
พรรคเพื่อไทย ตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 มาตรา 256 ก่อนยื่นญัตติเข้ารัฐสภาเร็วที่สุด ชง เลือก สภาร่างรัฐธรรมนูญทางอ้อม ส่วนประชามติครั้งที่สองจะถามว่าอะไร ขึ้นอยู่กับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 โยน รัฐบาลตัดสินใจ ทำประชามติเมื่อไหร่ กี่ครั้ง ครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองพร้อมกันหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 11 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย และนางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งการออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้ และการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมญด้วย โดยรัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
อ่านข่าวประกอบ : ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 ทำประชามติแก้ไขรธน. 3 ครั้ง
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า แม้จะมีอุปสรรคและขั้นตอนเพิ่มขึ้น และยังมีปัญหาถกเถียงกันอยู่ แต่พรรคเพื่อไทยในฐานะเป็นผู้ริเริ่มและติดตามเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาโดยตลอด ยังยืนยันที่จะดำเนินการแสวงหาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป โดยพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 มาตรา 256 เข้าสู่รัฐสภาโดยเร็วที่สุด
นายชูศักดิ์กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการดังต่อไปนี้ ประการแรก เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยรัฐสภาจะพิจารณาสามวาระ หลังจากนั้นต้องนำไปทำประชามติตามมาตรา 256 (8)
“สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่อาจกระทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเห็นว่าอาจจะขัดต่อหลักการประชาชนมีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่า อาจจะกระทำโดยเลือกสสร. โดยทางอ้อม อาจจะกระทำโดยรัฐสภามีมติแต่งตั้งสสร. ไม่ใช่การเลือกตั้งโดยตรง หรืออาจจะกระทำโดยรัฐสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการของรัฐสภาก็ได้”นายชูศักดิ์กล่าว
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ส่วนจะกระทำโดยวิธีใด พรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะทำงานคิดเรื่องนี้ และนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ต่อรัฐสภาต่อไปโดยเร็วที่สุด
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ประการที่สอง การทำประชามติ รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8) กำหนดให้ต้องทำประชามติอยู่แล้ว ส่วนจะทำประชามติครั้งที่หนึ่งเมื่อไหร่ ครั้งที่สองเมื่อไหร่ หรือครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองจะรวมกันหรือไม่ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับปี 2564 และฉบับแก้ไข ซึ่งอยู่ระหว่างรอประกาศบังคับใช้ ประชามติจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ เช่น รัฐสภามีมติส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการ หรือ ครม.เห็นสมควร เพราะฉะนั้น การทำประชามติเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลด้วย ซึ่งเงื่อนไขมีหลายประการ เช่น จะยุบสภาเมื่อไหร่ จะทำประชามติเมื่อไหร่หลังจากรัฐบาลยุบสภาแล้ว หรือ จะยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เสร็จเมื่อไหร่
“ประชามติครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองต้องมี จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยคิดว่า มีสองคำถาม คำถามที่หนึ่ง เห็นชอบว่าสมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ คำถามที่สอง ต้องถามว่า เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ วิธีการ สาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามรายละเอียดที่กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่”นายชูศักดิ์กล่าว
นายชูศักดิ์กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องคิดและตัดสินใจว่า จะทำประชามติเมื่อไหร่ จะทำประชามติกี่ครั้ง จะทำประชามติครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองพร้อมกันหรือไม่ และเมื่อไหร่
“การทำประชามติตามพ.ร.บ.ประชามติ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องมีมติ ครม. โดยการเสนอของรัฐสภา โดยการเสนอของประชาชน หรือ โดยครม.มีมติเอง รัฐบาลจะไปโดดเดี่ยวหรือไม่ทำอะไรเลยไม่ได้”นายชูศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่า คำถามที่สองเรื่องวิธีการและเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมจะถามประชาชนว่าอะไร นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรื่องวิธีการและเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่จะนำเสนอ โดยจะนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมไปถามประชาชน ว่า มีวิธีการและเนื้อหาเป็นอย่างไร ดังนั้น จึงต้องดูว่าพรรคการเมือง หรือ รัฐบาลจะเป็นผู้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ได้ว่า มีเนื้อหาสาระสำคัญอย่างไร ซึ่งก็ต้องสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เช่น สสร.ต้องไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
นายจาตุรนต์กล่าวเสริมว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนได้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 มาตรา 256 และนายวันมูหะมัดนอร์ มาทะ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุเข้าระเบียบวาระแล้ว แต่ยังไม่มีการพิจารณา ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
“เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาว่า การทำประชามติครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองสามารถรวมกันได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร พรรคเพื่อไทยของเรียกร้องพรรคการเมืองและรัฐบาลใหม่ น่าจะช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้การทำประชามติสองครั้งนำมารวมกันเป็นครั้งเดียวได้ ซึ่งจะทำให้ไม่เสียเวลาและสิ้นเปลืองงบประมาณ โดยจะต้องหารือกันตั้งแต่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 อย่างไร เพื่อหาข้อสรุปที่ดีของรัฐสภา และการร่วมมือของรัฐบาลอย่างจริงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ”นายจาตุรนต์กล่าว
‘ณัฐพงษ์’ แถลง ‘ประชามติ’ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง – รอบแรก พร้อมเลือกตั้งใหญ่
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )