
เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ‘บุญรอง คำเสียง' อดีตนายก อบต.พิมาย ศรีสะเกษ ยักยอกเงินหน่วยงานไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุก 50 ปี ชดใช้ 5 ล้าน – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นพ้อง อสส. ไม่ฏีกาสู้ต่อแล้ว
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายบุญรอง คำเสียง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ยักยอกเงินองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย ในปีงบประมาณ 2559 ไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ซึ่งคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 147,151, 157, 161 และ 266 (1) -268 และ พ.ร.ป.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบ ป.อ. มาตรา 90 ,91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่มีคำพิพากษาว่า นายบุญรอง คำเสียง จำเลยมีความผิดตามกฎหมาย ให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 147 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 19 กระทง
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) ให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 5,030,071.31 บาท แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมาย ข้อหาอื่นจากนี้ให้ยก
เบื้องต้น คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 มีมติเห็นพ้องด้วยในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฏีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )