ครม.อนุมัติ จัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในไทย 5 ปี 2,000 ล้าน-กฤษฎีกา ติง ภาระการคลัง

คณะรัฐมนตรี เห็นชอบเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี 2569 – 2573 รวม 5 ปี พร้อมอนุมัติจัดสรรงบประมาณภาครัฐ 2,000 ล้านบาท เตรียมให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีบริษัทจัดงาน ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 200 % คาดรัฐสูญเสียรายได้ 539 ล้านบาท เคาะ สถานที่จัดงาน Wisdom Valley อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 250-350 ไร่ – กฤษฎากา ติง คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ประโยชน์ที่จะได้รับและภาระทางการคลัง

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบในหลักการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2569 – 2573 รวมระยะเวลา 5 ปี และอนุมัติจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ จำนวน 2,000 ล้านบาท และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

นายจิรายุกล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมีการลงนามสัญญาสนับสนุนการจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทยกับ Tomorrowland International (TLI) หรือ บริษัท วี อาร์ วัน เวิลด์ (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตรในประเทศไทย ภายในเดือนสิงหาคม 2568

นายจิรายุกล่าวว่า ททท.ได้จัดทำรายละเอียดของการจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดสรุปได้ อาทิ สถานที่จัดงาน พื้นที่ Wisdom Valley อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครอบคลุมพื้นที่จัดงานหลัก 250-350 ไร่ พื้นที่อำนวยความสะดวก 100 ไร่ เชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา (forty five นาที) และสนามบินสุวรรณภูมิ (90 นาที) โรงแรมและที่พักในเขตบางละมุงกว่า 3,500 แห่ง รวม 66,000 ห้อง รวมถึงเข้าถึงบริการสุขภาพจากโรงพยาบาลมาตรฐานสากลในรัศมี 20-35 นาที

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานการดำเนินโครงการ ดังนี้

• สิงหาคม 2568 เริ่มกระบวนการจัดทำร่างข้อตกลงขั้นสุดท้าย (Definitive Agreement) ระหว่างคู่สัญญา (Tomorrowland International (TLI) หรือ บริษัท วี อาร์ วัน เวิลด์ (ไทยแลนด์) และ ททท.)

• ธันวาคม 2568 ประกาศการจัดการเทศกาลดนตรี Tomorrowland Thailand อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนเพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ

• กุมภาพันธ์ 2569 การรประกาศจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการ

• พฤษภาคม 2569 เป็นต้นไป เริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ระยะเวลาในการจัดงาน ดำเนินการในปี 2569-2573 (5 ปี) หรือ ปีละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 วัน (ศุกร์-อาทิตย์) โดยในปี 2569 จะจัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม

ประมาณการรายได้ คาดการณ์กำไรสุทธิจากการจัดงาน รวม 5 ปี จำนวน 2,695.84 ล้านบาท ประมาณการรายจ่าย เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับศิลปิน ค่าใช้จ่ายการตลาด ค่าจ้างสื่อ ค่าจ้างปฏิบัติงาน ค่าประกันและใบอนุญาตต่างๆ

ทั้งนี้ ปีแรกคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,342.39 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,610.91 ล้านบาท ในปีที่ 5 รวม 5 ปี เป็นเงิน 7,354.19 ล้านบาท

แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ ประกอบด้วย 1.ภาคเอกชนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย จำนวน 5,354.19 ล้านบาท 2.ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ 2,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น

• ปีที่ 1 (2569) ททท. ขอรับจัดสรรจากงบกลางฯ จำนวน 10 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 400 ล้านบาท

• ปีที่ 2 – ปีที่ 5 (2570-2573) ททท. ขอตั้งงบฯ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อไปและจัดทำแผนการปฏิบัติงานแผนการใช้จ่ายงบฯ จำนวน 10 ล้านยูโรต่อปี หรือ ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ ในกรณีที่ให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีแก่บริษัทผู้จัดเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในการนำเอาค่าใช้จ่ายในการจัดงานมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดร้อยละ 200 เทียบเท่าค่าใช้จ่ายในการอบรมและพัฒนาทักษะแรงงาน และค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนา จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลในอัตราร้อยละ 20 ในปีที่ 1 เป็นเงิน 39.76 ล้านบาท และในปีที่ 5 เป็นเงิน 197.17 ล้านบาท รวม 5 ปี เป็นเงิน 539.18 ล้านบาท

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็นว่า ททท.ควรมีการประเมินผลการจัดงานในแต่ละปี เพื่อให้สามารถปรับแผนการดำเนินงานสำหรับปีต่อๆไปได้ รวมทั้ง ควรสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการจัดกิจกรรมและกาสนับสนุนงบประมาณ จัดงาน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจร่วมกันจากการที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดเทศกาลระดับโลก และยังเป็นการลดภาระด้านงบประมาณของรัฐลงได้อีกทางหนึ่ง

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีความเห็นว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูง สอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของอีอีซี ซึ่งจะก่อให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจ สร้างโอกาสจ้างงานและกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ต่อไป อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเตรียมความพร้อมด้านระบบขนส่งสาธารณะ กำกับดูแลราคาและมาตรฐานของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า เป็นเรื่องในทางนโยบายซึ่งอยู่ในอำนาจของครม. ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ประโยชน์ที่จะได้รับและภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 27