
เหตุใด “การส่งอาหารและความช่วยเหลือทางอากาศ” ของอิสราเอลในกาซาจึงถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ที่มาของภาพ : Reuters
รัฐบาลอิสราเอลกลับมาใช้การจัดส่งสิ่งของความช่วยเหลือทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผ่านการประสานงานกับรัฐบาลจอร์แดนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตภาวะขาดอาหารในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม องค์กรให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติออกมาแสดงความเห็นว่า การทิ้งสิ่งของความช่วยเหลือทางอากาศดังกล่าวมีต้นทุนสูง มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย และไม่สามารถทดแทนการส่งความช่วยเหลือภาคพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การกลับมาทิ้งสิ่งของความช่วยเหลือทางอากาศเกิดขึ้นหลังจากมีคำเตือนเกี่ยวกับวิกฤตภาวะอดอยากทั่วฉนวนกาซา กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มฮามาส รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากภาวะขาดสารอาหารจำนวน 14 คน ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ตัวเลขดังกล่าวประกาศออกมาขณะเดียวกับเวลาที่กองทัพอิสราเอลประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารในบางพื้นที่ของฉนวนกาซาเป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้สามารถแจกจ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้มากขึ้น
ด้านเจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า ในวันเดียวกันนั้น มีรถบรรทุกมากกว่า 120 คันที่บรรทุกสิ่งของจากองค์การสหประชาชาติและองค์กรด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ เดินทางเข้าสู่ฉนวนกาซา
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed finding outได้รับความนิยมสูงสุด
Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด
แพงและไร้ประสิทธิภาพ

ที่มาของภาพ : Reuters
กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ได้ดำเนินการทิ้งพาเลตอาหารจำนวน 7 ชุด ซึ่งประกอบด้วยแป้งทำอาหาร น้ำตาล และอาหารกระป๋อง ลงเหนือฉนวนกาซาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางการจอร์แดนระบุว่า จอร์แดนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ “ได้ร่วมกันส่งความช่วยเหลือด้านอาหารและสิ่งของจำเป็นทางมนุษยธรรม รวมปริมาณทั้งสิ้น 25 ตัน”
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จอร์แดนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มปฏิบัติการทิ้งสิ่งของช่วยเหลือทางอากาศรอบใหม่ โดยผู้สื่อข่าวบีบีซีร่วมเดินทางไปกับเที่ยวบินบรรเทาทุกข์ลำหนึ่งที่เดินทางออกจากจอร์แดน
การทิ้งสิ่งของจากอากาศได้เริ่มคิดค้นพัฒนามาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อส่งเสบียงให้กับทหารที่ถูกตัดขาดจากเส้นทางภาคพื้นดิน และต่อมาได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรเทาทุกข์ทางมนุษยธรรม โดยองค์การสหประชาชาติเริ่มใช้วิธีนี้ครั้งแรกในปี 1973
อย่างไรก็ตาม โครงการอาหารโลก (World Food Programme – WFP) ของยูเอ็น ระบุในรายงานปี 2021 ว่า การทิ้งสิ่งของทางอากาศถือเป็น “ทางเลือกสุดท้าย” ที่ควรใช้เมื่อ “ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ล้มเหลว” โดยประเทศล่าสุดที่โครงการอาหารโลกใช้วิธีนี้คือ ซูดานใต้
ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาทุกข์และงานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (UNRWA) โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ว่า การทิ้งอาหารทางอากาศ “มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจคร่าชีวิตพลเรือนที่กำลังอดอยาก” หากเกิดความผิดพลาด
เขาระบุเพิ่มเติมว่า การทิ้งของเหล่านี้เป็น “สิ่งเบี่ยงเบนความสนใจและม่านควันเพื่อปกปิดบางอย่างไว้” พร้อมกล่าวว่า “ความอดอยากที่มนุษย์สร้างขึ้นจะแก้ไขได้ด้วยเจตจำนงทางการเมืองเท่านั้น”
เขายังเรียกร้องให้อิสราเอล “ยกเลิกการปิดล้อม เปิดทางเข้าออก และรับประกันการเคลื่อนย้ายอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรีสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ”
เคียราน ดอนเนลลี จากคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ (the Global Rescue Committee – IRC) กล่าวว่า การทิ้งของช่วยเหลือไม่สามารถส่งมอบปริมาณหรือคุณภาพของความช่วยเหลือที่จำเป็นได้
เจ้าหน้าที่จอร์แดนรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การทิ้งสิ่งของทางอากาศ “ไม่ใช่ทางเลือกทดแทน” สำหรับการส่งความช่วยเหลือทางภาคพื้นดิน
จากข้อมูลการปฏิบัติการก่อนหน้านี้ เครื่องบิน C-130 แต่ละลำสามารถส่งอาหารได้ประมาณ 12,500 มื้อต่อเที่ยว
โจ อินวูด ผู้สื่อข่าวบีบีซี เวิลด์ นิวส์ ประเมินว่า จะต้องใช้เที่ยวบินมากกว่า 160 เที่ยว เพื่อจัดหาอาหารเพียงหนึ่งมื้อให้กับประชากร 2 ล้านคนในฉนวนกาซา
รัชดี อาบูอาลูฟ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำฉนวนกาซา ซึ่งรายงานจากนครอิสตันบูลของตุรกี ระบุว่า การทิ้งของในช่วงแรกก่อนหน้านี้นำไปสู่ภาพความโกลาหลเพราะผู้คนที่สิ้นหวังแย่งชิงสิ่งของช่วยเหลือกันอย่างชุลมุน
อิหมัด คุดายา ผู้สื่อข่าวในฉนวนกาซา ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า บรรจุภัณฑ์บางชิ้นตกลงในพื้นที่ที่มีอันตราย
โดยระบุว่า “ส่วนใหญ่ของสิ่งของที่ตกลงมาจากฟ้า… มันตกในพื้นที่ที่หากคุณเข้าไป คุณจะเสี่ยงอย่างมาก” เขากล่าวเสริมว่า “พื้นที่เหล่านั้นมีการอพยพมาก่อนแล้วและอยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล ดังนั้นมันจึงเสี่ยงมาก”
บีบีซีเวริฟาย (BBC Compare) ตรวจสอบและพบหลักฐานว่า สิ่งของช่วยเหลือบางส่วนตกลงในพื้นที่ที่อิสราเอลประกาศว่าเป็น “เขตสู้รบที่อันตราย”
ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกมาก

ที่มาของภาพ : Reuters
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ระบุว่า การหยุดยิvของกองทัพอิสราเอลถือเป็น “โอกาสในการแก้สถานการณ์หายนะครั้งนี้” แต่เน้นย้ำว่าจำเป็นต้องมีช่องทางมนุษยธรรมเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ขบวนรถบรรทุกสามารถเคลื่อนย้ายความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จูเลียต ทูมา โฆษกขององค์การบรรเทาทุกข์และงานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (UNRWA) กล่าวว่า การหยุดยิvเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ แต่เธอได้ประณามการทิ้งสิ่งของช่วยเหลือทางอากาศ พร้อมระบุว่าเธอไม่เห็นว่าการแจกจ่ายความช่วยเหลือจะเกิดขึ้นได้ หากไม่มีบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่ โดยกล่าวว่า “เรามีเครือข่าย การเข้าถึง และความไว้วางใจจากชุมชน”
โครงการอาหารโลก (WFP) เน้นย้ำว่า จำเป็นต้องมี “ความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” เพื่อเข้าถึงผู้ที่หิวโหยโดยไม่ให้ล่าช้าไปมากกว่านี้
องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières) เตือนว่า การหยุดยิvและการทิ้งของช่วยเหลือยัง “ไม่เพียงพอ” ต่อความต้องการในพื้นที่ พร้อมเสนอว่า ควรมีรายชื่อผู้รับแจกจ่าย “เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าจะได้รับของของตนเอง”
ไม่มีภาวะอดอยาก

ที่มาของภาพ : Reuters
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าอิสราเอลดำเนินนโยบายทำให้ประชาชนในฉนวนกาซาเผชิญภาวะอดอยาก โดยระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็น “คำโกหกซึ่งหน้า”
เขากล่าวในการประชุมคริสเตียนที่นครเยรูซาเลมเมื่อวันอาทิตย์ว่า “ไม่มีนโยบายทำให้ประชาชนในกาซาอดอยาก และไม่มีความอดอยากในกาซา” พร้อมระบุว่า อิสราเอลได้ “อนุญาตให้ความช่วยเหลือในปริมาณที่กฎหมายระหว่างประเทศกำหนดเข้ามาได้”
เนทันยาฮูกล่าวว่า อิสราเอล ยินยอมให้มีการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้เข้ามาตามจำนวนที่กฎหมายระหว่างประเทศกำหนด พร้อมกับกล่าวหาว่า ฮามาสได้ขโมยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนี้ไป แล้วมากล่าวหาอิสราเอลว่าไม่ให้ความช่วยเหลือ
กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้ควบคุมฉนวนกาซา ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่ได้ขโมยความช่วยเหลือจากจุดแจกจ่าย
รายงานภายในล่าสุดของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ (USAID) ระบุว่า ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ฮามาสมีการปล้นสะดมสิ่งของที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างเป็นระบบ
ที่มา BBC.co.uk