
“ผมตะโกนเรียกชื่อเธอ แต่เธอไม่ตอบ” คำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตจากเหตุหลังคาไนท์คลับโดมินิกันถล่ม

ที่มาของภาพ : Carwin Javie Molleja
data
- Author, ซานติอาโก วาเนกัส
- Role, บีบีซี นิวส์ มุนโด (บีบีซีแผนกภาษาสเปน)
เมื่อเวลา 01:00 น. ของวันอังคาร คาร์วิน ฆาบี โมเยฆา กำลังเต้นรำอยู่กับแม่ของเขาในไนท์คลับเจ็ตเซ็ต (Jet Save) ในซานโต โดมิงโก ขณะที่เขาสังเกตเห็นบางสิ่งร่วงหล่นจากบนเพดาน
ณ เวลานั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับมัน “ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงเพราะแค่หินก้อนเล็ก ๆ หล่นลงมา จะทำให้หลังคาทั้งหมดถล่ม” เขากล่าว
นักดนตรีเพอร์คัชชันผู้นี้ที่ย้ายมาที่สาธารณรัฐโดมินิกันเมื่อแปดปีก่อนหน้านี้ ออกมากับแม่ของเขา คาร์มิน และเพื่อน ๆ ของเขา เพื่อมาดูคอนเสิร์ต นักร้องแนวเมอแรงเก้ อย่าง รับบี เปเรซ (Rubby Pérez)
นี่คือครั้งแรกที่คาร์วิน ในวัย 32 ปี และแม่ของเขาได้พบหน้ากันในรอบสามปี ซึ่งมันควรจะเป็นค่ำคืนของความยินดีและการเฉลิมฉลอง
แต่ในชั่วโมงแรก ๆ ที่ข้ามคืนมาวันอังคาร หายนะก็เกิดขึ้น
and proceed studyingเรื่องแนะนำ
Halt of เรื่องแนะนำ
“สิ่งที่อยู่ในหัวผมคือเสียงกรีดร้อง เสียงดังสนั่นของเพดานที่พังถล่มลงมา เสียงแม่ที่กรีดร้องและถามผมว่าผมโอเคหรือเปล่า และเสียงผมที่ตอบเธอไปว่าผมโอเค” คาร์วิน ย้อนนึกถึงช่วงเวลาดังกล่าว
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก ผมจำได้ว่าผมหลับตาทั้งสองข้าง และทำตามสัญชาตญาณของผมในตอนนั้นคือกอดแม่”

ที่มาของภาพ : Getty Photos
ทั้งคาร์วินและแม่ของเขา ที่ขณะนั้นยืนอยู่ใกล้เวที ถูกเศษเพดานที่ถล่มลงมากระแทกศีรษะ แต่โชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ขณะที่ นักร้อง รับบี เปเรซ เป็นหนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิต
ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คาร์วินสามารถหาประตูที่เขาและแม่สามารถหนีออกไปข้างนอกได้
แต่เพื่อนของเขา เจสสิกา และน้องสาวของเธอ ยังคงอยู่ในคลับ ด้วยความร้อนใจที่จะตามหาพวกเธอ เขาตัดสินใจกลับเข้าไปข้างใน
ข้างในคลับ คาร์วินตะโกนเรียกชื่อเจสสิกาอย่างสิ้นหวัง แต่ไม่มีเสียงใครตอบกลับ
เขารู้สึกว่าเขาไร้พลังที่จะช่วยผู้คนที่ติดภายใต้ซากปรักหักพังนี้ได้เลย คาร์วินระบุ
“หินมันใหญ่มาก ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์”
คาร์วินเล่าว่า หลังจากนั้นเขาออกจากอาคาร พยายามโทรเรียกทีมแพทย์ฉุกเฉิน และกลับเข้าไปข้างในเพื่อตะโกนเรียกชื่อเพื่อนและโทรหาเธอ ซึ่งเขาทำแบบนี้ซ้ำ ๆ
“หลังจากนั้น ผมก็โทรหาเธอไม่ติด”

ที่มาของภาพ : Carwin Javie Molleja
คาร์วินอธิบายเหตุการณ์หลังหลังคาถล่มว่าเป็น “ความโกลาหลอย่างแท้จริง”
“ผู้คนต่างสติแตก” เขาระบุ
“พวกเขาพยายามดึงผู้บาดเจ็บออกมา ผมเห็นตอนที่พวกเขาดึงนักแซกโซโฟนที่เสียชีวิตออกมา”
ในห้วงนาทีหลังการพังถล่ม หน่วยบริการฉุกเฉินต่าง ๆ ก็มาถึง รถพยาบาลและเปลหาม “กรูกันเข้ามา”
คาร์วินบอกว่าเขาอยู่ในที่เกิดเหตุต่อประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งภายหลังการพังถล่ม
ในช่วงเวลานั้นเขาไม่เห็นเครื่องจักรใด ๆ มาช่วยรื้อซากปรักหักพังนี้
เขาบอกว่าเขาอยากจะตามหาเพื่อนของเขาต่อ แต่ก็ต้องพาแม่ที่กำลังทุกข์ใจกลับบ้าน
“ผมต้องพาเธอกลับบ้าน และทำให้เธอใจเย็นลง”
จากนั้นในวันเดียวกัน ร่างไร้วิญญาณของเจสสิก้าและน้องสาวของเธอก็ถูกพบในเศษซากปรักหักพังนี้ โดยมีรายงานในเวลาต่อมาว่าหายนะครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 221 คน ซึ่งนับว่าเป็นเหตุร้ายแรงที่สุดในกลุ่มประเทศแคริบเบียนในรอบหลายทศวรรษ
คาร์วินบอกว่าเขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อนได้มากกว่านี้
“มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ ผมตะโกนชื่อเธอ แต่เธอไม่ตอบ มันรู้สึกแย่มากที่ทำอะไรไม่ได้เลย”
รายงานเพิ่มเติมโดย อิซาเบล คาโร และอลิเซีย เฮอร์นันเดซ
ที่มา BBC.co.uk