
วันนี้( 18 มิ.ย.68) นายรุ่งเรือง ระหมันยะ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวถึงการมายื่นหนังสือ ต่อศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแด… วันนี้( 18 มิ.ย.68) นายรุ่งเรือง ระหมันยะ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวถึงการมายื่นหนังสือ ต่อศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (DSI ภาคใต้) อ.เมือง จ.ปัตตานี ให้มีการตรวจสอบการออกโฉนดในที่ดินสาธารณะให้นายทุนและความไม่โปร่งใสเงิน 12 ล้านบาท ที่พบว่าเชื่อมโยงกลุ่มสนับสนุนอุตสาหกรรมจะนะ ว่า ได้กลับไปบอกพี่น้องในชุมชนได้ว่า มายื่นหนังสือและดีเอสไอรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว และจะส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมภายหลัง
“เครือข่ายฯ ติดตามประเด็นที่ดินมาตั้งแต่ต้น จึงอยากให้มีความชัดเจนในประเด็นที่ดินที่นายทุนกว้านซื้อไปในปี 63 ว่าทำไมถึงมีการออกโฉนดที่ดินได้เป็นพันไร่ และจำนวนมากที่ทับซ้อนที่ดินสาธารณะ แต่ชาวบ้านที่อยู่อาศัยมาเป็นร้อยปี มีสค.1 ไม่สามารถมีโฉนดได้
การที่จะมาสร้างนิคมอุตสาหกรรมใน อ.จะนะ มีที่มาที่ไปถูกต้องหรือไม่ การออกโฉนดที่รวดเร็วทำให้เป็นที่สงสัยของชุมชน เพราะชาวบ้านที่อาศัยและทำมาหากินมาเป็นร้อยปี แต่ไม่สามารถมีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินได้ ทุกคนในจะนะรู้ว่าใครซื้อใครขายที่ดิน และเรื่องที่ดินสาธารณะทับซ้อนกันมาก
รวมทั้งศอ.บต.เข้าไปเกี่ยวข้องกับนิคมฯ เมื่อปี 2562 ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเงิน 12 ล้านหรือไม่ ขอให้มีการตรวจสอบ 4 บริษัทที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไป สืบเนื่องมาจากการนำมาสร้างนิคมฯ ซึ่งมีการเบิกมาตั้งแต่ปี 2563 ครั้งละ 1.9 แสนบาท ตรงกับช่วงจะจัดตั้งนิคมฯ เป็นสินจ้าง เมื่อมีการพบเงินจำนวนนี้เรื่องจึงปรากฏขึ้น ในฐานะเป็นคนในพื้นที่จึงอยากให้ดีเอสไอมีการตรวจสอบในสองประเด็นคือ เอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อน และ ที่มาที่ไปของเงิน 12 ล้าน”
ด้านตัวแทนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ได้รับหนังสือร้องเรียนนี้ได้กล่าวว่า ในส่วนของหนังสือชุดเดิม ยธ 0817.10/3145 ได้ทำการสืบสวนแล้วปรากฏว่า พบการกระทำความผิด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจึงได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. ) และต้องตามความคืบหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ส่วนประเด็นที่ดินสาธารณะให้เครือข่ายฯ มายื่นหนังสือชุดใหม่ที่ระบุชัดเจนว่าจะกล่าวหาใคร กระทำความผิดใด กล่าวถึงกลุ่มนายทุนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินใน 3 ตำบล ใน ปี 2562 ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะ มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนเพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมและในทุกประเด็นที่จะร้องเรียนพร้อมหลักฐานพยานชัดเจน เพื่อความสะดวกในการพิจารณา
“สำหรับประเด็นเงิน 12 ล้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่อยู่ ผู้เสียหายและอัยการจะสามารถดำเนินคดีนี้ได้ ในภาคประชาชนคือเป็นความไม่ชอบมาพากลในพื้นที่และสามารถดูพยานหลักฐาน หากสามารถดำเนินการได้ก็เปิดการสืบสวน หากเข้าข่ายเป็นความผิดตามพรบ.ก็รับเป็นคดีพิเศษ หากพิจารณาแล้วเป็นอำนาจของหน่วยงานอื่นก็จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานนั้นๆ ดีเอสไอเป็นหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงยุติธรรรมที่จะต้องอำนวยความเป็นธรรมให้ทุกคน”
( – 2025-06-18 13:46:00———ข่าวอัพเดทจาก : เฟซบุ๊ค Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้ ———www.ด่วน.com อัพเดท ข่าวด่วน ข่าวร้อนประเด็นดังทุกภาคทั่วไทย