พีระมิดลับของราชวงศ์อังกฤษ มรดกควีนวิกตอเรียที่ซ่อนตัวกลางป่าลึกของสกอตแลนด์

ที่มาของภาพ : Getty Shots

Article Data

    • Creator, ไมค์ แม็กอีเชอรัน
    • Feature, บีบีซีทราเวล

ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่าลึกของบัลมอรัล คืออสังหาริมทรัพย์เขตพระราชฐานของราชวงศ์สกอตอันเป็นที่รักยิ่งของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ที่ดินผืนนี้มีอนุสรณ์สิ่งปลูกสร้างอยู่ 11 แห่งที่เป็นที่รู้จักน้อยนัก หนึ่งในนั้นคือพีระมิดหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญและการสูญเสียของราชวงศ์ สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวของความรักอันเงียบสบ ความโศกเศร้า และการสร้างชาติ

เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนปราสาทบัลมอรัลในย่านชนบทของเมืองอาเบอร์ดีนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 1848 หลังจากเสด็จเยือนสกอตแลนด์ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน พระองค์ทรงใช้เวลาชื่นชมป่าไม้ สวน และภูเขาสูงอันสลับซับซ้อนของบัลมอรัลด้วย

อาจเป็นไปได้ที่พระองค์ทรงได้สูดอากาศจากต้นสนคาเลโดเนียน อาจจะมีกวางตัวหนึ่งยืนนิ่งอยู่ และถูกดึงดูดให้หยุดอยู่ใต้สายตาของพระองค์ ควีนวิกตอเรียทรงเล็งเห็นอนาคตที่ต่างออกไปสำหรับพระองค์เองและเจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามี ในดินแดนพื้นที่สูงริมน้ำของสกอตแลนด์ ดังที่พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาว่า “ทุกสิ่งดูเหมือนจะหายใจเข้าไปด้วยอิสรภาพและความสงบ และทำให้คน ๆ หนึ่งลืมโลกภายนอกและเหตุวุ่นวายที่น่าเศร้าของมัน” หลังจากนั้นไม่นั้น พระราชฐานอันโอ่อ่าแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นที่พำนักตลอดช่วงชีวิตของพระองค์ และยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์อังกฤษจนถึงทุกวันนี้

มีเรื่องราวมากมายที่ซ่อนอยู่ในปราสาทบัลมอรัล แต่อาจไม่มีเรื่องใดที่น่าสนใจไปกว่าพีระมิดลับหรืออนุสรณ์หินในเขตพระราชฐานบัลมอรัลอีกแล้ว สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือเสาหินที่มีลักษณะการออกแบบคล้ายโครงสร้างอันยิ่งใหญ่จากยุคอียิปต์โบราณ มากกว่าเป็นการออกแบบสไตล์สกอตแลนด์ ในขณะที่เสาหินที่ขนาดเล็กกว่าเรียงตัวอยู่อย่างกระจัดกระจายอันเปรียบเสมือนเบาะแสสู่ปริศนาที่ยิ่งใหญ่กว่า และการตามหาเสาเหล่านี้ก็เหมือนกับการตามล่าหาขุมทรัพย์เฉกเช่นในภาพยนตร์อินเดียนา โจนส์ ซึ่งถือเป็นมายากลเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันท่ามกลางป่าสนสกอต ต้นเฟอร์ และต้นเฮมล็อค

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวหลายคน บีบีซีเคยไปเยือนเส้นทางปราสาทสกอตแลนด์รอยัลดีไซด์ (Royal Deeside) ซึ่งมีชื่อเสียงแห่งนี้มาแล้ว ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาแคร์นกอร์ม (Cairngorm) ตะวันออกประกอบไปด้วยปราสาทที่มีหอคอย 167 ห้อง, ห้องบอลรูม, ลานสนามหญ้า, สวนลึกของปราสาท และเขาวงกตในรูปดอกทิสเซิล ทั้งหมดนี้คือแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย. ถึงต้นเดือน ส.ค. ที่เปิดให้ผู้ที่มีบัตรเข้าชมมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของปราสาทสกอตแลนด์แห่งนี้

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด

นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีที่พักราว 80 แห่ง มีสวนป่าที่ปลูกเพื่อการค้า เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการล่ากวางและยิvนกกระทา และสนามกอล์ฟ

ที่มาของภาพ : Alamy

ปราสาทบัลมอรัลได้เป็นพระตำหนักตากอากาศของราชวงศ์สกอตแลนด์ตั้งแต่ปี 1852 ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ ทุ่งหญ้า และที่ดินทางการเกษตรราว 50,000 เอเคอร์

แต่หลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 คนท้องถิ่นต่างถูกบังคับให้ต้องอยู่กับบ้าน ดังนั้นการออกแสวงหาสถานที่ใหม่ ๆ ก็หลายเป็นวิถีของคนสกอตไปโดยปริยาย อนุสรณ์ที่ดูไม่น่าเชื่อเหล่านั้นโผล่ขึ้นมาบนโซเชียลมีเดียเหมือนกับความลับที่เป็นดั่งเสียงกระซิบ ย่านปราสาทบัลมอรัลอยู่ห่างจากที่ผมอาศัยในเมืองเอดินเบอระราว 100 ไมล์ ดังนั้นผมจึงจำสถานที่เหล่านี้ไว้ในใจว่ามันเป็นความท้าทายที่คุ้มค่าในการตามหาครั้งถัดไปหากผมได้ไปเยือนมณฑลอาเบอร์ดีนเชียร์

แล้วเหตุใดสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้จึงถูกก่อสร้างขึ้น ? ศาสตราจารย์เอเวน คาเมรอน นักวิชาการประวัติศาสตร์สกอตแลนด์แห่งมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ กล่าวว่าส่วนมากแล้วสิ่งก่อสร้างเหล่านี้เป็นดำริของควีนวิกตอเรียที่ต้องการรำลึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของราชวงศ์ของพระองค์ รวมถึงงานอภิเษกสมรสของพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ทั้ง 9 พระองค์ด้วย อนุสรณ์หินเหล่านี้ยังเป็นการระลึกถึงเจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด, เจ้าหญิงอลิซ, เจ้าชายอาร์เธอร์ และเจ้าหญิงเบียทริซ รวมถึงบุคคลอื่น ๆ ด้วย โดยสร้างขึ้นให้เปรียบเสมือนกับแผนที่ของครอบครัวข้ามเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่า

“อนุสรณ์หินของเจ้าหญิงลูอีส์อาจเป็นอนุสรณ์ที่มีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจที่สุดในบรรดาอนุสรณ์เหล่านี้” ศ.คาเมรอน ซึ่งทำวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์หลังจากการรวมเป็นสหราชอาณาจักรในช่วงปี 1700 เป็นต้นมา และการเมืองเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของที่ดินในเขตไฮแลนด์ กล่าว

“พระองค์เป็นพระราชทายาทองค์ที่ 6 และเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 4 ของควีนวิกตอเรีย และได้เสกสมรสกับ จอห์น แคมป์เบล ดยุคแห่งอาร์กายล์ พระองค์ที่ 9 ซึ่งถือเป็นการเสกสมรสที่กระชับความแข็งแกร่งให้กับราชวงศ์ในเขตไฮแลนด์ ซึ่งสำคัญต่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียอย่างมาก แต่ก็มีความขัดกันที่น่าสนใจเมื่อผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ฮันโนเวอร์ (ing of Hanover) กลับตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแนวคิดโรแมนติกเกี่ยวกับสกอตแลนด์เช่นกัน”

กอร์ดอน คาเซลี ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเกี่ยวกับตราประจำตระกูล (heraldist) และอดีตนักข่าวที่มีชื่อเสียง ซึ่งสนใจในตำนานและเรื่องเล่าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ กล่าวว่าอีกหนึ่งเครื่องหมายสำคัญสร้างขึ้นหลังจากการเสด็จสวรรคตของเจ้าชายอัลเบิร์ตในเดือน ธ.ค. 1861 ซึ่งทำให้เกิดการสร้างอนุสรณ์หินที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มปราสาทแห่งนี้ ซึ่งตัวอนุสรณ์มีรูปทรงเป็นพีระมิดที่ตัดจากหินแกรนิต อนุสรณ์หินนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา Craig an Lurachain ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามของอุทยานแห่งชาติแคร์นกอร์ม และต้องใช้ความพยายามมากที่สุดในการขึ้นไปถึง และตอนนี้อนุสรณ์หินดังกล่าวมักจะถูกเรียกว่า “พีระมิดแห่งสกอตแลนด์”

ที่มาของภาพ : Alamy

อนุสรณ์รำลึกการซื้อที่ดินพระราชฐานของปราสาทบัลมอรัล (Purchase Cairn) ถูกสร้างขึ้นในเดือน ต.ค. 1852 เพื่อรำลึกถึงการซื้อที่ดินบัลมอรัล จากแคลน ฟาร์คูฮาร์สัน

“อนุสรณ์หินเหล่านี้น่าอัศจรรย์ยิ่ง ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าเชื่อที่มันมาตั้งอยู่บริเวณนี้ได้” คาเซลี กล่าว “มันน่าสนใจอย่างมาก เพราะอนุสรณ์หินแต่ละแห่งมีเรื่องราวความเป็นมาของตนเองและการออกแบบเฉพาะ และผมไม่แปลกใจเลยว่าจะมีนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่จะมาเยือนดู ตำนานของอนุสรณ์หินเหล่านี้มีค่าพอที่จะถูกบอกเล่าออกไป”

ตั้งต้นจากลานจอดรถบัลมอรัลที่คราธี ทางทิศตะวันออกของเมืองบรามาร์ ผมแบกกระเป๋าแบ็คแพ็คขึ้นหลังและเดินเข้าไปในสวนป่าของที่ดินแห่งนี้เพื่อยลโฉมสิ่งปลูกสร้างที่ทำขึ้นจากหินสีเงินส่องประกายด้วยตาตัวเอง เส้นทางเดินป่าโบราณไต่ระดับความสูงขึ้นไปเหนือแม่น้ำดี (Dee) ที่สะท้อนแสงแดด จากนั้นก็เดินลงมาตามโค้งขึ้นลงเหมือนเส้นทางรถไฟเหาะ ผ่านรากไม้หนาและลงไปยังแอ่งหุบเขาที่ลึกลงไป กิ่งก้านสาขาของพรรณไม้ช่วยบดบังแสดงแดดของช่วงต้นฤดูร้อน และเสียงเดียวที่ดังในบริเวณนั้นคือเสียงนกร้อง

อนุสรณ์หินจุดแรกที่ผมพบคืออนุสรณ์ของเจ้าหญิงเฮเลนา ถัดจากนั้นเป็นอนุสรณ์ของเจ้าหญิงลูอีส์ ซึ่งตั้งอยู่กลางช่องขนาดกว้างบนยอดหน้าผาหิน ถัดไปเป็นอนุสรณ์ซึ่งสร้างขึ้นในเดือน ต.ค. 1852 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกการซื้อที่ดินพระราชฐานของปราสาทบัลมอรัล (Purchase Cairn) ซึ่งเจ้าชายอัลเบิร์ตทรงซื้อจากครอบครัวของ แคลน ฟาร์คูฮาร์สัน อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งแรกที่สร้างขึ้น และยังคงมีความสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน โดยป่าที่ซับซ้อนเสมือนเขาวงกต และมุมมองที่สูงของอนุสรณ์หินบนยอดเขาเครก โกแวน (Craig Gowan) ทำให้อนุสรณ์แห่งนี้เป็นจุดที่ตามหาง่ายที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของรอยัลดีไซด์ (Royal Deeside)

สิ่งที่หลายคนไม่ทราบก็คืออนุสรณ์หินเหล่านี้อาจไปตั้งอยู่ที่อื่นก็เป็นได้ ในช่วงกลางทศวรรษ 1800 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนพื้นที่ไฮแลนด์หลายแห่งก่อนที่จะทรงลงหลักปักฐานที่บัลมอรัล ในเวลานั้นทั้งสองพระองค์ยังทรงเคยมีพระดำริซื้อที่ดินบริเวณอาร์ดเวริกี้ (Ardverikie property) ซึ่งสามารถมองเห็นทะเลสาบลาแกน (Laggan) ทางฝั่งตะวันตกสุดของเทือกเขาแคร์นกอร์ม แต่ ศ.คาเมรอน ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์สกอตแลนด์คิดว่าบริเวณนั้นอาจยากเกินไปสำหรับทั้งสองพระองค์ในการเดินทางไปถึงแม้กระทั่งเขตไฮแลนด์ก็ตาม ดังนั้นบริเวณปราสาทบัลมอรัลจึงถูกเลือก โดยเริ่มจากการเช่าที่ดินก่อนในช่วงแรกก่อนที่จะมีการซื้อที่ดินทั้งผืนในอีก 4 ปีต่อมา

ที่มาของภาพ : Mike MacEacheran

Princess Louise's cairn commemorates her marriage to John Campbell, then Marquess of Lorne (Credit ranking: Mike MacEacheran) อนุสรณ์หินที่ระลึกพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าหญิงลูอีส์ และจอห์น แคมป์เบลล์ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งมาร์ควิสแห่งลอร์น

“บัลมอรัล… อยู่ออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ไกลเกินไป” ศ.คาเมรอน อธิบาย “ที่นั่นมีทุกอย่าง ทั้งทิวทัศน์ของที่ราบสูงที่สลับซับซ้อน มีแม่น้ำดี (Dee) ภูเขา และสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงซึมซับความคิดแบบโรแมนติกเกี่ยวกับสกอตแลนด์ที่มีมากขึ้นในตอนนั้น หลังจากนั้นบัลมอรัลได้กลายเป็นสถานที่สำคัญของพระองค์หลังจากเจ้าชายอัลเบิร์ตเสด็จสวรรคตในปี 1861 พระองค์ทรงอยู่ในสภาพที่คล้ายแยกตัวจากโลกภายนอกหลังจากที่เจ้าชายอัลเบิร์ตเสด็จสวรรคตด้วยพระชนมายุเพียง 42 ปี บัลมอรัลได้ให้ที่พักพิงแก่พระองค์เพื่อหลบหลีกจากโลกภายนอก”

การตามหาอนุสรณ์หินเหล่านี้คือการเดินทางย้อนกลับไปในอดีต และเข้าไปสู่แนวคิดของสกอตแลนด์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอุดมคติแบบวิกตอเรียน ศ.คาเมรอน กล่าวว่าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงเป็นผู้สร้างสิ่งที่ถูกเรียกว่า “การทำให้ไฮแลนด์หรือที่ราบสูงกลายเป็นบัลมอรัล” (Balmoralisation) และแนวคิดนี้ยังคงมีโลดแล่นอยู่ในใจของใครหลายคนที่ได้มาเยือน

“สกอตแลนด์มีภาพที่ถูกมองมายาวนานว่าเป็นที่ว่างเปล่า เป็นป่าทึบ และโรแมนติก ถึงแม้ว่าพวกเราชาวสกอตจะรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม” ศ.คาเมรอนกล่าว

“แนวคิดนี้ยังคงสืบทอดมาตลอดหลายศตวรรษ ไม่ว่าจะผ่านอิทธิพลของนักเขียนอย่าง เซอร์ วอลเตอร์ สกอตต์ หรืองานศิลปะของเอ็ดเวิร์ด แลงด์ซีเยอร์ จิตรกรที่พระราชินีวิกตอเรียทรงโปรดปราน ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาที่ชื่อว่า The Monarch of the Glen เป็นภาพที่แสดงถึงความโรแมนติกภาพของภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยกวางอย่างที่บัลมอรัล”

สำหรับผู้ที่สนใจภาพเขียนที่ราชวงศ์สกอตทรงโปรดให้วาดขึ้นและกลายมาเป็นภาพที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของชาติ ภาพเหล่านี้จัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติสกอตแลนด์ ในเอดินเบอระ

ที่มาของภาพ : Mike MacEacheran

ควีนวิกตอเรียทรงสร้างพีระมิดสูง 11 เมตรแห่งนี้ในปี 1862 เพื่อรำลึกถึงเจ้าชายอัลเบิร์ต

เส้นทางการเดินป่าของผมยังคงผ่านภูมิทัศน์ที่ไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมมากนักตลอดเส้นทางอันเงียบสงบยาว 6 ไมล์ซึ่งมีกระรอกสีแดงและนกออสเพรย์เป็นเพื่อนร่วมทาง หลังจากนั้นเส้นทางก็จะเริ่มเข้าเขตที่้ต้องปีนขึ้นสู่ที่ชัน เมื่อพ้นต้นไม้ ทิวทัศน์อันน่าจดจำก็เผยตัวออกมา เป็นภาพของพีระมิดเจ้าชายอัลเบิร์ตความสูงเกือบ 11 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถมองเห็นวิวของรอยัลดีไซด์ได้ทั้งหมด

ทิวทัศน์ตรงหน้านี้คือต้นแบบความสวยงามของธรรมชาติซึ่งมีความโรแมนติก เต็มไปด้วยป่าเขา เฉกเช่นวันที่ควีนวิกตอเรียทรงตั้งธงของราชวงศ์ขึ้นบนเขาแห่งนี้ ส่วนตัวพีระมิดนั้นเรียบง่ายและเต็มไปด้วยหินอันแข็งแกร่งซึ่งเป็นรูปทรงของสิ่งก่อสร้างที่แตกต่างไปจากที่อื่น ๆ ในเขตไฮแลนด์ตามที่หลายคนฝันถึง

แม้ในประเทศที่เป็นที่ตั้งของกลุ่มหินโบราณจำนวนมาก มีแหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ และประวัติศาสตร์ลึกลับมากมาย อนุสรณ์หินวิกตอเรียนยังคงเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง การเดินเข้าไปหาพีระมิดแห่งนี้และอนุสรณ์หินอื่น ๆ ด้วยเท้าเปล่าเพียงลำพังอย่างเงียบสงบ โดยปราศจากเสียงอื่นใดนอกจากเสียงแมลงและเสียงนก ทำให้สถานที่เหล่านี้ดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมองดูท่ามกลางแสงแดดที่สดใสใต้ท้องฟ้าสีฟ้าของเขตไฮแลนด์ที่ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก