
ที่ปรึกษา ‘พีระพันธ์ุ' โพสต์เฟซบุ๊กแจงปมถุงยังชีพปรากฎโลโก้ตัวเอง ยืนยันรัฐมนตรีไม่ผิด เผยต้นเหตุปัญหาจากทีมงาน สส.พิมพ์ภัทราสั่งติดสติกเกอร์โดยเจ้าตัวไม่ได้รับทราบ แถมตอนถ่ายรูปเจ้าตัวก็ยังไม่เห็นฝั่งโลโก้ แต่เมื่อเห็นก็ได้สั่งให้แก้ไขแล้ว
สำนักข่าวอิศรา . รายงานข่าวเกี่ยวกับข้อครหาของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการแจกถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่งบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อถือเป็นเงินหลวง แต่กลับติดสติกเกอร์รูปและชื่อของตัวเอง เป็นการใช้ทรัพย์สินของหลวงเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้แจ้งข้อกล่าวหานายพีระพันธุ์เพื่อให้รับทราบ ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568
จากกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เฟซบุ๊กชื่อ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธหิ ที่ปรึกษานายพีระพันธุ์ได้มีการโพสต์ข้อความยืนยันว่านายพีระพันธ์ุไม่ได้มีเจตนาทุจริตแต่อย่างใด โดยเนื้อหาเฟซบุ๊กระบุว่า
ที่จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ตื่นเต้น ซึ่งในการตรวจเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องใน 2 จังหวัดขั้นต้น ใช้เวลามากกว่ากำหนดการทำให้เมื่อมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช ล่าช้ากว่ากำหนดการมาก เมื่อไปถึงพื้นที่ท่านก็ตรงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้านที่มารอรับ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำถุงยังชีพมาให้แจก ตามภาพด้านขวามือที่ท่านได้เห็น เจ้าหน้าที่ส่งถุงยังชีพให้ท่านโดยหันด้านโลโก้ออกหากล้องฝั่งด้านของท่านนั้นจะเป็นด้านหลังถุงยังชีพที่ไม่มีโลโก้อยู่
ในครั้งแรกท่านจึงยังไม่ได้สังเกตุเห็น แต่หลังจากนั้นท่านจึงได้เห็นว่ามีรูปท่านติดอยู่บนถุงยังชีพ ท่านจึงสั่งการ ให้รีบไปแก้ไขและไม่ได้อยู่แจกต่อ ต่อมาภาพทางขวามือจึงได้ถูกส่งไปร้องเรียนที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผ่านสื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้มีการมาสอบถามหรือไต่สวนจากท่านแต่อย่างไร หนังสือเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหาท่านก็ยังไม่เคยได้รับ แต่กลับปรากฏรายละเอียดอยู่ตามสื่อทั่วไป
ข้อเท็จจริง ในการตรวจเยี่ยมประชาชนครั้งนั้น นอกจากถุงยังชีพจาก ปตท.และ กฟผ.แล้ว ท่านยังมีข้าวสารที่เหลือจากการจำหน่ายสินค้าราคาถูกในงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์ นำไปแจกด้วยโดยการแจกจะแจกคู่กับถุงยังชีพตามภาพด้านซ้าย ซึ่งถุงข้าวสารรวมไทยสร้างชาติแฟร์นี้ ใช้แจกจ่ายในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีจนหมด ดังนั้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้ใช้วิธีไปซื้อข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จากร้านค้าทั่วไปซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อ
หลังจากนั้นท่าน สส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล จึงได้ไปสั่งทำ สติกเกอร์ของท่านพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค ติดบนถุงข้าวสารเหล่านั้นโดยไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ
เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากความหวังดีของทีมทำงานท่าน สส.พิมพ์ภัทราฯ ได้เปิดถุงยังชีพของ ปตท. ออกดู จึงเห็นว่าในถุงปตท. มีข้าวสารอยู่แค่ 2 กิโลกรัม จึงมีความคิดว่า นำข้าวสาร 5 กิโลกรัมที่ท่านพีระพันธ์ุฯให้มาแจก ใส่เพิ่มเข้าไปในถุงยังชีพ เพื่อให้ผู้ที่รับถุงยังชีพถือกลับบ้านได้อย่างสะดวกไม่ต้องถือเป็น 2 ถุง คือถุงยังชีพ 1 ถุงและข้าวสารท่านพีระพันธ์ุอีกหนึ่งถุงเหมือนภาพด้านซ้ายมือ หลังจากเอาข้าวสารของท่านพีระพันธุ์ใส่ในถุงแล้ว ด้วยความหวังดีของน้องๆ อาสาสมัครที่มาช่วยงาน เห็นว่าในถุงยังชีพมีข้าวสารของท่านพีระพันธุ์อยู่ด้วย ประกอบกับสติกเกอร์ท่านพีระพันธ์ุ ที่ใช้สำหรับแปะถุงข้าวสาร ยังเหลืออยู่ จึงเอาแปะเข้าไปบนถุงยังชีพด้วย
สำหรับถุงยังชีพนี้ ทางทีมงานท่าน สส. พิมพ์ภัทรา ฯ ก็เป็นผู้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจาก ปตท. โดยตรง จะเห็นได้ว่ากระบวนการ ในการจัดเตรียมและแจกถุงยังชีพในครั้งนี้ ท่านพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และไม่ได้มีเจตนาที่แสวงหาประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังจะเห็นได้ว่า ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งมีการแจกถุงยังชีพในวันดังกล่าวเหมือนกัน แต่ไม่มีที่ใดมีการแปะสติกเกอร์ของท่านบนถุงยังชีพแม้แต่ถุงเดียว ซึ่งถ้าท่านมีเจตนาจะแสวงหาผลประโยชน์จากกระทำการดังกล่าวแล้ว จะต้องสั่งการให้ทั้งสองที่นั้นทำเหมือนเหมือนกัน
เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องพิภพมัจจุราช ที่เคยดูตอนเด็กๆ มีอยู่ตอนนึงที่มีตัวละคร ในเรื่องไปเหยียบมดหรือแมลงโดยไม่ได้ตั้งใจและเจ้าตัวก็ไม่ทราบเพราะไม่เห็น เจ้ามดหรือแมลงนี้ก็นำความไปฟ้องยมบาล พอท่านได้สืบสาวเรื่องราวต่างๆ ท่านก็ตัดสินว่าตัวละครตัวนั้นไม่มีความผิดเนื่องจากไม่มีเจตนาและไม่ได้ทราบการกระทำนั้น ให้มดหรือแมลงนั้นอโหสิกรรมให้ แต่ในเรื่องถุงยังชีพนี้ยิ่งกว่านั้นอีกครับ คือคนที่เหยียบมดหรือแมลงนั้น ท่านพีระพันธ์ุก็ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่รู้เรื่องด้วย เรื่องนี้ถ้าให้ยมบาลตัดสิน ท่านคงพ้นผิดและไม่บาปเพราะไม่ใช่การกระทำของท่าน ในทางตรงกันข้ามการนำข้าวสารไปแจก เป็นเจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัยจากมารทั้งหลายทั้งปวง ถ้ามาตรฐานจริยธรรมมาจากรากฐานทางคุณธรรมของมนุษย์แล้ว ผมว่าท่านก็ไม่ผิดแน่นอนครับ
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )