้ออกเสียงเลือกตั้งคือใคร ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos
การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะมีขึ้น ก็ต่อเมื่อโป๊ปองค์ปัจจุบันสิ้นพระชนม์ลง หรือทรงตัดสินพระทัยสละตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักร ดังเช่นที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้ทรงสละตำแหน่งโป๊ปไปเมื่อปี 2013
โป๊ปองค์ใหม่จะได้สืบทอดตำแหน่ง “อัครบิดร” (Supreme Pontiff) หรือตำแหน่งประมุขตามธรรมเนียมดั้งเดิมของศาสนจักรโรมันคาทอลิก โดยในทางทฤษฎีแล้ว ชายชาวคาทอลิกทุกคนที่เข้าพิธีรับศีลล้างบาปแล้ว (baptized) สามารถจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาได้
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัตินั้นมีเพียงพระคาร์ดินัล (cardinal) ซึ่งเป็นนักบวชอาวุโสผู้มีสมณศักดิ์สูงของศาสนจักรเท่านั้น ที่จะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา โดยพระคาร์ดินัลเหล่านี้ยังเป็นคนเพียงกลุ่มเดียว ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโป๊ปองค์ใหม่ด้วย
ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2025 ระบุว่าทั่วโลกมีพระคาร์ดินัลอยู่ถึง 252 รูป และส่วนใหญ่แล้วพระคาร์ดินัลเหล่านี้ก็มักจะดำรงตำแหน่งพระสังฆราชหรือบิชอป (bishop) ประจำสังฆมณฑลท้องถิ่นของตนเอง อย่างไรก็ตาม มีเพียงพระคาร์ดินัลที่อายุต่ำกว่า 80 ปีเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าร่วมประชุมเพื่อออกเสียงเลือกตั้งโป๊ปองค์ใหม่ได้
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed studyingได้รับความนิยมสูงสุด
Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด
ตามปกติแล้วจำนวนของพระคาร์ดินัลที่เป็นองค์คณะผู้เลือกตั้งโป๊ปนั้น มักจำกัดไว้ที่ 120 รูป แต่ปัจจุบันกลับมีพระคาร์ดินัลที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดข้างต้นถึง 138 รูป เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่เพิ่มอีก 21 รูป เมื่อเดือนธ.ค. ของปีที่แล้ว
พระคาร์ดินัลเลือกโป๊ปองค์ใหม่กันอย่างไร

ที่มาของภาพ : Getty Photos
เมื่อต้องมีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะมีการเรียกตัวพระคาร์ดินัลจากทั่วโลกมายังสำนักวาติกัน ให้เข้าร่วมการประชุมแบบปิดลับเพื่อเลือกตั้งพระสันตะปาปา (papal conclave) ขั้นตอนเหล่านี้คือกระบวนการเลือกตั้งประมุขของศาสนจักรคาทอลิก ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานกว่า 800 ปีแล้ว โดยแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
ในวันแรกของการประชุม “คอนเคลฟ” (conclave) จะมีการจัดพีธีมิสซาที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ จากนั้นเหล่าพระคาร์ดินัลจะไปรวมตัวกันที่โบสถ์น้อยซิสทีน และประกาศคำสั่งให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากบริเวณนั้น โดยกล่าวเป็นภาษาละตินว่า extra omnes ซึ่งหมายถึง “ออกไปให้หมด”
นับตั้งแต่ชั่วขณะที่มีการประกาศคำสั่งข้างต้น เหล่าพระคาร์ดินัลที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง จะถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในสำนักวาติกัน ไปจนกว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยที่มาของคำว่า “คอนเคลฟ” หรือการประชุมแบบปิดลับนี้ มาจากศัพท์ภาษาละตินที่มีความหมายว่า “ด้วยกุญแจ”

พระคาร์ดินัลที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งพระสันตะปาปา สามารถจะเลือกลงคะแนนเบื้องต้นได้ตั้งแต่วันแรกของการประชุมคอนเคลฟในโบสถ์น้อยซิสทีน ส่วนในวันที่สองเป็นต้นไป จะมีการลงคะแนนเสียงสองรอบทุกเช้า และอีกสองรอบในช่วงบ่าย ซึ่งการลงคะแนนเสียงทั้งหมดจะจัดขึ้นในโบสถ์น้อยซิสทีน ไปจนกว่าจะมีผู้ได้รับคะแนนเสียงนำหน้าอย่างขาดลอยเหลือเพียงคนเดียว
สำหรับขั้นตอนในการออกเสียงนั้น พระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเลือกตั้งพระสันตะปาปา จะเขียนชื่อคนที่ตนเองเลือกลงบนบัตรเลือกตั้ง โดยเขียนไว้ใต้ข้อความภาษาละติน Eligio in Summum Pontificem ซึ่งหมายถึง “ข้าพเจ้าขอเลือกให้ผู้เป็นอัครบิดรคือ…”
การลงคะแนนนี้จะถูกปิดเป็นความลับ โดยมีคำแนะนำให้เหล่าพระคาร์ดินัลเขียนชื่อคนที่ตนเลือก ด้วยลายมือที่ผิดแปลกไปจากปกติ เพื่อปิดบังตัวตนของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง
เมื่อสิ้นสุดการเลือกตั้งในวันที่สอง หากยังไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงนำหน้าอย่างขาดลอย จะมีการหยุดพักในวันที่สามเพื่อให้พระคาร์ดินัลได้สวดภาวนาและทำสมาธิใคร่ครวญไตร่ตรอง โดยจะไม่มีการลงคะแนนเสียงในวันนั้นเลย แต่ในวันถัดไปกระบวนการเลือกตั้งจะดำเนินไปตามปกติ
ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะต้องได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 จากเหล่าพระคาร์ดินัลที่เป็นองค์คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นนี้ อาจต้องใช้เวลาในการประชุมลงคะแนนเสียงหลายวัน หรือในบางครั้งก็กินเวลาไปหลายสัปดาห์เลยทีเดียว
เกิดอะไรขึ้นในที่ประชุมคอนเคลฟ

ที่มาของภาพ : Getty Photos
การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาหรือคอนเคลฟ ถูกจัดขึ้นแบบปิดลับและตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เหล่าพระคาร์ดินัลผู้ออกเสียงเลือกตั้งไม่สามารถออกไปนอกเขตสำนักวาติกัน ทั้งยังไม่สามารถฟังวิทยุ, ดูโทรทัศน์, อ่านหนังสือพิมพ์, หรือใช้โทรศัพท์พูดคุยติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในเขตที่พักของพระคาร์ดินัลอีกด้วย เว้นแต่พนักงานทำความสะอาด, แพทย์พยาบาล, และนักบวชผู้ทำหน้าที่รับฟังคำสารภาพบาปเท่านั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องให้คำมั่นว่า จะเก็บสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินได้ฟังไว้เป็นความลับ
ในช่วงหยุดพักระหว่างการลงคะแนนของแต่ละวัน เหล่าพระคาร์ดินัลทั้งหมด รวมถึงผู้ที่ชราภาพเกินไปจนหมดสิทธิออกเสียงเลือกตั้งไปแล้ว จะมาร่วมหารือและอภิปรายถกเถียงกัน ถึงข้อดีข้อเสียของผู้สมัครเป็นพระสันตะปาปาแต่ละคน โดยไม่อนุญาตให้มีการรณรงค์หาเสียงอย่างเปิดเผย
สำนักวาติกันระบุว่าการตัดสินใจของเหล่าพระคาร์ดินัลนั้น เป็นไปตามการชี้นำของพระจิตอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Spirit) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้สมัครหลายรายมีการต่อสู้แย่งชิงเพื่อรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ตนเอง ไม่ต่างไปจากการเมืองในโลกของฆราวาส

ที่มาของภาพ : Getty Photos
ตลอดการประชุมคอนเคลฟ จะมีการเผาทำลายบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ใช้แล้ววันละสองครั้ง โดยคนภายนอกสำนักวาติกันสามารถมองเห็นควันจากปล่องไฟที่ออกมาจากโบสถ์น้อยซิสทีนได้ สีของควันไฟดังกล่าวจะเป็นไปตามสีที่ใช้ทาบัตรเลือกตั้ง หากควันเป็นสีดำแสดงว่าที่ประชุมยังไม่มีมติชี้ขาด แต่หากควันเป็นสีขาว นั่นคือสัญญาณว่าที่ประชุมพระคาร์ดินัลเลือกโป๊ปองค์ใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนหลังจากเลือกโป๊ปองค์ใหม่แล้ว

ที่มาของภาพ : Getty Photos
ในทันทีที่ได้รับเลือกตั้ง พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะถูกถามถึงความสมัครใจว่า “ท่านจะยอมรับการเลือกตั้งตามจารีต ซึ่งเลือกให้ท่านเป็นอัครบิดรหรือไม่”
เมื่อโป๊ปองค์ใหม่ตอบรับแล้ว จะมีการเลือกพระนามที่พระองค์ปรารถนาจะใช้เป็นพระนามสันตะปาปา จากนั้นจะเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดทางการของประมุขศาสนจักร ตามมาด้วยพิธีที่เหล่าพระคาร์ดินัลเข้าถวายความเคารพ รวมทั้งถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะจงรักภักดีและเชื่อฟังพระองค์ตลอดไป
ที่ระเบียงใหญ่ของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เจ้าพนักงานของสำนักวาติกันจะประกาศต่อฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่เบื้องล่างเป็นภาษาละตินว่า habemus papam ซึ่งหมายถึง “เรามีพระสันตะปาปาแล้ว”
หลังจากนั้นจะมีการประกาศwระนามของโป๊ปองค์ใหม่ ตามมาด้วยการเสด็จออกครั้งแรกของพระองค์ ซึ่งจะทรงมีพระดำรัสสั้น ๆ และประทานพรเป็นภาษาละตินตามธรรมเนียมว่า urbi et orbi ซึ่งหมายถึงการประทานพรแด่ชาวกรุงโรมและชาวโลก
ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาในแต่ละรอบของการประชุมคอนเคลฟ จะถูกนำขึ้นถวายให้โป๊ปองค์ใหม่ได้ทอดพระเนตร จากนั้นเอกสารดังกล่าวจะถูกปิดผนึก และนำไปเก็บรักษาไว้ในหอจดหมายเหตุของสำนักวาติกัน และจะเปิดออกดูได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อโป๊ปมีพระบัญชาเท่านั้น
ที่มา BBC.co.uk