แลอดีต 50 ปี แห่งอ้อมกอดมรณะ กษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบียถูกปลงพระชนม์โดยพระนัดดา

ที่มาของภาพ : C Maher/Day-to-day Specific/Hulton Archive/Getty Photos

Article Details

    • Author, หลุยส์ ฮิดัลโก
    • Function, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 1975 สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบียทรงถูกลอบปลงพระชนม์ในกรุงริยาด เมื่อเจ้าชายไฟซาล บิน มูซาด พระนัดดาทรงใช้พระแสงปืนยิvสังหารพระองค์ในระยะประชิด

ในขณะนั้น อาห์เหม็ด ซากี ยามานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติ ยืนข้าง ๆ ขณะที่พระองค์ทรงถูกยิv

ต่อมาในปี 2017 ดร.เม ยามานี บุตรสาวของเขาได้เล่าให้บีบีซีฟังถึงเหตุการณ์ที่ยากจะลืม

“ฉันไม่มีวันลืมวันนั้น ฉันซึมซับความเจ็บปวดของพ่อ และฉันยังคงจำได้จนถึงทุกวันนี้ ลองนึกภาพบุคคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คือที่ปรึกษาของเขา เป็นอาจารย์ของเขา และเป็นเพื่อนของเขา ที่ถูกยิvในระยะประชิดเช่นนี้ดูสิ”

กษัตริย์ไฟซาลทรงถูกยิvถึง 3 ครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ขณะที่พระองค์ทรงก้มลงจุมพิตพระนัดดาเพื่อทักทาย

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue finding outได้รับความนิยมสูงสุด

Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด

บิดาของ ดร.ยามานี รัฐมนตรีผู้ภักดีต่อกษัตริย์ไฟซาลตลอดระยะเวลา 15 ปี และมักจะอยู่เคียงข้างพระองค์แทบจะตลอดเวลา เล่าว่า กษัตริย์ไฟซาลทรงถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่สวรรคตในเวลาต่อมาไม่นาน

ทั้งนี้ กษัตริย์ไฟซาล ทรงเป็นผู้ปกครองลำดับที่สามแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันใต้ผืนทะเลทราย และยังทรงเป็นหนึ่งในพระโอรสของกษัตริย์ผู้ทรงก่อตั้งประเทศด้วย

ที่มาของภาพ : Claude Salhani/Sygma/Getty Photos

มีประมุขจากหลายชาติในขณะนั้นได้เข้าร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศwกษัตริย์ไฟซาลในปี 1975 ในกรุงริยาด อาทิ ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำองค์การปลดปล่อยแห่งชาติปาเลสไตน์ หรือ (Palestine Liberation Organization – PLO), อันวาร์ อัล ซาดัต ประธานาธิบดีอียิปต์, ฮูอารี บูเมเดียน ประธานาธิบดีแอลจีเรีย และฮาเฟซ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย

ในวันเกิดเหตุ เม ยามานี ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุ 18 ปี กำลังรอคอยบิดาของเธออยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองห่างออกไปไม่กี่ไมล์

“ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ภายในอะพาร์ตเมนต์ของพ่อที่รายล้อมไปด้วยหนังสือของเขา พ่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่แปลกประหลาด ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขาเดินตรงไปที่ห้องรับประทานอาหารแล้วเขาก็กรีดร้องออกมาและพูดได้คำ ๆ เดียวว่า “หายนะแท้ ๆ”

ในวันนั้นเหมือนไม่ใช่ตัวเขาเลย ซึ่งเคยขึ้นชื่อว่า เป็นบุคคลที่สงบเสงี่ยม พูดจาเบา ๆ และแล้วเขาก็ตัดสินใจบอกลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้น

“เวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่คณะผู้แทนด้านกิจการน้ำมันของคูเวตกำลังเข้าเฝ้ากษัตริย์ไฟซาลในพระราชวัง และพ่อของฉัน ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติก็เข้าไปชี้แจงต่อกษัตริย์ไฟซาล” ดร.ยามานี เล่า

“เจ้าชายพระองค์นั้น ช่างน่าขันที่ทรงมีพระนามเดียวกันว่า เจ้าชายไฟซาล อิบู มุซาอิด ทรงเป็นพระนัดดาของกษัตริย์ไฟซาล ทรงเสด็จมาพร้อมกับคณะผู้แทนดังกล่าวพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติของคูเวต จากนั้นกษัตริย์ไฟซาลก็ทรงกางพระกรออกเพื่อโอบกอดพระนัดดา”

“ต่อมาพระนัดดาของพระองค์ทรงหยิบพระแสงปืนขนาดเล็กออกจากกระเป๋าและยิvพระแสงปืนไปยังพระเศียรของพระองค์เป็นจำนวนสามนัด และพ่อของฉันก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับพระองค์”

บางรายงานในขณะนั้นระบุว่า ผู้ก่อเหตุดูเหมือนจะบอกกับตำรวจว่า ยามานีผู้พ่อยืนอยู่ใกล้มากจนเขาคิดว่าเขาได้สังหารยามานีไปด้วย ต่อมายามานีได้เดินทางไปโรงพยาบาลกับกษัตริย์ไฟซาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยืนยันว่า พระองค์ทรงสิ้นพระชมน์แล้ว

“หลังจากนั้น ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบงัน ตามถนนในกรุงริยาดก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า และเงียบสงัด” เธอบรรยายให้ฟัง

กษัตริย์นักปฏิรูป

ในปี 1964 กษัตริย์ไฟซาลทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดินแดนที่มีผืนทะเลทรายกว้างใหญ่เทียบเท่ากับพื้นที่ของยุโรปตะวันออก และยังได้รับการยกย่องว่าเป็น พันธมิตรชาติอาหรับรายใหม่ของอังกฤษ

พระราชกรณียกิจของพระองค์คือการสร้างความทันสมัยให้กับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้าหลังมากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังที่เดวิด ดิมเบิลบี ผู้สื่อข่าวของบีบีซีในขณะนั้นได้กล่าวไว้ แต่พระองค์ทรงทำได้สำเร็จหรือไม่ โดยที่จะไม่สูญเสียบัลลังก์ไป

พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในพระโอรสที่มีพระชนมายุมากที่สุดของกษัตริย์อับดุลอาซิส อัล ซาอุด ทรงร่วมรบในยุทธการของพระราชบิดาเพื่อรวมคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านั้น

ต่อมาพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้การปกครองของพระเชษฐาของพระองค์หลังจากพระราชบิดาสวรรคต

เมื่อเวลาผ่านไป พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ถูกกล่าวขวัญว่า ทรงเป็นนักการเมืองที่เฉียบแหลม เคร่งศาสนา ขยันขันแข็ง และเป็นนักปฏิรูป อีกทั้งยังทรงเคยค้าขายในเมืองหลวงในประเทศต่าง ๆ ของโลกมาก่อน

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงถูกมองว่าเป็นผู้ปกครองที่ต้องการใช้ความมั่งคั่งจากน้ำมันที่เพิ่งค้นพบของประเทศเพื่อนำพาความเป็นรัฐสมัยใหม่ ซึ่งรวมไปถึงระบบการศึกษา สาธารณสุข และระบบตุลาการ มาสู่ซาอุดีอาระเบีย

ทว่าการปฏิรูปของกษัตริย์ไฟซาลไม่ได้ทำให้กลุ่มอนุรักษนิยมในศาสนาอิสลามที่เคร่งครัดซึ่งราชวงศ์ของพระองค์เป็นพันธมิตรด้วยมีความพอใจเสมอไป

เมื่อกลางทศวรรษที่ 1960 ในขณะที่พระองค์ทรงร่วมเปิดสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย ได้เกิดการโจมตีด้วยอาวุธที่อาคารดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นั้นนำโดยพระเชษฐาของพระนัดดาของพระองค์ ผู้ที่ต่อมาคือ ผู้ลอบปลงพระชนม์พระองค์เอง

นอกจากนี้กษัตริย์ไฟซาลยังทรงเปิดโอกาสให้เด็กผู้หญิงได้รับการศึกษาด้วย

ดร.ยามานี เล่าว่า “พระราชินีอิฟฟัต พระมเหสีองค์ที่สอง ทรงริเริ่มการศึกษาสำหรับเด็กหญิงในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

“ฉันภูมิใจที่ได้กล่าวว่า ฉันเป็นหนึ่งในนักเรียนหญิง 9 คนแรกในโรงเรียนของพระองค์ และกษัตริย์ไฟซาลทรงโน้มน้าวสถาบันทางศาสนาเปิดโอกาสให้การศึกษาแก่ผู้หญิง และพวกเธอจะเป็นแม่ที่ดีขึ้น โรงเรียนนั้นมีชื่อว่า ดาร์ อัล ฮานัน (Dar Al Hanan) หรือโรงเรียนแห่งความอ่อนโยน”

ที่มาของภาพ : Bettmann Archive/Getty Photos

อาห์เหม็ด ซากี ยามานี เป็นสามัญชนที่ได้รับการศึกษาระดับสูงและยังเป็นทนายความ แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกของราชวงศ์ของซาอุดีอาระเบีย

อาห์เหม็ด ซากี ยามานี เริ่มทำงานให้กับกษัตริย์ไฟซาลตั้งแต่ปี 1960 นี่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะเขาเป็นสามัญชน เป็นผู้มีการศึกษาสูง และเป็นทนายความ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ในซาอุดีอาระเบีย

กษัตริย์ไฟซาลทรงอ่านบทความบางชิ้นที่เขาเขียน และบทความเหล่านี้ก็เป็นที่สนพระทัยของพระองค์

“พ่อของฉันเปิดสำนักงานกฎหมายแห่งแรก แล้วท่านก็เขียนบทความที่ท้าทายที่สุดเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล บทความเหล่านั้นลงนามโดยชายคนหนึ่งชื่ออาบู เม หรือ พ่อของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อเม เพราะฉันเป็นลูกสาวคนแรกของท่าน ดังนั้นเจ้าชายไฟซาล ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร จึงตรัสถามว่า ‘ชายคนนี้คือใคร ?' เพราะพระองค์ทรงกำลังมองหาที่ปรึกษาทางกฎหมาย

ต่อมากษัตริย์ไฟซาลทรงแต่งตั้งให้อาห์เหม็ด ซากี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชีค ยามานี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติของพระองค์

นอกจากนี้ พระองค์ได้ทรงร่วมกันรัฐมนตรีคนนี้วางนโยบายที่ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถควบคุมทรัพยากรน้ำมันมหาศาลได้อย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก และทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นมหาอำนาจที่น่าเกรงขามในโลกอาหรับและบนเวทีระหว่างประเทศ

การผลัดเปลี่ยนอำนาจ

ในปี 1973 หลังสงครามระหว่างอิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้านในอาหรับจบลง ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เป็นผู้นำการรณรงค์ให้ใช้น้ำมันเป็นอาวุธทางการเมืองเป็นครั้งแรก

การลดการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น ซึ่ง ชีค ยามานี คือผู้รับหน้าที่ให้ออกมาสื่อสารในเรื่องนี้

“สิ่งที่เราต้องการคือ การถอนกำลังอิสราเอลออกจากดินแดนอาหรับที่ถูกยึดครองทั้งหมด จากนั้นราคาน้ำมันก็จะอยู่ในระดับเดียวกับเดือน ก.ย. 1973” เขากล่าว

เขายอมรับว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ประเทศผู้ผลิต และประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว

การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจดังกล่าวได้รับการยอมรับในปี 1974 (หรือหนึ่งปีก่อนที่พระองค์จะทรงถูกปลงพระชนม์) และกษัตริย์ไฟซาลยังทรงได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีโดยนิตยสารไทม์ด้วย

ดร.ยามานี กล่าวว่า “เราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไฟซาล นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า ฆาตกรเป็นชายที่มีความผิดปกติทางจิต ตอนนั้นฉันอายุได้เพียง 18 ปี และรู้สึกถึงความเจ็บปวดของบิดา และยังคงจำได้จนถึงทุกวันนี้”

หลังการสวรรคตของกษัตริย์ไฟซาล ชีค ยามานี ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติของซาอุดีอาระเบียต่ออีก 11 ปี จนถึงปี 1986

ส่วน ดร.ยามานี ซึ่งเป็นบุตรสาวของรัฐมนตรีคนนี้ ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นสตรีชาวซาอุดีอาระเบียคนแรกที่ได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

เธอเขียนหนังสือเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของชาวอาหรับหลายเล่ม และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารต่าง ๆ เช่น โกลด์แมน แซคส์ และบริษัทน้ำมันต่าง ๆ เช่น เชลล์

บทความนี้อ้างอิงมาจากตอนหนึ่งของรายการ “วิทเนสส์ ฮิสทรี” (Designate Historic previous แปลเป็นไทยว่า แลประวัติศาสตร์) ของบีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส