‘แก้วสรร’ ยื่นหนังสือนายกฯ จี้สางคดี-บังคับโทษ ‘ทักษิณ’ ชี้หลักฐานสำคัญคือเอกสารเวชระเบียน คำรับรองแพทย์ว่า ‘ทักษิณ’ ป่วยหนักจริงหรือ ย้ำคดีนี้กระทบความน่าเชื่อถือยุติธรรมไทย ดังนั้นต้องให้ราชทัณฑ์ขอศาลออกหมายขังใหม่ วอนแยกแยะเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่าเมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการสะสางกระบวนการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่ยุติ
โดยรายละเอียดหนังสือมีดังต่อไปนี้
ด้วยข้าพเจ้าผู้มีรายนามท้ายบันทึกนี้เห็นพ้องร่วมกันว่า การสอบสวนคดีบริหารกระบวนการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งโดย ป.ป.ช. และแพทยสภาในปัจจุบัน ไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูล จากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาบาลตำรวจเช่นที่ควร กรณีจึงจำเป็นต้องใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีอันเป็นอำนาจบังคับบัญชาสูงสุด สั่งการเจ้าหน้าที่ให้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนครั้งนี้โดยด่วนด้วย ดังเหตุผลโดยลำดับ ดังนี้
1. ข้อมูลและพยานหลักฐานสำคัญในคดี คือบรรดาเวชระเบียนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่แพทยสภาได้ขอไว้ ทั้งที่อยู่ในครอบครองของฝ้ายราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ และที่สำคัญที่สุดคือคำรับรองทางการแพทย์ว่านักโทษมีอาการป่วยหนัก และฝ้ายแพทย์ของเรือนจำไม่มีขีดความสามารถรักษาพยาบาลได้ ทั้งที่รับรองไว้ในชั้นส่งตัวรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลตำรวจ และในชั้นประกอบรายงานต่อผู้บังคับบัญชาในกระทรวงยุติธรรม ที่ยืนยันให้นักโทษอยู่โรงพยาบาลต่อไป เมื่อครบ 30 วัน, 60 วัน และ 120 วัน
2. คดีบริหารกระบวนการบังคับโทษครั้งนี้เกิดขึ้นในราชการฝ่ายบริหารทั้งสิ้น เป็นคดีสำคัญที่กระทบถึงความเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งในหมู่ประชาชนและนานาประเทศเป็นอย่างยิ่ง และอันที่จริงนั้นก็เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบริหารอยู่แล้วที่ต้องสะสางคดีนี้ ที่ทำได้ทั้ง สอบสวน ลงโทษ และแก้ไข
คือให้กรมราชทัณฑ์ร้องต่อศาลให้ออกหมายขังใหม่ แต่กลับไม่มีผู้ใดแม้แต่ตัว ฯพณฯ เอง สนใจรับผิดชอบสะสางคดีเลย จนทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแพทยสภา ต้องเข้ามาคลี่คลายเสียเองในที่สุด
อนึ่ง ขอนายกรัฐมนตรีแยกแยะระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตนกับนายทักษิณ กับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องของหัวหน้าฝ่ายบริหาร
จึงขอเรียนมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสังการตามความรับผิดชอบต่อไปด้วย
สำหรับผู้ที่ลงนามในท้ายหนังสือเบื้องต้นมีบุคคลดังนี้
นายแก้วสรร อติโพธิ, รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,รองศาสตาจารย์ ดร.เจษฏ์โทณะวณิก, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายคมสัน โพธิคง, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม,นพ.ตลย์ สิทธิสมวงศ์, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายสมชาย แสวงการ, นายประสาร มฤติพิทักษ์, นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์,
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายนันทิวัฒน์ สามารถ, นายปรีดา เตียสวรรณ์, นายสาวิทย์ แก้วหวาน,นางสาวเสน่ห์ หงษ์ทอง, นายมานพ เกื้อรัตน์, นางสาวนีรนุช จิตต์สม, นายแซมดิน เลิศบุศย์, ดร.ใจเพชร กล้าจน,นายอานนท์ กลิ่นแก้ว, นายพิชิต ไชยมงคล, นายนัสเชอร์ ยีหมะ, นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )