ทั่วโลกมีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนปัญหาที่รุนแรงอย่างไร

ที่มาของภาพ : Getty Photography

โรคอ้วนในกลุ่มเด็กและคนอายุน้อยกลายเป็นปัญหาระดับโลกแล้ว

Article Info

    • Creator, โดมินิก ฮิวจ์ส
    • Purpose, ผู้สื่อข่าวสุขภาพนานาชาติ

การศึกษาครั้งใหญ่ของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ระบุว่า ช่วงเวลาปัจจุบันนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกมีสถิติเด็กที่เป็นโรคอ้วนมากกว่าเด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์

การศึกษาดังกล่าวพบว่า ประมาณ 1 ใน 10 ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 5–19 ปี หรือราว 188 ล้านคน กำลังประสบปัญหาโรคอ้วนในปัจจุบัน

นักวิจัยระบุว่า สาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการบริโภค จากอาหารดั้งเดิมไปสู่อาหารแปรรูปขั้นสูง (ultra-processed meals) ที่มีราคาถูกแต่ให้พลังงานสูง

ยูนิเซฟ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับการติดฉลากและการทำการตลาดอาหาร รวมถึงปกป้องการกำหนดนโยบายจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปขั้นสูง

อ้วนและขาดสารอาหาร

ก่อนหน้านี้ เวลาที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพเคยกล่าวถึงเด็กขาดสารอาหาร ซึ่งผู้คนก็มักจะเห็นภาพเด็กที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Halt of ได้รับความนิยมสูงสุด

แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้คำว่าขาดสารอาหารยังรวมไปถึงผลกระทบของภาวะโรคอ้วนที่มีต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กด้วย แม้ในประเทศยากจน โรคอ้วนในเด็กก็ยังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในตอนนี้

โดยปกตินั้น เด็กจะถูกจัดว่า “น้ำหนักเกิน” เมื่อมีน้ำหนักตัวสูงกว่าช่วงที่ถือว่าสุขภาพดีตามอายุ เพศ และส่วนสูง

ส่วน “โรคอ้วน” ถือเป็นรูปแบบรุนแรงของภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ และเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจและหลอดเลืoด และมะเร็งบางชนิดเมื่อพวกเขาโตขึ้น

ที่มาของภาพ : Getty Photography

นักวิจัยระบุว่า อาหารแปรรูปขั้นสูงคือ สาเหตุที่ทำให้โรคอ้วนเพิ่มสูงขึ้น

ตลอดช่วงวัยเด็ก โภชนาการที่ดี รวมถึงการรับประทานผัก ผลไม้ และโปรตีนอย่างเพียงพอ มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาทางสติปัญญา และสุขภาพจิต

ทว่าทุกวันนี้ อาหารดั้งเดิมจำนวนมากกำลังถูกแทนที่ด้วยอาหารแปรรูปขั้นสูง ซึ่งมักมีน้ำตาล แป้ง เกลือ ไขมันไม่ดี และสารเติมแต่งในปริมาณสูง

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารองค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ความท้าทายจากโรคอ้วนไม่ควรถูกมองข้าม

“เมื่อเราพูดถึงภาวะขาดสารอาหาร หรือ ภาวะทุพโภชนาการ เราไม่ได้หมายถึงแค่เด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์อีกต่อไป โรคอ้วนกำลังสร้างความกังวลให้เพิ่มขึ้น และมันสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กได้”

1 ใน 10 เป็นโรคอ้วน

ภาวะโภชนาการต่ำ (Undernutrition) ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปของภาวะผอมแห้ง (wasting) และแคระแกร็น (stunting) ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในหลายประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง

อย่างไรก็ดี ข้อมูลล่าสุดจากยูนิเซฟ ซึ่งได้มาจากการศึกษาที่อ้างอิงข้อมูลจากกว่า 190 ประเทศ พบว่า สัดส่วนของเด็กอายุ 5–19 ปีที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ลดลงนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา จากสัดส่วน 13% เหลือเพียง 9.2%

ในทางตรงกันข้าม อัตราโรคอ้วนเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 9.4% ซึ่งหมายความว่าเกือบ 1 ใน 10 ของเด็กทั่วโลกกำลังเป็นโรคอ้วน

จำนวนเด็กที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งรวมถึงผู้ที่เป็นโรคอ้วน ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันมีเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น 1 ใน 5 คน ที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ คิดเป็นสถิติราว 391 ล้านคนทั่วโลกตามการประเมินของการศึกษาจากยูนิเซฟ

ในปัจจุบันโรคอ้วนมีอัตราสูงกว่าภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ในทุกภูมิภาคของโลก ยกเว้นในภูมิภาคตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา (Sub – Saharan Africa) และเอเชียใต้

ที่มาของภาพ : Getty Photography

เด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่ได้เป็นกลุ่มหลักของเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการอีกต่อไป

อัตราโรคอ้วนในเด็กและเยาวชนที่สูงที่สุดพบในบางประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น นีอูเอ (38%) หมู่เกาะคุก (37%) และนาอูรู (33%)

ทว่าหลายประเทศรายได้สูงก็เผชิญปัญหาโรคอ้วนรุนแรงเช่นกัน ในกลุ่มเด็กอายุ 5–19 ปี มีเด็กอ้วน 27% ในชิลี, 21% ในสหรัฐอเมริกา และ 21% ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

สถิติจากทั่วโลกและทุกภูมิภาคพบว่า ภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงเกือบทุกช่วงอายุ ยกเว้นในวัยรุ่น 15–19 ปี ที่พบในผู้หญิงสูงกว่า

แคทเธอรีน รัสเซลล์ จากยูนิเซฟกล่าวว่า “เรากำลังเห็นภาวะทุพโภชนาการสองทางพร้อมกันในหลายประเทศ คือทั้งภาวะแคระแกร็นและโรคอ้วน”

เธอชี้ว่า ปัญหานี้จำเป็นต้องมีมาตรการที่ตรงเป้า คือผู้คนต้องเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและราคาจับต้องได้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ๆ

“เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องมีนโยบายที่ช่วยให้พ่อแม่และผู้ดูแลสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพสำหรับลูก ๆ ได้”

การเรียกร้องเพื่อแก้ปัญหา

การวิจัยที่ยูนิเซฟดำเนินการในนครเฉิงตู ประเทศจีน รวมถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย พบว่า วัยรุ่น 9 ใน 10 คนที่ซื้ออาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านสะดวกซื้อมักเลือกซื้อขนมหวานและขนมรสเค็ม เช่น ลูกกวาด บิสกิต มันฝรั่งทอด และไอศกรีม

ในแทนซาเนียและซิมบับเว รายงานพบว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มแปรรูปขั้นสูงทำการตลาดเป็นพันธมิตรโดยตรงกับโรงอาหารและร้านค้าในโรงเรียน จัดกิจกรรมสนับสนุน จัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์หรือยี่ห้อ และฝังตัวตนไว้ในกิจวัตรประจำวันของโรงเรียน

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า เยาวชนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งยังตกอยู่ในสภาพที่ต้องเปิดรับกับอาหารไม่ดีต่อสุขภาพอย่างหนัก

และยังพบว่า 68% ของเยาวชนในพื้นที่เหล่านี้เคยเห็นโฆษณาอาหารประเภทดังกล่าว โดยมีอัตราการพบเห็นสูงมากในอิรัก (82%) เลบานอน (81%) และยูเครน (84%)

ยูนิเซฟเตือนว่า ผลกระทบต่อสุขภาพและต้นทุนทางเศรษฐกิจหากไม่มีการแก้ไข อาจจะมีมูลค่ามหาศาล รายงานประเมินว่าภายในปี 2035 ผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกจากภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์และโรคอ้วนอาจจะจะสูงเกิน 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 127 ล้านล้านบาท) ต่อปี

รายงานดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินมาตรการ ทั้งด้านการติดฉลากและการทำการตลาดอาหาร รวมถึงการปกป้องการกำหนดนโยบายจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปขั้นสูง