
สปสช. จับมือ ศป.กฉ. ใช้สายด่วน 1330 กด 7 รวม 600 คู่สาย สนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 24 ชั่วโมง
สปสช. จับมือศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ใช้สายด่วน 1330 กด 7 สนับสนุนการรับแจ้ง–ประสานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง เสริมกำลังร่วมกับสายด่วน 1784 และ 1111 รับทุกเรื่องเกี่ยวกับน้ำท่วม ทั้งการอพยพ การเข้าถึงบริการรักษาพยาบาล และการขาดยา ระบบ 600 คู่สาย ทีมพยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่สื่อสารได้หลายภาษา รองรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ สปสช.ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ให้ “สายด่วน สปสช. 1330 กด 7” สนับสนุนการรับแจ้งและประสานความช่วยเหลือจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง เสริมกำลังร่วมกับสายด่วน 1784 และ 1111 ของ ศป.กฉ.
“หากประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจ็บป่วย การเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล หรือขาดแคลนสิ่งจำเป็นด้านสุขภาพ หรือความช่วยเหลือด้านอื่นๆ นอกจากจะ โทร.สายด่วน 1784 หรือ 1111 แล้ว ยังสามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 7 ได้ด้วย เจ้าหน้าที่จะช่วยคัดแยกเรื่องและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จนกว่าการช่วยเหลือจะแล้วเสร็จ” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า สายด่วน สปสช. 1330 กด 7 จะรับแจ้งปัญหาและความต้องการความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำท่วมครอบคลุมทุกด้าน เช่น ขอความช่วยเหลืออพยพ หรือขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเปราะบาง กรณีผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ เพราะน้ำท่วม เส้นทางถูกตัดขาด ขาดยา ขาดอาหาร หรือของจำเป็นด้านสุขภาพ เช่น อุปกรณ์การแพทย์พื้นฐาน ต้องการให้ช่วยประสานโรงพยาบาล หน่วยบริการ หรือหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเข้าดูแลต่อ พร้อมกันนี้ แม้บางพื้นที่ เช่น อำเภอหาดใหญ่บางจุดน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่หากประชาชนยังต้องการความช่วยเหลือด้านใด ทั้งเรื่องสุขภาพ การเดินทาง หรือการเข้าถึงบริการ ก็ยังสามารถโทรแจ้งได้เช่นเดิมผ่าน 1330 กด 7
ทั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ สปสช.ได้เตรียมความพร้อมของระบบ Call Heart ดังนี้ จัดเตรียม 600 คู่สาย รองรับการโทรจากประชาชนจำนวนมาก ลดปัญหาการรอสายนาน มี ทีมพยาบาลวิชาชีพ 40 ท่าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ Call Heart ช่วยประเมินอาการ ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และพิจารณาความเร่งด่วนของแต่ละเคส ดำเนินการดูแลแบบ “เคสต่อเคส” โดยให้ความสำคัญกับเคสยากเป็นพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับการรักษาต่อเนื่อง หรือผู้ป่วยภาวะเร่งด่วนในพื้นที่น้ำท่วม ไม่ใช่เพียงการ “รับสาย–ให้ข้อมูล” เท่านั้น แต่ยัง ติดตามและประสานงานต่อเนื่อง กับหน่วยงานในพื้นที่จนกว่าการช่วยเหลือจะสำเร็จ
นพ.วีระพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สายด่วน สปสช. 1330 กด 7 พร้อมรองรับ ประชาชนชาวต่างชาติที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น เพื่อช่วยอธิบายข้อมูลสิทธิและประสานการช่วยเหลือ
“ในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือเมืองใหญ่ เช่น หาดใหญ่ และจังหวัดอื่น ๆ ที่มีชาวต่างชาติอาศัยหรือท่องเที่ยวอยู่ หากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไม่ทราบว่าจะขอความช่วยเหลืออย่างไร ก็สามารถโทรเข้ามาที่ 1330 กด 7 ได้เช่นเดียวกัน” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว













