
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พลตรี ชยพันธ์ หนองแสง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ทุจริตก่อสร้างเส้นทางในจังหวัดนราธิวาส เบิกจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่ได้รับสิ่งของที่ซื้อ ล่าสุด ศาลทหารกรุงเทพ พิพากษาลงโทษจำคุก 6 กระทง 12 ปี 36 เดือน หลังให้การเป็นประโยชน์ – ยกคำร้องขอให้รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พลตรี ชยพันธ์ หนองแสง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ทุจริตโครงการก่อสร้างเส้นทางสายบ้านน้ำตก หมู่ที่ 5 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน ถึงบ้านไอร์บาลอ หมู่ที่ 3 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส โดยเบิกจ่ายเงินแล้วทั้งที่ยังไม่ได้รับสิ่งของที่ซื้อ ซึ่งถูกคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 90 , 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ศาลทหารกรุงเทพ มีคำพิพากษาว่า พลตรี ชยพันธ์ หนองแสง จำเลย มีความผิดตามกฎหมาย รวม 6 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี
ลดโทษที่จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณากระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุกจำเลยไว้มีการกำหนด 12 ปี 36 เดือน
ยกคำร้องจำเลยที่ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ เนื่องจากเห็นว่าตามสภาพความผิดและพฤติการณ์แห่งคดี ยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะให้รอการลงโทษ ประกอบกับศาลได้ลงโทษจำเลยในสถานเบาอยู่แล้ว
เบื้องต้น คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีการประชุมเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )