
สส.พรรคประชาชน ประชุมมาราธอน 5 ชั่วโมง ไม่ได้ข้อสรุป ! พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ-โฆษกพรรคประชาชน เผย สส. ถก ตัดสินใจเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต่ออีกวัน 2 ก.ย. หนักใจ งดออกเสียง กังวล แดง-น้ำเงินไหลไปรวมกัน ประเทศเสียหายเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา – เปิดทางนายกฯนอกระบอบประชาธิปไตย ลั่น ไม่ลืม พรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ทำอะไรกับพรรคประชาชนไว้ แต่ไม่เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน
สำนักข่าวอิศรา (www.iranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 กันยายน 2568 ที่พรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสส.นัดพิเศษ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตัดสินใจ กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีตามเงื่อนไขที่พรรคเสนอ ซึ่งใช้เวลาประชุมกว่า 5 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติและจะมีการประชุมสส.อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.68) เวลา 13.00 น. ว่า การประชุมสส.ในวันนี้มีผู้มาร่วมร่วมประชุม 90 กว่าคน หรือ 60 % จากจำนวน สส.ทั้งหมด 143 คน ส่วน สส.ที่เหลือที่ไม่มาประชุมเนื่องจากติดภารกิจการประชุมคณะกรรมาธิการที่มีกำหนดการประชุมล่วงหน้า และการลงพื้นที่
นายพริษฐ์กล่าวว่า ที่ประชุมสส.มีความเห็นกันหลายหลากและหนักใจที่ต้องตัดสินใจในทางใดทางหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องนัดประชุมสส.อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และให้สส.ที่มาแสดงความเห็นในวันนี้ตกผลึกและมาแสดงความเห็นเพิ่มเติม รวมถึงเปิดโอกาสให้ สส.ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนี้ได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นจะนำความเห็นของสส.ทั้งหมด มาประกอบกับความเห็นในภาคส่วนต่างๆ ของพรรค เช่น ทีมเครือข่ายและพนักงานมารวมกัน
“สองประเด็นที่มีการพูดคุยกันชัดเจน ประเด็นแรก ชัดเจนมาก พรรคประชาชนยืนยันจุดยืนเดิมว่า สิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ คือ การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ยังยืนยันว่า การยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วตอบโจทย์ประเทศ รักษาการนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจยุบสภาในวันนี้หากจะยื่นยุบสภา พรรคประชาชนยินดีและพร้อมเลือกตั้ง”นายพริษฐ์กล่าวและว่า
“หากรักษาการนายกรัฐไม่ยุบสภาและไม่มีพรรคการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งรวมเสียง สส.ได้เกินกึ่งหนึ่ง หรือ 247 เสียง และต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว”นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวว่า ณ เวลานี้ ไม่มีกลุ่มใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หากพรรคประชาชนงดออกเสียง มองว่ามีความกังวลสองประการ ข้อที่หนึ่ง แดง (พรรคเพื่อไทย) กับน้ำเงิน (พรรคภูมิใจไทย) จะไหลกลับไปรวมกันก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และมีแนวโน้มว่าจะอยู่ครบวาระ หรือ เกือบสองปี ซึ่งขัดกับจุดยืนของพรรคประชาชนที่ต้องการเห็นการเลือกตั้งโดยเร็ว ดังนั้น จึงยืนยันว่า ต้องการป้องกันไม่ให้แดงกับน้ำเงินกลับมารวมกัน เพราะจะทำให้ประเทศเสียหายเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา
นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อที่สอง หากแดงกับน้ำเงินไม่ได้ไหลกลับไปรวมกัน มีความเสี่ยงจะไหลออกไปถึงนายกรัฐมนตรีที่มาจากนอกระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ส่งผลดีกับระบบการเมืองไทยแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมสส.ในวันพรุ่งนี้จะได้คำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ว่า จะงดออกเสียง หรือ สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทย นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่สามารถสรุปได้ ยังตอบไม่ได้
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองอื่นเริ่มดีดออกจากกลุ่มไลน์ของพรรค (สส.งูเห่า) พรรคประชาชนมีหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า “ไม่มี เราเดินหน้าอย่างมีเอกภาพ”
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคประชาชนจะต้องลงมติเห็นชอบนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า “ที่เราคุยกันเป็นเช่นนั้น”
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนประเมินความจริงใจของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยในการตอบรับเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคประชาชนอย่างไร นายพริษฐ์กล่าวว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่ทั้ง สส.และประชาชนหลายคนใช้ในการประเมินอยู่แล้ว ซึ่งฝ่ายค้านสามารถใช้กลไกลในระบบรัฐสภาเพื่อเปิดญัตติขออภิปรายไม่ไว้ใจเพื่อล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่เบี้ยวข้อเสนอของพรรคประชาชนหรือใช้อำนาจที่มิชอบได้ทันที
“ถ้าจะประเมินความไว้เนื้อเชื่อใจที่ไปไกลกว่านั้น ขอพูดตรงๆ ไม่ไว้ใจทั้งคู่ แต่ก็ต้องมาประเมินความเสี่ยงกันจากสาระ จากท่าทีที่เราเห็น วัดกันที่หลักฐาน อันไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่า”นายพริษฐ์กล่าวและว่า
“ผมยืนยันว่า ตัดสินใจด้วยเหตุผลและผล ไม่เอาความแค้น อารมณ์มาตัดสิน เพราะถ้าเราเอาความแค้น เอาอารมณ์มาตัดสิน แน่นอนว่าบางคนอาจจะมีรู้สึกเกี่ยวกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูไปตั้งรัฐบาล หรือพรรคภูมิใจไทยอภิปรายเกี่ยวกับพรรคและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เอาความรู้สึกเป็นตัวตั้ง เราพยายามใช้เหตุและผลให้มากที่สุดเพื่อทำให้ประเทศมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและแก้ปัญหาประชาชนได้โดยเร็ว”นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าในอดีตที่พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยทำกับพรรคประชาชนรีเซตทั้งหมดใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า “เราไม่ลืมอยู่แล้ว แต่เราไม่เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน”
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )