สปสช. ปรับสายด่วน 1330 ช่วยน้ำท่วม รับทุกเรื่องเดือดร้อน เชื่อมประสานหน่วยงานช่วยเหลือ

สปสช. ปรับสายด่วน 1330 ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม รับทุกเรื่องเดือดร้อน เชื่อมประสานหน่วยงานช่วยเหลือ

สปสช. ปรับระบบสายด่วน 1330 รองรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลาง–ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่–สงขลาเปิดรับทุกเรื่องเดือดร้อนด้านสุขภาพ การเดินทางไปรับบริการ และการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ มีผู้ขอความช่วยเหลือแล้ว 150 เคส ส่งต่อให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัดลำดับเข้าช่วยเหลือตามความเร่งด่วน พร้อมเพิ่มทีมพยาบาลร่วมคัดกรอง–ติดตามผล เดินหน้าพัฒนาสายด่วน 1330 สู่บทบาท “การจัดการรายกรณี” ดูแลผู้ป่วยเป็นรายเคส

จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก การเดินทาง การเข้าถึงบริการสาธารณสุข และการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางเป็นไปอย่างยากลำบาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้ปรับการทำงานของสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากขึ้น รับแจ้งทุกเรื่องความเดือดร้อน และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือต่อไป

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สปสช. เห็นว่าประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ยังต้องการความช่วยเหลือหลากหลายด้าน จึงได้ปรับบทบาทสายด่วน สปสช. 1330 ให้เป็นช่องทางกลางรับแจ้งปัญหาจากประชาชน และเชื่อมประสานหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในพื้นที่เข้าช่วยเหลือ

ตัวอย่างเรื่องที่สามารถแจ้งได้ ได้แก่ ขอความช่วยเหลืออพยพหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลหรือหน่วยบริการได้เพราะน้ำท่วม ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงขาดการดูแล หรือญาติไม่สามารถเข้ามาดูแลได้ ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง ขาดยา หรือต้องการความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์ ขอความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งจำเป็นพื้นฐานในกรณีที่เดือดร้อนรุนแรง ปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในช่วงน้ำท่วม

“ไม่ว่าประชาชนจะประสบปัญหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การเดินทางไปรับบริการ หรือการดูแลผู้ป่วยในครอบครัว สามารถโทรมาได้ที่ 1330 สปสช. จะรับเรื่องและพยายามหาหน่วยงานที่เหมาะสมเข้ามาช่วยเหลือ” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ ระบุว่า หลังจาก สปสช. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1330 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน มีผู้ขอความช่วยเหลือแล้ว 150 เคส ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องการยาและอาหาร สปสช. ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนและเข้าช่วยเหลือต่อไป ทั้งด้านการจัดส่งยา อาหาร และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีจำเป็น

“สปสช. ไม่ได้เพียงรับเรื่องและส่งต่อเท่านั้น แต่จะมีเจ้าหน้าที่โทรติดตามผลทุกวัน สอบถามว่าผู้ขอความช่วยเหลือได้รับการดูแลจากหน่วยงานที่ประสานไปแล้วหรือยัง มีปัญหาอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ และติดตามอาการป่วยอย่างต่อเนื่อง” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า การปรับบทบาทสายด่วน สปสช. 1330 ครั้งนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่รับสายทั่วไปแล้ว ยังมีทีมพยาบาลเข้าร่วมช่วยคัดกรองปัญหา ประเมินอาการผู้ป่วยเบื้องต้น และร่วมวางแผนการช่วยเหลือในแต่ละเคส เช่น ประเมินว่าต้องเร่งจัดส่งยา ต้องประสานรถรับส่งผู้ป่วย หรือควรส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานใดในพื้นที่เป็นผู้ดูแล

“ถือเป็นก้าวหนึ่งของการพัฒนาสายด่วน 1330 จากเดิมที่เน้นรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ และให้คำแนะนำ ไปสู่การเป็นสายด่วนที่ทำหน้าที่ การจัดการรายกรณี หรือ case administration ดูแลและติดตามผู้ป่วยทีละราย โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤต เช่น น้ำท่วมครั้งนี้” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมทั้งภาคกลาง ภาคใต้ จังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ หากต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาพยาบาล การเดินทางไปรับบริการสุขภาพ หรือการดูแลผู้ป่วยในครอบครัว ให้โทร สายด่วน สปสช. 1330 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง สปสช. พร้อมรับเรื่อง ประสานหน่วยงาน และติดตามผลการช่วยเหลืออย่างเต็มที่