แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/yo0w | ดู : 10 ครั้ง
ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน-(ศปปส.)-ประชาภักดิ์พิทักษณ์สถาบั

ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

ประชาภักดิ์พิทักษณ์สถาบัน (ปภส.)

อาชีวะราชภักดี

ฯลฯ

ชาวเน็ตอาจรู้จักชื่อเหล่านี้ในฐานะกลุ่มเคลื่อนไหวปกป้องสถาบันกษัตริย์ ที่มีบทบาทสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดี ม.112 ต่อบุคคลที่พวกเขามองว่ามีพฤติกรรม ‘หมิ่นเบื้องสูง’ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักกิจกรรม หรือบุคคลทั่วไป แม้พวกเขามักให้ความเห็นว่าคดี ม.112 ไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวที่กำเนิดขึ้นมาตอบโต้ ‘ม็อบราษฎร-ม็อบสามนิ้ว’ ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

กลุ่มปกป้องสถาบันฯ บางกลุ่มยังเคยปรากฏบนหน้าข่าวจากการทำร้ายร่างกายนักกิจกรรมและสื่ออิสระ ไปจนถึงขู่เอาชีวิตเยาวชน ปฏิบัติการ ‘เดินหน้าชน’ ของพวกเขาจึงมีทั้งระดับกระบวนการทางกฎหมาย และระดับถึงเนื้อถึงตัวในช่วงที่มีความขัดแย้งสูง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  • ข้าฯรักเจ้า: ขวาสุดขั้วในยุคผีสามนิ้ว

โพสต์ประกาศwร้อมแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ เมื่อปลายปี 2563 และ โพสต์แสดงความร่วมมือระหว่างกลุ่มปกป้องสถาบันฯ

โดย ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

ข่าว สมาชิกกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันยอมรับทำร้ายร่างกายสื่ออิสระ และ ประธาน ศปปส. ขู่เอาชีวิตเยาวชน

สถานการณ์เปลี่ยนไป กลุ่มเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง

แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบต่อ ‘วิธีจัดการ’ คนเห็นต่าง แต่กลุ่มปกป้องสถาบันฯ ค่อนข้างประสบความสำเร็จในแง่ผลลัพธ์ เห็นได้จากคดีที่พวกเขาเป็นผู้กล่าวหา หลายคดีผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับสิทธิประกันตัว หลายคดีเป็นการฟ้องทางไกลทำให้ประสบความยากลำบากในการดำเนินการ หลายคดีน่ากังขาต่อการตีความตัวบทกฎหมายและความไม่ได้สัดส่วนของบทลงโทษ (อันเป็นประเด็นสำคัญที่มีการเรียกร้อง ยกเลิก112 ก่อนหน้านี้) ทุกครั้งที่มีคำพิพากษาออกมาในแต่ละคดี ก็ดูจะทำให้บทสนทนาเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ต่อการเมืองไทยหดหายลงไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงข้อเรียกร้องคืนสิทธิประกันตัวและผลักดันนิรโทษกรรม (แน่นอนว่ากลุ่มปกป้องสถาบันฯ ค้านสุดตัว) อย่างมากคงไปได้ไกลที่สุดแค่ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

เรียกได้ว่า ‘ขบวนการสามนิ้ว’ ในสายตาของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ กำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ

ในวันที่เสียงเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เบาลง ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในกลุ่มปกป้องสถาบันฯ เช่นกัน เช่น ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ที่เคยไล่ฟ้องคดี ม.112 ประกาศปิดตัวไปแล้วเมื่อปี 2566 โดยให้เหตุผลว่า “…บัดนี้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ศชอ.จึงขอยุติบทบาทตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…”

กลุ่มอาชีวะราชภักดี ปัจจุบันพวกเขาเป็นที่รู้จักในนามกลุ่ม ‘ไทยไม่ทน’ (คนละกลุ่มกับ ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนฯ) พุ่งเป้าชนแรงงานข้ามชาติผ่านคำขวัญ ‘Thai First’ ขณะที่ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน และกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน ยังคงใช้ชื่อกลุ่มเดิม และขยับมาเคลื่อนไหวในประเด็นอื่นๆ อย่างแข็งขัน

นอกจากการไล่ฟ้องคดีที่เป็นงานประจำ อะไรคือภารกิจของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ในปัจจุบัน?

หากเราดูประเด็นของพวกเขาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะสามารถเห็นความเคลื่อนตัวได้ตามไทม์ไลน์ ดังนี้

1.

ร่วมม็อบ คปท. เรียกร้อง ‘ทักษิณ’ เข้าคุก – ต่อต้าน ‘รัฐบาลเพื่อไทย’

เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับมานานกว่ายี่สิบปี ตั้งแต่ม็อบ ‘เสื้อเหลือง’ ลากยาวมาจนถึง ‘ม็อบนกหวีด’ ชื่อของ ‘ทักษิณ’ และ ‘ระบอบชินวัตร’ เป็นที่คุ้นหูบนเวทีปราศรัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะได้เห็นภาพเหล่านี้อีกครั้งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมด้วยนายกฯ คนที่ 3 จาก ‘ชินวัตร’ ซึ่งมักถูกจดจำผ่านเรื่องเล่าของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามในฐานะ ‘ตระกูลการเมืองผู้ฉ้อฉล’ อันเป็นความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ช่วงหนึ่งเคยถูกโจมตีว่าเป็น ‘นักการเมืองล้มเจ้า’ ‘รัฐบาลโกงชาติ’ แม้เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่ประสบความสำเร็จในการบริหารและได้รับความนิยมมากที่สุดพรรคหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยรัฐประหาร 2 ครั้งในปี 2549 และ 2557

ปัจจุบัน ม็อบตัวตั้งตัวตีต่อสู้ทักษิณบนท้องถนน เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ 10 ม.ค. 2567 เมื่อเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ร่วมกับศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มนักรบเลืoดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ แถลงข่าวร่วมกัน ประกาศชุมนุม ต้านระบอบทักษิณ

ที่มา: ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

การชุมนุมครั้งแรกของ คปท.-กลุ่มปกป้องสถาบันฯ กินเวลา 3 วัน (12-14 ม.ค. 2567) บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วันของทักษิณ และเรียกร้องให้นำทักษิณเข้าคุก ก่อนที่จะกลับมาปักหลักชุมนุมยาวอีกครั้งตั้งแต่ 2 ก.พ. 2567 ด้วยเหตุผลเดียวกัน ต่อมาพักการชุมนุมไปในช่วงเดือนกรกฎาคมหลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้เลิกการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมให้เหตุผลว่าพวกเขาพักการชุมนุมเพื่อคืนพื้นที่สำหรับงานมหามงคลครบรอบ 72 พรรษาของในหลวงรัชกาลที่ 10

ระหว่างนั้น คปท.-กองทัพธรรม-กลุ่มปกป้องสถาบันฯ มีการยื่นหนังสือและจัดชุมนุมชั่วคราวอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาปักหลักชุมนุมที่เดิมอีกครั้งช่วงต้นเดือนมีนาคม 2568

ตลอดกว่า 1 ปีที่เคลื่อนไหว ประเด็นของม็อบขยับขยายเพิ่มขึ้นจากเรื่อง ‘นักโทษเทวดา’ ไปเป็นการต่อต้านทั้งองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เช่น

  • โจมตี ‘ครม.สืบสันดาน’ ของ ‘นายกฯ ลูกเทวดาชั้น 14’ ที่มีทักษิณครอบงำการทำงาน
  • saveเกาะกูด หยุดMOU44
  • คัดค้านคาสิโนจากการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล
  • ยื่นหนังสือถึง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอให้ไต่สวน เศรษฐา ทวีสิน กรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน นั่ง รมต.สำนักนายกฯ
  • คัดค้านกระบวนการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ในช่วงที่มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความใกล้ชิดกับฝ่ายการเมืองของ ‘กิตติรัตน์ ณ ระนอง’
  • จับตาการกลับประเทศไทยของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และยังคงประณาม ‘จำนำข้าว’
  • ฯลฯ

โพสต์นัดหมายชุมนุมของ คปท.-กองทัพธรรม-ศปปส. ช่วงระหว่างก่อนกลับมาปักหลักชุมนุมต้นมีนาคมที่ผ่านมา

ทรงชัย เนียมหอม (โอม) ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) หนึ่งในผู้ปราศรัยบนเวที คปท. ถูกทักษิณฟ้องหมิ่นประมาทจากการโพสต์รูปภาพลงบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ด้วยเหตุว่ารูปดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนไม่เชื่อว่าทักษิณป่วยจริง ทรงชัยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามนัดหมายของพนักงานสอบสวนแล้วเมื่อ 22 ม.ค. 68 โดยมี นิพิฏฐ์ อิทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นทนายความ

‘ทรงชัย เนียมหอม’ กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) ขึ้นเวที คปท. ปราศรัยเรื่องทักษิณ

และ วิดีโอไลฟ์ขณะทรงชัยเดินทางเข้ารับทราบคำฟ้อง กรณีหมิ่นประมาททักษิณ

ปัจจุบันประเด็นที่มีศักยภาพในการระดมมวลชนมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องการต่อต้านเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีเสียงตอบรับจากประชาชนหลายกลุ่ม และมีการตั้งขบวนเดินเท้ามายังอาคารรัฐสภาในวันที่ 9 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา แม้นายกฯ แถลงก่อนหน้าแล้วว่าถอนร่างกฎหมายนี้ไปแล้ว

การผสานความร่วมมือระหว่างอดีตพันธมิตรเสื้อเหลืองจะประสบความสำเร็จแค่ไหนในการยุติอำนาจของศัตรูเก่า พวกเขายังมีพลังแค่ไหนในสังคม และท้ายที่สุดการเคลื่อนไหวเหล่านี้จะนำไปสู่อะไร คงต้องติดตามกันต่อไป

2.

saveขบวนเสด็จ – ‘เก็บตะวัน’ – ทำร้ายสื่ออิสระ

4 กุมภาพันธ์ 2567 ‘ตะวัน-แฟรงค์’ นักกิจกรรมอิสระ บีบแตรรถยนต์และมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบนทางด่วนบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะถูกสกัดรถขณะขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ แล่นผ่าน

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจมหาศาลต่อสังคมที่เข้าใจว่าเป็นการป่วนขบวนเสด็จ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘รวมพลังหัวใจสีม่วง' แสดงความจงรักภักดีแด่กรมสมเด็จพระเทพฯ จากทั้งหน่วยงานรัฐ คนดัง และประชาชนทั่วไป ตลอดช่วงเดือนกุมภาพันธ์

กลุ่มปกป้องสถาบันฯ นำโดย ศปปส.-กลุ่มนักรบเลืoดสีน้ำเงินฯ ยื่นถอนประกันตะวันโดยอ้างว่าอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไข และยื่นหนังสือติติง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตำรวจในขณะนั้น ว่าบกพร่องในการถวายอารักขาขบวนเสด็จฯ และเรียกร้องให้รับผิดชอบ

ศปปส. ยื่นถอนประกันตะวันที่ศาลอาญา รัชดา 7 ก.พ. 2567

ศปปส.-กลุ่มนักรบเลืoดสีน้ำเงินฯ ยื่นหนังสือติติง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล 9 ก.พ. 2567 | ที่มา: ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

10 ก.พ. 67 ตะวันและเพื่อนนัดหมายทำโพลสำรวจความเห็นต่อขบวนเสด็จฯ ที่ BTS สยาม ระหว่างตะวันแถลงขอโทษพฤติกรรมขับรถเร็วในวันเกิดเหตุอยู่นั้น มีคนตะโกนด่าและพยายามเข้าถึงตัว จากนั้น วสัน ทองมณโฑ กลุ่มนักรบเลืoดสีน้ำเงินฯ ตบหัวหนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม แต่ถูกฟาดกลับด้วยดิ้วที่อีกฝ่ายพกมา จึงวิวาทชุลมุน บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ตะวันถูกหนึ่งในกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ชกที่ใกล้หูซ้าย และถูกวสันกระชากหัว

แม้ตำรวจระงับเหตุแล้ว แต่หลังจากนั้น อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. และพวก กระโดดข้ามแผงกั้นเข้าไปทำร้าย ‘ขุนแผน-ลุงดร’ สองสื่อพลเมืองที่ไลฟ์สดในที่เกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย

อ่านและรับชมคลิปประมวลเหตุการณ์ #BTSสยาม10กุมภา67 ได้ที่: https://prachatai.com/journal/2024/02/108012

“เขาคุกคามขบวนเสด็จ มันไม่ควร
มันก็ต้องเจอสังคมแบบนี้เหมือนกัน
ปะทะก็คือปะทะ บอกแล้ววันนี้ปะทะ”

— อัครพล ไกรศรีสมบัติ (เต้ อาชีวะ) กลุ่มอาชีวะราชภักดี ให้สัมภาษณ์สื่อหลังเหตุชุลมุน

ที่มาภาพ: ไข่แมวชีส

ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งของวันเดียวกันนั้น สมาชิกกลุ่ม ศปปส. โพสต์รูปภาพ เกี่ยวกับชุดปฏิบัติการพิเศษ “ดับแสงตะวัน” วันต่อมา เฟซบุ๊ก ศปปส. โพสต์แถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อมาในวันที่ 12 ก.พ. 67 บนเวทีปราศรัยของ คปท. ‘กฤษณ์พงศ์ เกียรติศักดิ์ (อาจารย์กบ บลูสกาย)’ ยังได้ให้กำลังใจ ศปปส.-เต้ อาชีวะ-กลุ่มนักรบฯ ด้วยการร้องเพลง ‘เก็บตะวัน’ ในเวอร์ชันเรียบเรียงเนื้อร้องใหม่ของ ‘P.khondee ( พี่คนดี กวีสมัครเล่น)’  เนื้อร้องมีว่า

“เก็บตะวัน ที่คอย ป่วนฟ้า
จับมันมา ติดคุก ทันใด
ถอดประกัน จับมันเข้าคุก เสียใหม่
อย่าปล่อยไว้ ให้เกิน เจ็ดวัน
เก็บตัวนาย ประกัน ด้วยเลย
บวกพวกเคย ผลักหลัง ช่างดัน
ก่อนเจอดี และมีชีวิต แสนสั้น
โดนไทยนั้น รุมกระทืบเสียชีวิต
แซงขบวน ป่วนอารักขา บ้าบิ่น
หนักแผ่นดิน และหมิ่นฟากฟ้า
ยามตะแบง ตะวันนั้นแฝงแรงบ้า
สั่งให้ฟ้า ทำตาม
หากตะวัน ยังฟัง “พ่อฟ้า”
โชคชะตา คงคุดเร็วไว
ใครอยากมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่
หยุดโดนใช้ ดังเช่นตะวัน”

บทเพลงนี้ถูกทำเป็นคลิปสั้นเผยแพร่โดยผู้สนับสุนน คปท.-กลุ่มปกป้องสถาบันฯ หลายคอมเมนต์สนับสนุนให้มีการทำร้ายร่างกาย-ไล่ออกจากแผ่นดินไทย เช่น

“คนประเภทนี้อย่าเก็บไว้ให้หนักแผ่นดินไทยเลย”

“ฝากตบอีเด็กเวรเผื่อด้วยครับ”

“เก็บอีตะวัน เลยคะ..อีเด็กเวร”

ฯลฯ

ในที่สุด ‘ตะวัน-แฟรงค์’ ถูกควบคุมตัวที่ศาลอาญา รัชดา เมื่อ 13 ก.พ. 67 ด้วยคดี ม.116 ยุยงปลุกปั่นฯ – พ.ร.บ.คอมฯ และอัยการส่งฟ้องในวันที่ 1 เม.ย. 67 ทั้งสองอดอาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ถูกจับกุม กว่าจะได้ประกันตัวก็ล่วงเข้าไปถึงวันที่ 28 พ.ค. 67 เป็นเวลานานกว่าสองเดือน

ปฏิบัติการ “ดับแสงตะวัน” และ บทเพลง ‘เก็บตะวัน’ บนเวที คปท.

คอมเมนต์จากโพสต์วิดีโอสั้น เพลง ‘เก็บตะวัน’ บนเวที คปท.

3.

คัดค้านนิรโทษกรรม 112 – ต่างประเทศและองค์สิทธิฯ หยุดแทรกแซง

ในเรื่องนิรโทษกรรม ไม่ต้องสงสัยว่าทุกกลุ่มในขบวนนี้มีจุดยืนคัดค้านสุดตัว ทว่าสิ่งที่น่าบันทึกไว้คือคำอธิบายซึ่งพอจะจำแนกได้หลักๆ 2 แนวทาง

แนวทางแรก คือ คำอธิบายคลาสสิก ว่า ม.112 ไม่ใช่คดีการเมืองอันเกิดจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เป็นปัญหาความมั่นคงที่บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

แนวทางที่สอง คือ คำอธิบายเพิ่มเติมในเชิงศีลธรรม หลายครั้งจะเห็นการพูดถึงการคัดค้านนิรโทษกรรม 112 รวมอยู่กับคดีทุจริตคอร์รัปชั่นและคดีอาญาร้ายแรง

ไม่นิรโทษม112
ไม่นิรโทษคนโกงคนทุจริต
ไม่นิรโทษฆ่-าคนเสียชีวิต

ที่มา: ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน และ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

รูปแบบของการรณรงค์มีทั้งการยื่นหนังสือ การติดสติ๊กเกอร์ และกิจกรรมออนไลน์ เช่น หลังจากกลุ่มทะลุฟ้ายื่นหนังสือถึง กมธ.นิรโทษกรรม  เมื่อ 16 พ.ค. 67 ให้รวมคดี 112 เป็นคดีการเมืองเพื่อนิรโทษกรรม มีการยื่นหนังสือตอบโต้โดยกลุ่มปกป้องสถาบันฯ อย่างน้อย 2 ครั้ง

  • ครั้งแรก 17 พ.ค. 67 ศปปส. ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร คัดค้านนิรโทษฯ และขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของ ‘รังสิมันต์ โรม’ ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ (และเป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลในขณะนั้น) ว่ามีพฤติกรรมหวังล้างผิดให้คดี 112
  • ครั้งที่สอง 23 พ.ค. 67 ศปปส.-ปภส.-อาชีวะราชภักดี ในนาม ‘ภาคีราชภักดี’ ร่วมกันยื่นหนังสือถึง กมธ.นิรโทษกรรม โดย อัครวุธ (เต้ อาชีวะ) ให้สัมภาษณ์สื่อว่าตนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ‘เสื้อเหลือง-เสื้อแดง’ แต่ไม่เห็นด้วยกับการรวมคดี 112

ทางฝั่งออนไลน์ เพจเฟซบุ๊กประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เชิญชวนให้ประชาชนโหวตไม่เห็นด้วยต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เวอร์ชั่นรวมคดี ม.112 ที่เสนอโดยภาคประชาชน ในเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเปิดให้ประชาชนโหวตระหว่าง 13 พ.ค. – 12 มิ.ย. 67 ผลปรากฏไม่เห็นด้วยถึง 64.66% จากผู้ร่วมโหวต 90,503 คน

โดยในช่วง 00.27 น. ของวันที่ 13 มิ.ย. 67 เพจเฟซบุ๊ก ปภส. โพสต์รายละเอียดดังกล่าวพร้อมภาพประกอบบรรยาย ‘Vote for change abolish three hoofs  โหวตเพื่อเปลี่ยน “ฆ่-า” สามกีบ’

ที่มา: ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน

นอกจากที่เกี่ยวกับการค้านนิรโทษกรรม 112 โดยตรง กลุ่มปกป้องสถาบันฯ ยังได้ยื่นหนังสือคัดค้านข้อเสนอขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิฯ ของ UN ที่ขอให้ยุติการดำเนินคดีของ ‘ทนายอานนท์’ และคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์อีกด้วย

รวมถึง ‘ภาคีกลุ่มราชภักดี’ ซึ่งประกอบไปด้วย ศปปส.-ปภส.-อาชีวะราชภักดี และเครือข่าย ที่เข้าพบข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เมื่อ 29 ม.ค. 2567 เพื่อชี้แจงและตอบโต้การเข้าพบ OHCHR ของเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนที่ยื่นหนังสือถึง UN ไปก่อนหน้านั้น ให้หนุนรัฐบาลเศรษฐาไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมรวมคดี ม.112 ภายในปี 2567  โดยข้อเรียกร้องของภาคีราชภักดีคือ ขอให้สหประชาชาติเป็นกลาง ไม่แทรกแซง และเคารพกฎหมายไทย

ที่มา: ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

ที่มา: ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน

อีกหนึ่งการเรียกร้องต่างชาติหยุดแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย คือการยื่นหนังสือถึงสถานทูตสหรัฐฯ ของ ศปปส. เมื่อ 9 ส.ค. 67 หลังจากสถานทูตฯ ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำพรรค 11 คน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 67 โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุถึงพฤติการณ์ของผู้ถูกร้องว่าการเสนอแก้ ม.112 เป็นการลดทอนคุณค่าของสถาบันฯ มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย นำไปสู่การล้มล้างการปกครอง สอดคล้องกับคำอธิบายของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ที่มักอธิบายว่า ม.112 เป็นคดีความมั่นคง

ที่มา: ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

4.

เสนอร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์

แม้ไม่มีพื้นที่บนหน้าข่าวมากนัก แต่นับว่าเป็นมูฟเมนต์ที่สะท้อนเจตจำนงของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ที่ตรงไปตรงมาที่สุด โดยเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ภาคีราชภักดี นำโดย

  1. ทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (โอม ปภส.)
  2. อัครวุธ ไกรศรีสมบัตร ประธานกลุ่มอาชีวะราชภักดี (เต้ อาชีวะ)
  3. อร่ามศักดิ์ บุตรจู ผู้ก่อตั้งและแอดมินเพจรู้ทันโลกออนไลน์
  4. อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (สิงห์ดำ ศปปส.)

ยื่นเสนอร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ……. ” ต่อ ‘วัน นอร์’ ประธานสภาฯ ใจความสำคัญเพื่อเพิ่มความคุ้มครองสถาบันฯ เท้าความว่าปวงชนชาวไทยมีความรักความผูกพันต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีตลอดมาทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนกระทั่งมีการประท้วงช่วงปี 2563 ที่ผู้เสนอร่างเห็นว่ากลุ่มผู้ประท้วงทั่วประเทศเหิมเกริมก้าวล่วง ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อราชวงศ์ จึงต้องตรา พ.ร.บ. ฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อไม่ให้สังคมแตกแยก

สรุปใจความสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ได้ว่า

  • ให้นิยาม ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-10 และลำดับถัดไป รวมถึงพระราชินีในราชวงศ์จักรีและพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นยศเจ้าฟ้าไล่ลงไปจนถึงพระองค์เจ้า
  • ผู้กระทำการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ (ตามนิยามด้านบน) หรือใครก็ตามที่กระทำการเพื่อจุดประสงค์ลดโทษ-ยกเลิกมาตรา 112 ถือว่าเป็น “กบฏ” มีโทษจำคุก 10 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองต้องได้รับโทษหนักขึ้น 2 และ 4 เท่า ตามลำดับ
  • หากถูกแจ้งความและพบว่าเข้าข่ายเป็นกบฏ จะไม่มีสิทธิ์ได้รับการประกันตัวทุกกรณี จนกว่าจะมีคำสั่งศาลถึงที่สุดแล้วว่าไม่มีความผิด และศาลมีคำสั่งปล่อยตัวแล้วจึงถือว่าสิ้นสุด
  • ห้าม NGO ต่างประเทศ หรือที่รับเงินจากต่างประเทศ แทรกแซงกิจการภายในไทยทุกกรณี โดยเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสถาบันฯ หากฝ่าฝืน อนุญาตให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐทำลายสำนักงานและขับไล่ออกจากประเทศได้ ไม่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือปัดตกร่างแจ้งมายังประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน ลงวันที่ 1 ส.ค. 67 โดยระบุว่าเป็นการตรากฎหมายที่มีผลกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นการเลือกปฏิบัติ ละเมิดสิทธิผู้อื่น

ที่มา: ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน

5.

ไทยไม่ทน ชน ต่างด้าวเหิมเกริม

เรื่องราวของแรงงานข้ามชาติอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน ท่ามกลางความคิดเห็นหลากหลายของชาวไทยที่มีทั้งเข้าใจความจำเป็นและเห็นความสำคัญของแรงงานข้ามชาติต่อระบบเศรษฐกิจ และที่เห็นว่าเป็นปัญหาในการแบกรับภาระต่างๆ หลายครั้งหลายครายังหยิบความคับแค้นใจทางประวัติศาสตร์ของเรื่องเล่า ‘พม่าเผากรุงศรี’ ขึ้นมาใช้ด้วย

การแบ่งขั้วทางความคิดรุนแรงมากขึ้นภายหลังรัฐประหารพม่าเมื่อปี 2564 สถานการณ์สงครามในบ้านเกิดทำให้ผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาในไทย พรรคการเมืองที่มีข้อเสนอช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสิทธิประโยชน์ทางสังคมจึงมักถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่หวาดระแวงแรงงานข้ามชาติ โดยเริ่มเกิดกระแสแฮชแท็ก พรรคประชาชนพม่า เพื่อใช้โจมตีพรรคประชาชน ที่อภิปรายถึงแรงงานข้ามชาติว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ หรือแม้แต่รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลักดันการให้สัญชาติประชาชนเกือบ 5 แสนรายที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานและส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ก็มิวายถูกประณามว่า ‘ขายชาติ’ และถูกต่อต้านจากกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ว่าเป็นการ ‘ยกสัญชาติไทยให้ต่างด้าวเหมาเข่ง’

เมื่อเป็นประเด็นร้อนกระตุกต่อมชาตินิยม มีหรือที่กลุ่มปกป้องสถาบันฯ จะไม่ออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ชื่อกลุ่ม ‘ไทยไม่ทน’ ที่นำโดย อัครพล หรือ เต้ อาชีวะ ประธานกลุ่มอาชีวะราชภักดี ที่เริ่มต้นเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการร่วมกับแนวร่วมปกป้องสถาบันฯ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 67 หน้ากระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือไม่เห็นด้วยต่อการให้สัญชาติประชาชนข้างต้น

ที่มา: secretnewsagency และ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

หลังจากนั้น ปฏิบัติการเดินหน้าชนของแนวร่วมไทยไม่ทนขยายออกไปสู่การรวมกลุ่มไปตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ และแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหากพบความผิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีจ้างแรงงานผิดกฎหมาย ทำอาชีพสงวน ไปจนถึงช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติถูกกฎหมายที่ถูกโกงเงิน หรือบางครั้งลงพื้นที่จับกุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฯลฯ มีผู้สนับสนุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ

แนวร่วมไทยไม่ทนมักกล่าวว่า พุ่งเป้าจัดการเฉพาะคนที่ ‘ทำผิดกฎหมาย’ ใครไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว ทว่า หากแกะรอยการเคลื่อนไหวและคำอธิบายที่ใช้รณรงค์มาตั้งแต่ต้น จะพบว่ากลุ่มปกป้องสถาบันฯ ยังคงมีท่าทีเลือกปฏิบัติและใช้วาทกรรมเหมารวมสร้างความเกลียดชังแรงงานข้ามชาติบ่อยครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 หลังจาก สส.ธิษะณา พรรคประชาชน อภิปรายเรื่องสิทธิแรงงานข้ามชาติไปไม่นาน เต้ อาชีวะ ซึ่งขณะนั้นเคลื่อนไหวในนามอาชีวะราชภักดี ร่วมกับ ปภส. เข้ายื่นหนังสือกระทรวงต่างประเทศเมื่อ 17 ก.ย. 67 เรียกร้องให้ออก พ.ร.บ.คุมกำเนิดต่างด้าว 3 สัญชาติ ห้ามตั้งท้องหรือคลอดบุตรในไทย หากรู้ว่าตั้งท้องให้ส่งกลับประเทศต้นทางจนกว่าจะคลอดบุตรแล้วจึงกลับมาทำงานได้ การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นข่าวบนช่องยูทูป TOP NEWS LIVE มียอดรับชมกว่า 1.24 แสนครั้ง และปรากฏความคิดเห็นจำนวนมากสนับสนุน

ที่มา: Secretnewsagency

คอมเมนต์ในคลิปข่าวของ TOP NEWS LIFE

นอกจากนี้ แนวร่วมไทยไม่ทนนัดหมายชุมนุมหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ในวันที่ 1 ก.พ. 68 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปีรัฐประหารพม่า พร้อมแฮชแท็ก ต่างด้าวเหิมเกริม บรรยายว่า “ต่างด้าวไม่มีสิทธิ์มาชุมนุม” โดยระบุว่ากลุ่มแรงงานข้ามชาติที่จะมาจัดชุมนุมเป็นพวกที่เคยจัดชุมนุมถือป้ายเรียกร้องยกเลิก ม.112 และ ม.116

แต่ก่อนถึงวันนัดหมาย ปรากฏว่า กลุ่มแรงงานข้ามชาติ Vivid Future นำโดย วีระ แสงทอง ได้ชิงเข้ายื่นหนังสือถึง OHCHR ก่อน 1 วัน (30 ม.ค. 68) เรียกร้องให้ UN คว่ำบาตรการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าที่อาจมีขึ้นในปีนี้ และแบนบริษัทที่ขายอาวุธให้กองทัพพม่า

เมื่อถึงวันนัดหมายจึงมีเพียงไทยไม่ทนเท่านั้นที่ไปชุมนุมหน้า UN โดย อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. ให้สัมภาษณ์สื่อโดยกล่าวว่า วีระ(แกนนำกลุ่ม Bight Future) เป็น ‘พม่ารามัญ’ ไม่มีสิทธิ์จัดชุมนุมทางการเมืองในไทย ซึ่งเป็นการกีดกันเสรีภาพด้วยเหตุผลเรื่องชาติพันธุ์ ทั้งที่การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองโดยสงบเป็นสิทธิพื้นฐานตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ไทยเป็นภาคี

“พวกเราก็จะมารอไอ้วีระ แสงทอง ถ้ามันไม่มาก็ไม่เป็นไรนะครับ
เราจะประกาศให้มันรู้ไปเลยว่า ไอ้พวกพม่ารามัญเนี่ย
มึงจะมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับทางการเมืองไม่ได้
อันนี้ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศwม่า”

อานนท์ กลิ่นแก้ว, ประธาน ศปปส. และแนวร่วมไทยไม่ทน

ความเข้าใจผิดว่า “ต่างด้าวไม่มีสิทธิ์มาชุมนุม” ยังเกิดขึ้นในหมู่ผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของไทยไม่ทนด้วยเช่นกัน

คอมเมนต์ในโพสต์เฟซบุ๊กของ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

นอกจากนี้ พบว่าป้ายที่กลุ่มไทยไม่ทนนำมาด้วย มีข้อความแสดงความชิงชังจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ว่า “จากกรุงศรีถึงกรุงเทพ พม่าเผา เราสร้าง”

รวมถึง เต้ ไทยไม่ทน ที่แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องค่าแรงว่า คนพม่าเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ 600-700 บาท ในขณะที่คนไทยมีค่าแรงขั้นต่ำเพียง 400 บาท ซึ่งช่วงนั้นมีการนำคลิปของวีระที่แสดงความเห็นเรื่องค่าแรงเมื่อปี 2565 มาใส่โลโก้ของพรรคประชาชนในคลิป เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Tiktok โดยผู้ใช้รายหนึ่ง และพบว่าผู้ใช้งาน Tiktok รายนั้นยังได้โพสต์วิดีโอแสดงการสนับสนุนกลุ่มไทยไม่ทนอีกด้วย วิดีโอดังกล่าวมียอดรับชมกว่า 4.5 แสนครั้ง อีกทั้งถูกนำไปเผยแพร่ซ้ำจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน

ที่มา: เต้ อาชีวะ บุรณพนธ์

รูปภาพจากผู้อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 1 ก.พ. 68 หน้า UN ราชดำเนินนอก

ความสับสนปนเปเหล่านี้นำไปสู่ความเข้าใจผิดอย่างแพร่หลายว่าในวันที่ 1 ก.พ. 68 มีการชุมนุมของแรงงานข้ามชาติหน้า UN หลายคนเข้าใจไปจนถึงว่าเป็นการชุมนุมเรียกร้องค่าแรง 700 บาท

ตัวอย่างเช่นโพสต์ของ ‘นันทิวัฒน์ สามารถ’ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่นำรูปภาพการชุมนุมของชาวพม่า 3 รูป ต่างเวลาและสถานที่มาโพสต์บรรยายในวันนั้นว่า

“ต้องไม่ยอม
วันนี้ แรงงานพม่าในไทยเหิมเกริมมากเกิน
ทำการเดินขบวนชุมนุมที่หน้าสนง.ยูเอ็น
ใครรับได้. ผมรับไม่ได้
ผมมีความรู้สึกที่ดีกับแรงงานต่างด้าว
แต่กับเรื่องนี้ รับไม่ได้
(…)
ส่วนที่แรงงานพม่าเรียกร้อง 700 บาท
เอกชนคนไหนรวยเชิญตามสบาย
ไปหา สส.ที่เชียร์แรงงานพม่าน่าจ่ายไหว
คนไทย 400 บาทยังยากเลย
แรงงานอยู่ได้ เอกชนเจ๊งปิดโรงงาน
ฝ่ายความมั่นคงและแรงงานน่าหารือกันใหม่”

โพสต์ของนันทิวัฒน์มียอดแชร์กว่า 1.2 หมื่นครั้ง มีผู้ส่งต่อและนำไปโพสต์ซ้ำอีกจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งเต็มไปด้วยการแสดงความคิดเห็นเกลียดชังแรงงานข้ามชาติว่าเรียกร้องสิทธิ์เกินหน้าเกินตา ไล่ให้กลับประเทศ หรือแม้แต่แสดงความเกลียดจากเรื่องเผากรุงศรีฯ

การพุ่งเป้าต่อ วีระ แสงทอง ของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในที่สุด เมื่อมินอ่องหล่าย ผู้นำเผด็จการทหารพม่าเข้าประเทศไทยช่วงวันที่ 3-4 เม.ย. 68 เพื่อประชุม BIMSTEC วีระจึงประกาศไปแสดงออกต่อต้านมินอ่องหล่ายที่สำนักงาน UN ถนนราชดำเนิน ในวันที่ 5 เม.ย. แน่นอนว่า กลุ่มปกป้องสถาบันฯ ไปชุมนุมดักก่อนตั้งแต่สายๆ จนราว 10.40 น. วีระปรากฏตัวในพื้นที่ ทรงชัย เนียมหอม (โอม ปภส.) เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัววีระ โดยพยายามโอบคอแต่ถูกปัดป้อง จากนั้นกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ที่มาด้วยกันก็พยายามกรูกันเข้าไปทำร้ายร่างกายวีระ จนตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์และพาวีระออกนอกพื้นที่ วันเดียวกันนั้น ทรงชัยแจ้งความเอาผิดวีระข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรที่ สน.นางเลิ้ง ให้เหตุว่ามีพฤติกรรมซ่องสุมกำลังพลเพื่อต่อต้านรัฐบาลพม่า แต่มาก่อเหตุในราชอาณาจักรไทย

ข่าวการทำร้ายร่างกายวันนั้น เป็นที่พูดถึงในสังคมอย่างมาก มีทั้งประณามและสนับสนุน หากพิจารณาดูจะพบว่าการที่กลุ่มปกป้องสถาบันฯ ทำร้ายร่างกายวีระ แสงทอง ไม่ใช่ต้องการปกป้องมินอ่องหล่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มาจากรากฐานความเชื่อว่าแรงงานต่างด้าว (พม่า) เป็นภัยความมั่นคงต่อชาติและสถาบันฯ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องทางการเมืองบนแผ่นดินไทย ขณะเดียวกันก็ให้เหตุผลเรื่องการปกป้องสถาบันฯ มาสร้างความชอบธรรมด้วยเสมอ ดังที่พวกเขามักกล่าวอ้างว่าวีระมีท่าทีสนับสนุน ยกเลิก112 จากการที่วีระเป็นแกนนำกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่มักเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบสามนิ้ว (แม้วาระการชุมนุมของวีระมุ่งเน้นสิทธิแรงงานและต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าเป็นหลักก็ตาม) ด้วยเหตุนี้จึงพร้อมใช้ความรุนแรงจัดการวีระ เหมือนที่เคยใช้กับ ‘ตะวัน’

ตัวอย่างเช่น หนึ่งในผู้ที่พยายามทำร้ายร่างกายวีระคือ ธนเดช ตุลยลักษณะ ประธานกลุ่มอาชีวะ พ่อกูวิษณุกรรม หนึ่งในแนวร่วมปกป้องสถาบันฯ ซึ่งปรากฏตัวบ่อยครั้งร่วมกับ วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดีที่ประกาศตัวเป็นพรรคปกป้องสถาบันฯ (และร่วมประท้วงกับ คปท.) สืบค้นพบว่าเพจเฟซบุ๊กไทยภักดีมีการโพสต์คลิปสั้นจากวงเสวนาที่มีธนเดชเป็นผู้ร่วมเสวนาหลายคลิป หนึ่งในนั้นมีเนื้อหาที่ธนเดชกล่าวว่าคนพม่าที่เข้ามาประเทศไทยไม่เหมือนคนจีนในอดีตที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน เพราะคนจีนอพยพ “รักในหลวงและรักความเป็นไทย” แต่คนพม่ามีใจเป็นพม่า และพร้อมยึดไทย คลิปดังกล่าวมียอดรับชมกว่า 1.5 แสนครั้ง

“วันนี้พม่าไม่เหมือนคนจีนเมื่อร้อยปีที่แล้วอย่างแน่นอน

ไม่เหมือนกันเลย วันนี้เขาพร้อมที่จะยึดเราได้ เขายึดนะ”

– ธนเดช ตุลยลักษณะ, ประธานกลุ่มอาชีวะ พ่อกูวิษณุกรรม

ซ้าย: วีระ แสงทอง (คนที่ถูกล็อกคอ) ถูกกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ทำร้ายร่างกาย

ขวา: ธนเดช ตุลยลักษณะ (คนสวมแว่นดำ) และมวลชนที่ไปด้วยกัน

ปัจจุบัน เต้ ไทยไม่ทน ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก พรรค ไทย“ไม่ทน” ด้วยคำขวัญ ‘Thai First’ ประกาศเป็นหัวหน้าพรรค เชิญชวนให้คนเข้ามาติดตาม ครั้งหนึ่งเต้กล่าวว่าหากตนได้เข้าสภา จะปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยกเลิกผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติทุกกรณี แบ่งกองทุนประกันสังคมแยกระหว่างคนไทยกับแรงงานข้ามชาติเพื่อไม่ให้แรงงานข้ามชาติ(ที่ถูกกฎหมาย และจ่ายเงินประกันสังคมเช่นกัน) มา ‘แย่งสิทธิ์’ คนไทย ฯลฯ สืบค้นพบว่ามีผู้นำคลิปดังกล่าวมาอัพโหลดบน Tiktok มียอดรับชมกว่า 1.6 แสนครั้ง

“…ไม่ใช่สิทธิมนุษยชนจะมาเสือกบนผืนแผ่นดินไทยได้

แต่มึงต้องทำ Thai First ให้ได้ มึงต้องเอาคนไทยก่อน…”

– อัครพล ไกรศรีสมบัติ, แกนนำอาชีวะราชภักดีและไทยไม่ทน

อย่าดูเบาพลังขวาจัด ได้รับความนิยมสูงในโลกโซเชียล

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือปฏิบัติการของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ในรอบปีที่ผ่านมา ที่ขยับขยายไปไกลกว่าการไล่ฟ้อง ม.112 ซึ่งยังคงเป็นงานประจำ แม้บางเรื่องจะจุดไม่ติดเลยก็ตาม (เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองสถาบันฯ) แต่จะเห็นได้ว่าพวกเขาแสวงหาความร่วมมือในวงกว้างขึ้นจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ ที่มีวาระทางการเมืองใกล้เคียงกัน ทำให้ไม่ได้มีเพียงภาพลักษณ์เป็นกลุ่มที่คอย ‘ไล่หวด’ คนเห็นต่างเรื่องสถาบันฯ เพียงอย่างเดียว

เมื่อมีหลายวาระทางการเมือง ก็ย่อมมีบางเรื่องที่สังคม ‘เอาด้วย’ เช่นเรื่องแรงงานข้ามชาติ ที่มีลักษณะชาตินิยมยังเข้มข้นอยู่มากในสังคมไทย เรื่องนี้นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ประสบความสำเร็จที่สุดของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ แม้อ้างว่าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐจัดการเฉพาะผู้กระทำผิดกฎหมาย แต่ท่าทีหลายครั้งของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ กลับใช้การสร้าง ‘ความเข้าใจผิดแบบเหมารวม’ แฝงไปด้วยความเกลียดชังคนต่างชาติ และพร้อมปฏิเสธหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานหากพวกเขามองว่ากระทบความเป็นชาติ

ตัวอย่างคอมเมนต์บน Tiktok ในคลิปวิดีโอของ ‘เต้ อาชีวะ’

หรือกรณี saveเกาะกูด ที่แกนนำม็อบ คปท.-กลุ่มปกป้องสถาบันฯ นำสมมติฐานที่ข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนมาโจมตี โดยผู้ปราศรัยบนเวที คปท. บางคนกล่าวว่าทักษิณจะกลับมาเอาเกาะกูดแบ่งให้กัมพูชา เนื้อหาถูกทำเป็นคลิปสั้นเผยแพร่บน Tiktok อย่างแพร่หลาย หนึ่งในนั้นโพสต์โดยผู้สนับสนุนที่มีผู้ติดตามกว่า 2.6 แสนบัญชี และมียอดการรับชมคลิปดังกล่าวเกินกว่า 8.8 แสนครั้ง คอมเมนต์บางส่วนสนับสนุนการรัฐประหารยึดอำนาจ (ไม่เพียงกรณีเกาะกูดเท่านั้น ยังรวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

กระแสต่อต้าน ‘รัฐบาลเพื่อไทยขายชาติ’ จึงวนกลับมาในปี 2568 อีกครั้ง ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ขยายตัวกว้างขวางและรวดเร็วสะสมไปเรื่อยๆ ในโซเชียลมีเดีย โดยยังไม่รู้ว่ามันจะนำพาไปสู่จุดไหน

ตัวอย่างคอมเมนต์บน Tiktok ในคลิปวิดีโอของผู้สนับสนุนม็อบ คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม

ก่อนหน้านี้ กลุ่มปกป้องสถาบันฯ มักถูกค่อนขอดว่ามีเพียงแค่หยิบมือเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ชุมนุมแสดงตัวปกป้องสถาบันฯ-ม.112 แต่การขยายแนวร่วมไปยังกลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆ จึงเป็นการเติมมวลชนของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ในทางกลับกันก็ช่วยนำวาระ save๑๑๒ ไม่เอานิรโทษกรรม112 เข้าไปเติมให้กลุ่มที่ต่อต้านพรรคการเมืองเป็นวาระหลัก

แม้ยุทธวิธีการเคลื่อนไหวจะเปลี่ยนแปลง แต่ข้อกล่าวหา ‘นักการเมืองล้มเจ้า’ ก็ไม่เคยหายไปไหน ยังคงเป็นสัญญาใจในบรรดากลุ่มอนุรักษ์นิยมกระแสหลักกับกลุ่มปกป้องสถาบันฯ อย่างที่สังคมไทยเคยได้ประจักษ์มาแล้วตั้งแต่ก่อนรัฐประหารปี 2549 ทว่าคงเร็วเกินไปหากจะคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เพราะในทางหนึ่ง ข้อกล่าวหา ‘ล้มเจ้า’ ดูไม่มีน้ำหนักมากเหมือนอดีต อีกทั้งพรรคการเมืองสีส้มที่ถูกมองว่าทำตัว ‘แหลม’ ก็เป็นเพียงพรรคฝ่ายค้านที่มีกับดักขวางทางอยู่เต็มไปหมด ขณะที่พรรคฝ่ายขวาก็กลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของศัตรูเก่าที่เป็นแกนนำ ผู้ที่เคยร่วมขับไล่ ‘นักการเมืองเลว’ ก็ย้ายค่ายกันไปอีกจำนวนไม่น้อย ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาดูจะยังงงๆ ว่าควรวางตัวอย่างไรในสถานการณ์นี้ ตัวเลขบนท้องถนนของกลุ่มปกป้องสถาบันฯ และแนวร่วมจึงยังมีไม่มากนัก แต่สิ่งที่พวกเขานำเสนอและผลักดันในวาระต่างๆ ซึ่งถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์กลับมีผู้ส่งเสียงสนับสนุนจำนวนมากอย่างน่าสนใจ และอาจเพียงรอให้สถานการณ์สุกงอมกว่านี้ จึงจะเห็นศักยภาพที่แท้จริงก็เป็นได้

ที่มา: คปท.

“ใครล้มล้างสถาบันไม่ได้ครับ” อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. กล่าวต่อสื่อมวลชน

หลังฟังคำตัดสินยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ | ที่มา: The Reporters

ที่มา: เต้ อาชีวะ บุรณพนธ์

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

ทลายคลินิกเถื่อน-หมอเก๊ ฉีดโบท็อกซ์สาวเพิ่มสวย 23 เม.ย

คจร.รับทราบแผนจัดการจราจร ‘รับมือรื้อสะพานข้ามแยกสร้างสายสีส้ม-ดึงเอไอช่วยรถติดจังหวัดภูเก็ต’

เพลิงไหม้โรงแรมชื่อดัง เมืองเชียงใหม่ หน่วยกู้ภัย พร้อมเจ้าห 2025-04-22 19:50:00

เชิญร่วมงานเสวนา "คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน: ยุคก่อนและหลังอาณานิคม"

📮กรมทะเล เปิดโครงการเพิ่มศักยภาพนักดำน้ำเพื่อการฟื้นฟูและอนุ

ตำรวจภูพิงฯ จับ 2 หนุ่มไทย ขับกระบะลอบขนอาวุธสงครามไปส่งให้ก 2025-04-22 21:07:00

! “กัน จอมพลัง” เยี่ยม ลุง-ป้า บอกเลยมีเรื่องพีค!

นึกว่าชนะประมูล ที่แท้แพ้มิจฉาชีพ 😭 . ตำรวจสอบสวนกลาง

SENA เปิดตัวแคมเปญ 'Chuffed THANN – THEE' บ้านที่แตกต่างด้วยดีไซน์ที่ใส่ใจ

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/yo0w | ดู : 10 ครั้ง
  1. แผ่นดินไหวขนาด-33-ประเทศเมียนมา-2025-04-23-06:23:23-ตามเวลาประเทศไทย-|-วันพุธที่-23-เมษายน-พศ.-2568 แผ่นดินไหวขนาด 3.3 ประเทศเมียนมา 2025-04-23 06:23:23 ตามเวลาประเทศไทย | วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568
  2. นึกว่าชนะประมูล-ที่แท้แพ้มิจฉาชีพ.-ตำรวจสอบสวนกลาง นึกว่าชนะประมูล ที่แท้แพ้มิจฉาชีพ 😭 . ตำรวจสอบสวนกลาง
  3. sena-เปิดตัวแคมเปญ-‘chuffed-thann-–-thee’-บ้านที่แตกต่างด้วยดีไซน์ที่ใส่ใจ SENA เปิดตัวแคมเปญ ‘Chuffed THANN – THEE’ บ้านที่แตกต่างด้วยดีไซน์ที่ใส่ใจ
  4. –-ใช้-จยยพ่วงข้างซุกsะเบิดจอดข้างกำแพงแฟลตตำรวจ-จ.นราธิวาส – ใช้ จยย.พ่วงข้างซุกsะเบิดจอดข้างกำแพงแฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส
  5. น้อมนำแนวพระราชดำริ-สร้างความมั่นคงทางอาหาร-37-ปี-โครงการเ-|-2025-04-22-07:16:00 น้อมนำแนวพระราชดำริ สร้างความมั่นคงทางอาหาร 37 ปี โครงการเ 2025-04-22 07:16:00
  6. สืบภาค-2-–-สสจ.ชลบุรี-บุกจับคลินิกเถื่อน-เก๊ยันหมอ-ลอบเปิดฉี-|-2025-04-22-21:08:00 สืบภาค 2 – สสจ.ชลบุรี บุกจับคลินิกเถื่อน เก๊ยันหมอ ลอบเปิดฉี 2025-04-22 21:08:00
  7. cefiro-ที่พอซิ่งได้นิดหน่อย-cr.แฟนเพจ-(feed--with Cefiro ที่พอซิ่งได้นิดหน่อย 😌 Cr.แฟนเพจ
  8. terminator-moon:-moonscape-of-shadows Terminator Moon: Moonscape of Shadows
  9. เคสสีดำ3ราย-อุบัติเหตุรถบรรทุกทหาร-กับ-รถจักรยานยนต์พ่วงข้า-|-2025-04-22-07:58:00 เคสสีดำ3ราย อุบัติเหตุรถบรรทุกทหาร กับ รถจักรยานยนต์พ่วงข้า 2025-04-22 07:58:00
  10. ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงต่อ-ใบขับขี่-อายุ-15-18ปีขึ้นไป-ไม่ต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงต่อ ใบขับขี่ อายุ 15-18ปีขึ้นไป ไม่ต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend