
‘รวมพลังแผ่นดินฯ' ดีใจ ศาล รธน.ทำรับคำร้องปมคลิปเสียง ‘แพทองธาร-ฮุน เซน' พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้เป็นการทำงานตามข้อกฎหมาย แถลงจุดยืนไม่เอารัฐประหาร เตรียมชุมนุมใหญ่อีกครั้งกลางเดือน ส.ค
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย แถลงเดินหน้า 3 ภารกิจ คือ หนึ่ง นายกฯ ต้องออก สอง พรรครวมต้องถอนตัว สาม ปกป้องอธิปไตย โดยย้ำ “เราไม่เอารัฐประหาร และไม่เอาอุ๊งอิ๊ง” เช่นกัน
นายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้แถลงเรื่องของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราดีใจมาก ดีใจที่กฎหมายได้ทําหน้าที่ให้บ้านให้เมือง
นายแก้วสรร กล่าวว่า ในส่วนของคณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลฯ ดังทั่วประเทศว่า จะใช้กฎหมาย จะใช้ศาลสร้างสถานการณ์ ศาลไม่ใช่เครื่องมือที่จะมาแก้สถานการณ์ สร้างสถานการณ์ ท่านพูดถูก ขณะเดียวกันท่านพูดอย่างนี้ท่านกล่าวหาพวกเรา ว่าเรากําลังใช้ศาล ใช้กฏหมายด้วยมูลเหตุทางการเมือง จูงใจทางการเมือง
“ขอตอบอย่างนี้นะครับว่า วันนี้ศาลตัดสินตามกฎหมายทั้งสิ้น กระบวนการนี้ ขอให้ความรู้นิดหนึ่งภาษาฝรั่งเค้าเรียกว่า Impeachment ก็คือการเอาคนในออฟฟิศในสํานักงานของรัฐ ในตําแหน่งสําคัญๆ ออกไป เอาออก ถอดถอนออกจากตําแหน่ง ด้วยเหตุประพฤติผิดในหน้าที่ ไม่ว่าจะผิดต่อความไว้วางใจ หรือเกิดติดสินบนเสียหายอย่างเช่นในสมัยประธานาธิบดีนิกสัน ก็ถูก impeachment ในฐานที่ใช้หน่วยงานของรัฐไปดักฟังหนังสือพิมพ์ เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ” นายแก้วสรรกล่าว
นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า วันนี้ศาลตัดสินถูกแล้ว มีคํากล่าวหาที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สว. 36 คนที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญว่ามีสิทธิ์กล่าวโทษ เพราะฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังไงก็ต้องรับ ท่านทําตามกฏหมาย ท่านไม่ได้สร้าง ไม่ได้แก้สถานการณ์ให้ใคร อะไรทั้งสิ้น
ในส่วนคําสั่งที่ 2 คือให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เป็นศัพท์กฎหมายเขาเรียกว่าวิธีการชั่วคราว เพราะว่าข้อหาอันนี้เป็นจริง ถ้าให้ยังสวมตําแหน่งนายกฯ แล้วก็ได้ใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่นี้เป็นที่ไว้วางใจไม่ได้ มีความผิดปรากฏขึ้น ข้อหานี้เป็นจริงก็จําเป็นต้องมีวิธีการชั่วคราว ระวังไว้ก่อน ไม่ใช่ให้เสียหายไปกว่านี้
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า แต่ส่วนในท้ายที่สุด หลังจากศาลใช้อํานาจไต่สวน ฟังพยานหลักฐานแล้ว ท่านจะตัดสินอย่างไร แล้วบอกว่าผิด ไม่ผิด ไม่เลว อันนั้นก็แล้วแต่ศาล แต่ช่วงนี้จําเป็นจะต้องพัก ให้งดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อน อันนี้เสียงตรงนี้ ออกมา 7-2
“พวกเราดีใจมากที่ศาลทํางานตามกฎหมาย ส่วนการไต่สวนของท่าน ท่านมีอํานาจไต่สวนที่จะต้องถามแพทองธาร ถามคนเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วหาความจริงให้ได้ เพื่อหาคําอธิบายว่าไปคุยในคลิปอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ตรงนี้พวกเรามิบังอาจเข้าไปล่วงละเมิดอํานาจศาล จึงขอทําความเข้าใจนะครับ แล้วก็จะไม่ไปเคลื่อนไหวบีบบังคับ ดีใจ โห่ร้องอะไรทั้งสิ้น ทําไม่ได้ทั้งนั้น มันเป็นการแทรกแซงอํานาจศาลแล้วมันจะเข้าทางของคนที่จ้องจะใส่ร้ายเราตลอด” นายแก้วสรรกล่าว
นายแก้วสรร กล่าวเพิ่มเติมว่า การไม่แทรกแซงศาลไม่ได้แปลว่าจะนั่งนิ่งไม่ทำอะไรเลย
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ที่ตั้งเวทีอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถือเป็นทัพหน้าติดทำเนียบรัฐบาล มีการเคลื่อนไหวไปเรียกร้องพรรคต่าง ๆ และคอยประคับประคองสถานการณ์กว่า กลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” จะได้รวมตัวกัน
ดังนั้นระหว่างนี้ประชาชนสามารถไปร่วมชุมนุมกับ คปท. ได้ทุกวัน ขอให้ประชาชนช่วยรักษาเวทีด่านหน้าไว้ต่อไป ส่วนหลังจากนี้อาจจะมีเวทีปราศรัยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เวทีต่างจังหวัดอาจเลือกจังหวัดที่มีความพร้อม สามารถรวบรวมประชาชนได้ ก็จะจัดทัพใหญ่ไป หรือในสถานการณ์ที่ฉับพลัน แกนนำก็จะมีการปรึกษากันว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร และแถลงข่าวให้ทราบเป็นระยะ ๆ แต่เบื้องต้นประมาณการณ์ชุมนุมใหญ่อีกครั้งช่วงกลางเดือนสิงหาคม
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ส่วนที่วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่แล้วนั้น ยังเหลือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ไต่สวนเรื่องมาตรา 144 ซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนว่าต้องพิจารณาโดยพลัน แต่ตอนนี้เกือบ 60 วันแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นพรุ่งนี้จะนำคณะมวลชนไปติดตามความเคลื่อนไหวที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต่อไป เพราะความจริงหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จบแล้ว มีหน้าที่เพียงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ใช้เวลาแค่ 15 วันหลังรับเรื่อง ดำเนินการกับบุคคล 3 ส่วน คือ คณะรัฐมนตรี , สส. และกรรมาธิการ , และวุฒิสภา โดยมีโทษ 3 โทษ คือให้พ้นจากตำแหน่ง จะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต้องชดใช้วงเงิน 35,000 ล้านบาทภายใน 20 ปี
นายจตุพร กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยที่บอกเกลียดรัฐประหาร แต่กลับใช้เสียง ส.ว.152 เสียง มาตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล แต่ยังด่าประชาธิปัตย์เรื่องบอยคอตเลือกตั้ง ทั้งที่ยังร่วมรัฐบาลด้วย ว่า เป็นพฤติกรรม “เกลียดเผด็จการแต่นอนกอดกับเผด็จการ” ปากอ้างประชาธิปไตยแต่ใจหนักกว่าเผด็จการ
นายจตุพร กล่าวถึงพรรคประชาชนว่า ไม่แปลกใจที่ ครม.ใหม่ มีตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ 2 คน และแถลงให้ประชาชนยุติการชุมนุม ทั้งที่การรัฐประหารไม่เคยเกิดจากการชุมนุม แต่เกิดจากการ “ทุจริต แทรกแซงองค์กรอิสระ สร้างความแตกแยก หมิ่นสถาบัน และขายชาติ” พร้อมถามกลับฝ่ายค้าน หากต้องการหยุดรัฐประหารจริง ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างถึงที่สุด ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณี เลี่ยงภาษีตั๋ว P/N การรุกที่ดินเขาใหญ่ การโกงสนามกอล์ฟอัลไพน์ แต่กลับไม่เดินเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่มีเหตุเข้าข่าย
“บอกจะโรยเกลือ แต่สุดท้ายเหลือแค่สารส้มทุบ ถ้ายื่นศาลฯ น.ส.แพทองธารจะไปก่อนจะได้คุยกับฮุน เซน แต่พรรคประชาชนก็ไม่ทำ ยังไม่เห็นด้วยกับการยื่นอภิปรายปมคลิปหลุดความมั่นคงกับภูมิใจไทยด้วยซ้ำ สุดท้ายถามว่าคุณอยู่ฝ่ายไหนกันแน่” นายจตุพร กล่าว
“ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่จริง ปิดประตูรัฐประหารได้ แต่เมื่อไม่ทำ ก็อย่าใส่ความประชาชนว่าเรียกร้องรัฐประหาร” นายจตุพร กล่าวย้ำ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เครือข่าย คปท. ปักหลักหน้าทำเนียบฯ ให้ประชาชนร่วมได้ทุกวัน พร้อมเตรียมเคลื่อนเวทีใหญ่ไปจังหวัดต่าง ๆ ตามสถานการณ์ โดยคาดว่า จะจัดชุมนุมใหญ่รอบใหม่กลางเดือนสิงหาคม ยืนยันข้อเรียกร้องเดิมให้ น.ส.แพทองธารลาออก แม้ปัจจุบันถูกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว พร้อมย้ำอีกครั้ง “ไม่เอารัฐประหารเด็ดขาด” การยกระดับเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และเหตุผลการชุมนุมจะเป็นตัวกำหนดมวลชน
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้รับมอบอำนาจจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้มาตอกย้ำว่าจุดยืนของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและพรรคร่วมรัฐบาลลาออก เป็นสิ่งที่นายสนธิสนับสนุน นายสนธิไม่ได้สนับสนุนรัฐประหาร ส่วนยอดรับบริจาคถึงวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มียอดบริจาคทั้งหมด 30,771,060 บาท จากผู้บริจาค 56,200 คน ใช้ค่าใช้จ่ายกิจกรรมรวม 2,072,535 บาท เหลือ 28,698,525 บาท แบ่งมอบให้กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1,100,000 บาท และตามวัตถุประสงค์จัดสรรให้ กองทัพภาคที่ 2 จำนวน 27,598,535 บาท
โดยกองทัพภาคที่ 2 ประสงค์ไม่รับเงินสด แต่แจ้งความต้องการอุปกรณ์เสริมความมั่นคง นายปานเทพระบุว่า จะจัดซื้อ โดรนลาดตระเวนป่าไม้กลางคืน ห้องน้ำสำเร็จรูป ถังน้ำ ตู้คอนเทนเนอร์ แผ่นพื้นคอนกรีต รถตัดหน้าขุดหลัง เครื่องปั่นไฟ แผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ วงเงินราว 25 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 ล้านบาท จะประสานจัดซื้อเพิ่มเติมให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคง โดยจะส่งมอบที่ ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ในเร็ว ๆ นี้
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )