
หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ ชานันท์ ยอดหงษ์ และต่อศักดิ์ จินดาสุขศรี พูดถึงปัจจัยและบริบทที่ทำให้คนเดือนตุลาจำนวนหนึ่ง ที่เคยเคลื่อนไหวในประเด็นก้าวหน้าในช่วงทศวรรษ 2510-2520 คลี่คลายกลายมาเป็นกลุ่มที่มีความอนุรักษนิยม หรือมีอุดมการณ์ฝ่ายขวาในเวลาต่อมา โดยแนะนำบทที่ 4 ของหนังสือ “พลวัตทางอุดมการณ์ของชนชั้นกลางไทยในคืนวันที่ผันแปร: บทสังเคราะห์โครงการวิจัย ความเปลี่ยนแปลงทางความคิด ระบบคุณค่า และระบอบอารมณ์ความรู้สึกของชนชั้นกลางไทย พ.ศ. 2500-2560” (2567) ของสายชล สัตยานุรักษ์ (อ่านหนังสือคลิกที่นี่)
โดยตอนหนึ่งอธิบายปัจจัยการหวนกลับไปสู่อุดมการณ์อนุรักษนิยมของฝ่ายซ้ายจำนวนหนึ่ง นอกจากการผิดหวังต่อแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) อีกประการหนึ่งในช่วงทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา รัฐไทยยังส่งเสริมผลิตซ้ำความเป็นไทยอย่างเข้มข้น ทั้งการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี การเชิดชูศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ และกระแสพระสงฆ์ปัญญาชนเช่น พุทธทาส และปัญญานันทภิกขุ ทำให้อดีตฝ่ายซ้ายจำนวนหนึ่งหันมาสนใจแนวทางพุทธศาสนาและความเป็นไทย
ในแง่เศรษฐกิจทศวรรษนี้ยังเป็นโอกาสใหม่ของชนชั้นกลาง เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโต เงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า เกิดอาชีพที่มั่นคง/ทรงสถานะ เช่น สื่อมวลชน เอ็นจีโอ นักวิชาการ นักการเมือง คนเดือนตุลาหลายคน “สำเร็จในระบบ” จึงเห็นคุณค่าความมั่นคง/ความดีเชิงศีลธรรมมากกว่าการปะทะเชิงโครงสร้าง
ยังไม่รวมการแตกสาขาทางความคิดของอดีตฝ่ายซ้าย ทั้งแนวทางชุมชนนิยม แนวคิดพึ่งตนเอง พุทธศาสนาเพื่อสังคม ไปจนถึงการปรับนิยามประชาธิปไตยแบบไทย ซึ่งแนวคิดนี้ก่อตัวมาตั้งแต่ทศวรรษ 2490 ว่าประชาธิปไตยไทยต้องพึ่ง “พระบารมี” เพื่อป้องกันเผด็จการและคลี่คลายวิกฤต และจะปรากฏชัดในช่วงหลัง 2540 เช่น พระราชอำนาจ มาตรา 7 ราชประชาสมาสัย ฯลฯ
รับชมหมายเหตุประเพทไทยย้อนหลัง
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )