
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติบุรีรัมย์ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีครูสาวทนไม่ไหว ทิ้งจดหมาย ระบุ รร.บริหารงานไม่มีระบบ ก่อนจบชีวิตตัวเอง
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า ตามที่ สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทราบข้อมูลจากเว็บไซต์ https://lately. line.me/th/v3/article/DRPr32V ระบุว่า “สลด ครูสาววัย 39 ปี ทนไม่ไหว ทิ้งจดหมายลาเสียชีวิต ระบุโรงเรียนบริหารงานไม่มีระบบ เครียดฝากถึงกระทรวงฯ วอนเห็นใจครูการเงิน – พัสดุ ก่อนจบชีวิตตัวเอง” โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นางสาวอนุสรา หรือ “ครูมัท” ครูวัย 39 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ใช้เชือกผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพัก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ข้างศwพบซองจดหมาย หน้าซองเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน จากมัท” โดยในซองจดหมายมีถึง 5 หน้ากระดาษ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนบรรยายเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งมีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี มีการทำงานคั่งค้าง ทำให้พอกพูนจนแก้ไขได้ยาก เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน การทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อน เคลียร์เอกสารทีหลัง และก็นิ่งเฉยไม่มีใครมาเคลียร์ให้ ส่วน ผู้อำนวยการที่ย้ายมาแต่ละคนก็ไม่เคร่งครัดเรื่องการเงินเลย ไม่มีความรู้ด้านการเงิน ใช้เงินไม่ถูกต้อง…” นั้น
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้การนำของนายหิรัญ ไชยกันยา ผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นในกรณีดังกล่าว *โดยรวบรวมข้อมูลจากครอบครัว บุคคลใกล้ชิด ตลอดจนคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ นางสาวอนุสรา ชวนรัมย์ ตำแหน่งครูชำนาญการ สังกัด โรงเรียนบ้านบุ-หนองเทา ตำบลช่อผกา อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้ย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2562 และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน-พัสดุของโรงเรียน มีอุปนิสัยแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องที่ทำงานกันอย่างชัดเจน
โดยในที่ทำงานจะมีความตั้งใจในการปฏิบัติงาน ไม่ค่อยมีปัญหาใดๆ กับเพื่อนร่วมงาน แต่เป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์เกินความจำเป็น แต่เมื่ออยู่กับครอบครัวจะเป็นคนร่าเริงแจ่มใส พูดคุยปกติ และไม่เล่าเรื่องใดๆ ในที่ทำงานให้ครอบครัวได้รับทราบ เมื่อเกิดเหตุตามข่าวขึ้น จึงทำให้ไม่ทราบถึงมูลเหตุจูงใจที่ชัดเจนในการทำอัตวินิบาตกรรมในครั้งนี้
ในส่วนของการปฏิบัติงานที่มีปัญหาดังที่ปรากฏในจดหมายนั้น ทราบว่าได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นางสาวอนุสรา ชวนรัมย์ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน-พัสดุของโรงเรียน แต่ในทางปฏิบัตินั้น เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่คุมเลขพัสดุ และควบคุมการเบิกจ่ายเท่านั้น โดยในส่วนของการดำเนินการต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การรวบรวมเอกสารประกอบการเบิกจ่ายโครงการ/กิจกรรมต่างๆ เป็นต้น จะเป็นหน้าที่ของครู/บุคลากรทางการศึกษาที่รับผิดชอบโครงการ/กิจกรรมต่างๆ โดยตรง ซึ่งนางสาวอนุสรา ชวนรัมย์จะรับผิดชอบเฉพาะการดำเนินโครงการที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น แม้ว่าเพื่อนร่วมงานจะมีการสอบถามปัญหาหรือแสดงความห่วงใยในการทำงานก็ตาม แต่นางสาวอนุสรา ชวนรัมย์ จะแจ้งว่าสามารถดำเนินการเองได้ ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด จึงทำให้คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนดังกล่าว ต่างสงสัยว่าเหตุใดจึงได้เขียนจดหมาย ในลักษณะนั้น
ทั้งนี้ เมื่อผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้สอบถามถึง การดำเนินการโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา ได้พบข้อสังเกตว่าจะมีการดำเนินการที่ส่อไปในทางทุจริต เช่น โครงการอาหารกลางวันนักเรียน การก่อสร้างอาคารโดยใช้เงินบริจาค เป็นต้น จึงได้ดำเนินการขอเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติงานต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแนะนำมาตรการคุ้มครองพยานให้แก่คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนบ้านบุ-หนองเทา เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการทุจริตและมีการปฏิบัติงานที่สุจริต โปร่งใส ต่อไป
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )